KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับธรรมมะกับมนุษย์ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน ประวัติของพระอริยสงฆ์ สาวกที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ รวมทั้งปฏิปทาในการปฏิบัติรวมภาพพระธาตุพระอรหันต์สายหลวงปู่มั่น
หน้า: [1]
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: รวมภาพพระธาตุพระอรหันต์สายหลวงปู่มั่น  (อ่าน 66476 ครั้ง)
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2009, 03:29:34 PM »



   รวมภาพพระธาตุพระอรหันต์สายหลวงปู่มั่น

    ลักษณะการเกิดพระธาตุ
    เหตุแห่งการเป็นพระธาตุ

   "กระดูกของปุถุชนผู้มีกิเลสหนา ตัณหาเหนียว ย่อมมีโครงสร้างสลับซับซ้อน
    ประกอบด้วยสารผสมเชิงซ้อนหลายชั้นจนมีสีดำ
    กระดูกของผู้มีศีลธรรม ผู้มีกิเลศเบา ตัณหาบาง
    ย่อมมีโครงสร้างโปร่งประกอบด้วยสารประกอบที่มีความสับสนน้อย มักมีสีเทา
    กระดูกของพระอรหันต์ ผู้หมดจดปราศจากกิเลศตัณหา เพราะตัดสายอุปทาน (อันเป็นแรงร้อยยึดเหนี่ยว) เสียได้
    กระดูกของท่าน
    จึงสลายตัวกลายเป็นธาตุเดี่ยว กล่าวคือ ส่วนที่เป็นแคลเซียมก็รวมตัวกับแคลเซียม
    ส่วนที่เป็นซิลิคอนรวมกับซิลิคอน มีสีและคุณ
    สมบัติเป็นธาตุอันอิสระตามเดิม ซึ่งเรียกว่า พระธาตุดังนี้ "
    จากหนังสือ พระไตรปิฏกฉบับพิเศษ ธรรมธาตุ ธรรมชาติแห่งสรรพสิ่ง ของ ไชย ณ พล


    \\\"พระอริยะหรืออริยบุคคลที่ปฏิบัติธรรมถูกหลักธรรมจักรฯนั้น กายและ
    ใจของท่านจะได้รับการซักฟอก
    ชำระล้างด้วยวิมุตติธรรม
    (ธาตุธรรมอันบริสุทธิ์แท้อยู่ระหว่างรูปกับนาม อยู่เหนืออนิจจังแห่งภพสาม)อนุสัย และ
    อาสวะกิเลสทั้งหลายค่อยๆ ถูกขจัดออก
    ไปจากส่วนต่างๆทั้งกายและใจ (ทุกส่วนของขันธ์ 5)
    ส่วนต่างๆที่ลมปราณเคยผ่านไปถึงจึงค่อยๆกลายเป็นพระธาตุไป กล่าวอย่างย่อ
    ก็คือว่า จิตอันบริสุทธิ์ของพระอรหันต์นั้น มีอำนาจซักฟอกธาตุขันธ์ให้เป็นธาตุอันบริสุทธิ์
    จึงเกิดเป็นพระธาตุได้\\\"

    หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม วัดป่าอรัญวิเวก ต.บ้านป่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม พระอริยะสำคัญสายพระอาจารย์มั่น
    และ เป็นสหายร่วม
    ธุดงค์ของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ได้เคยกล่าวไว้ว่า
    \\\"อำนาจตบะที่อริยบุคคลได้ตั้งหน้าบำเพ็ญเพียรเพื่อขัดเกลากิเลสนั้น มิได้แผดเผา
    ชำระล้างเฉพาะกิเลสเท่านั้น หากแต่ได้แผดเผา ชำระล้าง
    ซักฟอกกระดูกในร่างกายให้กลายเป็นพระธาตุไปด้วยในขณะเดียวกัน\\\"

    จากหนังสือพระบรมธาตุ ของ อ.บริภัทร

    การบังเกิดขึ้นของพระธาตุจากส่วนต่างๆนั้น คุณหญิงสุรีพันธ์ มณีวัต ได้สังเกตและจดบันทึกเป็นขั้นตอน
    ดังนี้

    การแปรพระธาตุจากผงอังคาร
    พระธาตุหลวงปู่กอง จันทวังโส
    วัดสระมณฑล จ.อยุธยา

    1. ผงอังคาร (ถ่าน)
    2. มีจุดเล็กเหมือนไข่ปลา สีขาวเทาเกิดขึ้น
    3. ไข่ปลานั้นเริ่มโตขึ้น สีเทาดำ
    4. สีเทาดำ เริ่มขาวขึ้น พระธาตุมีขนาดใหญ่ขึ้น
    5. องค์พระธาตุสมบูรณ์ขึ้น ซึ่งจะเข้าลักษณะเมล็ดข้าวโพด
    การแปรเป็นพระธาตุจากอัฐิ
    ชิ้นอัฐิที่กำลังแปรเป็นพระธาตุ

   พระธาตุที่แปรสภาพจากอัฐิ

    1. กระดูกตามธรรมชาติ
    2. กระดูกเริ่มแปรเป็นพระธาตุแยกเป็น 2 ลักษณะ
    2.1 กระดูกที่มีลักษณะเป็นฟองกระดูกเป็นรูพรุน ฟองกระดูกเริ่มหดตัว รวมตัวเข้าเป็นผลึก
    ฟองกระดูกบางส่วนจะยังคงสภาพอยู่
    2.2 กระดูกที่เป็นขิ้นยาว แนวเยื่อกระดูกที่เห็นเป็นเส้นบางๆ ต่อไปจะแปรเปลี่ยนเป็นพระธาตุตามแนวเส้น
    จะเกิดผลึกขยายขึ้นจนเต็มองค์
    3. สภาพใกล้เป็นพระธาตุมากขึ้น
    3.1 พระธาตุลักษณะนี้แปรสภาพจาก 2.1 ส่วนที่เป็นผลึกหินปูนจะมากขึ้น
    ส่วนที่เห็นเป็นฟองกระดูกจะน้อยลง
    ลักษณะเริ่มมน มีสัณฐานกลม
    รี เมล็ดข้าวโพด เห็นส่วนฟองกระดูกติดเพียงเล็กน้อย
    3.2 พระธาตุลักษณะนี้ มักจะคงรูปกระดูกเดิมไว้ โดยแปรจาก 2.2
    เยื่อกระดูกที่เกาะเป็นผลึกหินปูนจะขยายตื้นขึ้นจนเกือบเต็มรูพรุนกระดูก
    ประมาณเห็นส่วนกระดูกเหลือเพียง 10-20%
    4. เป็นพระธาตุโดยสมบูรณ์

    ลักษณะการแปรเป็นพระธาตุจากเกศา
    เกศาหลวงปู่สนั่น รักขิตสีโล
    วัดป่าสุขเกษมนิราศภัย จ.สกลนคร

    1. เส้นเกศาตามธรรมชาติ
    2. เส้นเกศาหย่งตัวขึ้นและมารวมตัวกันเข้า ติดกันเป็นแพเล็กๆ
    3. แพเหล่านั้นจะรวมเป็นก้อน
    4. เริ่มลักษณะเป็นพระธาตุ สีน้ำตาลอ่อนคล้ายพิกุล
    5. เป็นพระธาตุโดยสมบูรณ์ สีพิกุลแห้ง หรือ นวล
    นอกจากนี้ การเกิดพระธาตุจากอัฐินอกเหนือจากที่คุณหญิงสุรีพันธ์บันทึกไว้นั้น ยังมีอีก 2 ลักษณะ
    ที่มีผู้สังเกตไว้ดังนี้

    ลักษณะการแปรเป็นพระธาตุจากอัฐิ
    1. อัฐิตามธรรมชาติ
    2. เกิดองค์พระธาตุผุดขึ้นมาจากชิ้นอัฐิ
    3. องค์พระธาตุมีขนาดใหญ่ขึ้น
    4. หลุดออกมาเป็นพระธาตุโดยสมบูรณ์

    ลักษณะการเกิดพระธาตุขณะฌาปนกิจ พระธาตุพระสิทธิสารโสภณ
    วัดอาวุธวิกสิตาราม จ.กรุงเทพฯ

    1. สภาพศพตามธรรมชาติ เมื่อทำการเผา
    2. เกิดวัตถุธาตุส่องแสงเป็นประกายหยดออกมาจากร่างกาย
    3. เมื่อกระทบกับสิ่งที่รองรับก็กลิ้งกระจายออกเป็นขนาดต่างๆ
    4. กลายเป็นพระธาตุโดยสมบูรณ์
    หมายเหตุ การเกิดพระธาตุลักษณะนี้ มีผู้บันทึกไว้เพียง 2 ท่าน ได้แก่ พระสิทธิสารโสภณ (สงวน โฆสโก) และ
    อุบาสิกา บุญเรือน โตงบุญเติม

    และอีกลักษณะหนึ่งซึ่งพบกันมาก คือ การที่พระธาตุเสด็จมาประทับรวมกับอัฐิ เหรียญ หรือ
    รูปหล่อเคารพของครูบาอาจารย์เอง จึงอาจจะเรียกวิธีนี้ว่า ปาฏิหาริย์

    พระธาตุที่เกิดขณะที่ท่านยังมีชีวิต

    ลักษณะการพบพระธาตุขณะท่านยังมีชีวิตอยู่
    พระธาตุชานหมากหลวงพ่อ
    พระราชพรหมยาน (ฤาษีลิงดำ)
    วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

    สำหรับพระสงฆ์ที่ยังไม่ดับขันธ์ก็สามารถพบว่าเกิดพระธาตุได้เช่นกัน ที่มีประจักษ์พยานชัดเจน เช่น
    กรณีของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ที่ได้ทำการผ่าตัดกระดูกสะบ้าหัวเข่า
    พบว่ากระดูกสะบ้าหัวเข่าท่านกลายเป็นพระธาตุแล้ว


    1. การผ่าตัดเปลี่ยนกระดูก แล้วกระดูกที่ออกมาพบว่าเป็นพระธาตุ
    2. เกศาที่ปลงไว้ แปรเปลี่ยนเป็นพระธาตุ
    3. เล็บที่ตัดแปรเป็นพระธาตุ
    4. ฟันที่หลุด หรือ ถอน กลายเป็นพระธาตุ
    5. ชานหมากหรือน้ำหมากที่ท่านเคี้ยว ตกผลึกเป็นพระธาตุ
    6. มีพระธาตุเสด็จไปประทับรวมกับรูป ล๊อกเก็ต หรือ รูปเหมือนของท่านเอง

    ต่อไปท่านจะได้พบกับ
    พระธาตุพระอรหันต์สายหลวงปู่มั่น (เป็นบางส่วนเท่านั้นครับ)

    
    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน

    
    หลวงปู่เทสก์ เทสรังษี

    http://images.torrentmove.com/show.php?id=389bbb8ecc58882df3cc2979b3edead1

    หลวงปู่เทสก์ เทสรังษี

    
    หลวงปู่เทสก์ เทสรังษี

    
    หลวงปู่ผาง จิตตคุตโต

    
    พระทันตธาตุหลวงปู่ดูลย์ อตุโล

    
    พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล

    
    พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

    
    พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม

    
    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

    
    หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม

    
    พระธาตุหลวงปู่ขาว อนาลโย เกศาและจีวรของท่าน

    
    เส้นเกศาธาตุ หลวงปู่แว่น ธนปาโล

    
    เส้นเกศาธาตุ หลวงปู่บุดดา ถาวโร

    
    เส้นเกศาธาตุ หลวงปู่ชา สุภัทโท

    
    เส้นเกศาธาตุ หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต

    
    เกศาธาตุหลวง ปู่ขาว อนาลโย

    
    หลวงปู่สิงห์ทอง ธัมมวโร

    
    หลวงปู่สิงห์ทอง ธัมมวโร

    
    หลวงปู่สิงห์ทอง ธัมมวโร

    
    หลวงปู่คำตัน ฐิตธัมโม

    
    หลวงปู่คำตัน ฐิตธัมโม

    
    หลวงปู่เข่ง โฆษธัมโม

    
    หลวงปู่เข่ง โฆษธัมโม

    
    หลวงปู่สิม พุทธจาโร

    
    หลวงปู่สิม พุทธจาโร

    
    หลวงปู่สิม พุทธจาโร

    
    พระอาจารย์วัน อุตตโม

    
    พระอาจารย์วัน อุตตโม

    
    หลวงปู่ขาว อนาลโย

<มีต่อ> ครับๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 13, 2016, 12:34:24 PM โดย golfreeze » บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2009, 03:35:20 PM »

    
    หลวงปู่ขาว อนาลโย

    
    หลวงปู่ขาว อนาลโย

    
    หลวงปู่ขาว อนาลโย

    
    พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ

    
    พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ

    
    พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ

    
    พระราชสังวรญาณ(หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)

    
    พระราชสังวรญาณ(หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)

    
    หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล

    
    หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล

    
    หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล

    
    หลวงปู่คำฟอง มิตตภานี

    
    หลวงปู่หลุย จันทสาโร

    
    หลวงปู่หลุย จันทสาโร

    
    หลวงปู่หลุย จันทสาโร

    
    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ

    
    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ

    
    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ

    
    หลวงปู่สาม อกิญจโน

    
    หลวงปู่สาม อกิญจโน

    
    พระญาณสิทธาจารย์ (สิงห์ สุนทโร, หลวงปู่เมตตาหลวง)

    
    พระญาณสิทธาจารย์ (สิงห์ สุนทโร, หลวงปู่เมตตาหลวง)

    
    สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (หลวงปู่สนั่น จันทปัชโชโต)

    
    สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (หลวงปู่สนั่น จันทปัชโชโต)

    
    สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (หลวงปู่สนั่น จันทปัชโชโต)

    
    หลวงพ่อประยุทธ์ ธัมยุทโต (ศิษย์หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม )

    
    หลวงพ่อประยุทธ์ ธัมยุทโต (ศิษย์หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม )

    
    หลวงปู่พระมหาปราโมทย์ ปาโมชโช

    
    หลวงปู่พระมหาปราโมทย์ ปาโมชโช

    
    พระครูสุวัณโณปมคุณ (หลวงปู่คำพอง ติสโส)

    
    พระครูสุวัณโณปมคุณ (หลวงปู่คำพอง ติสโส)

    
    พระนพีสีพิศาลคุณ(ทองอินทร์ กุสลจิตโต)

    
    พระนพีสีพิศาลคุณ(ทองอินทร์ กุสลจิตโต)

    
    พระนพีสีพิศาลคุณ(ทองอินทร์ กุสลจิตโต)

    
    พระนพีสีพิศาลคุณ(ทองอินทร์ กุสลจิตโต)

    
    พระครูการุณยธรรมนิวาส (หลวง กตปุญโญ)

    
    พระครูการุณยธรรมนิวาส (หลวง กตปุญโญ)

    
    พระครูการุณยธรรมนิวาส (หลวง กตปุญโญ)

    
    พระครูจิตตวิโสธนาจารย์ (หลวงปู่หนู สุจิตโต)

    
    พระครูจิตตวิโสธนาจารย์ (หลวงปู่หนู สุจิตโต)

    
    พระครูจิตตวิโสธนาจารย์ (หลวงปู่หนู สุจิตโต)

    
    หลวงปู่ขาน ฐานวโร

    
    หลวงปู่ขาน ฐานวโร

    
    หลวงปู่ขาน ฐานวโร

    
    หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม

    
    หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม

    
    แม่ชีแก้ว เสียงล้ำ

    
    แม่ชีแก้ว เสียงล้ำ

    
    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

    

    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน น้ำหมาก-เกศา-ฟัน ที่แปรเป็นพระธาตุ


    ยังมีอีกมากมาย เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่
    แหล่งข้อมูลด้าน พระบรมสารีริกธาตุ

    www.palungjit.com
    www.pratatlanna.com
    www.relicsofbuddha.com
    www.pagodasiam.com
    www.rakpratat.com
    www.luangpumun.org
    www.konmeungbua.comprathadpic_prathad.html

    เจริญในธรรมครับ
    hs6kjg



 ขอขอบพระคุณข้อมูลดีๆ จากคุณ hs6kjg และ Link ที่เกี่ยวข้อง ด้วยน่ะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 09, 2009, 03:37:55 PM โดย golfreeze » บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 16, 2011, 02:58:24 PM »

เนื่องจากภาพมีการหายไปนะครับ ทางเราจะรวบรวมใหม่ ให้นะครับผม
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
NewpongZaa
สมาชิกใหม่
*

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 0
กระทู้: 1


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2011, 03:12:56 PM »

ผมอยากได้รูปพระธาตุไปทำหนังสือนะคับ

ต้องไปขอที่ไหนคับ

0849507930
[email protected]
บันทึกการเข้า
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2014, 10:04:52 PM »

มีเพิ่มเติมอีกนิดนะครับที่นี่

http://www.kammatan.com/ariya/nirvanadham.php
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2015, 09:55:22 AM »

พระธาตุของพระอริยสาวกสมัยพุทธกาล สามารถเข้าไปดูได้ที่นี่ นะครับ => http://www.kammatan.com/gallary/index.php?x=browse&category=85&pagenum=1
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2016, 12:37:39 PM »



ในบรรดาพระป่าสายพระอาจารย์มั่น ส่วนมากได้ให้ความนับถือพระคาถาบทหนึ่ง
คือพระคาถาโมรปริตหรือชาวบ้านทั่วไปเรียกกันว่า"พระคาถานกยูงทอง"

"นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา" แปลว่า “ความนอบน้อมของข้า ฯ จงมีแด่ท่านผู้พ้นแล้วทั้งหลาย ความนอบน้อมของข้า ฯ จงมีแด่ วิมุตติธรรม”

 เป็นส่วนหนึ่งของบทสวดโมรปริตร ซึ่งในบรรดาพระป่าสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตส่วนมากได้ให้ความนับถือพระคาถาบทหนึ่ง
ชาวบ้านทั่วไปเรียกกันว่า "พระคาถาพญายูงทอง" ซึ่งความเดิมมีอยู่ว่า มีพญายูงทองตัวหนึ่งที่มีชีวิตแคล้วคลาดจากการถูกเข่นฆ่ามาได้โดยตลอด
แม้พระราชาหรือนายพรานที่มีความชำนาญก็ยังจับตัวไม่ได้ เนื่องจากพญายูงทองได้ท่องพระคาถานี้มาโดยตลอด แม้จะถูกดักด้วยแร้ว
กลไกของแร้วก็ไม่ลั่น จนกระทั่งมีนายพรานที่มีปัญญาหลักแหลมจึงหาอุบายเอานกยูงตัวเมียที่ฝึกไว้จนเชื่องและปฎิบัติตามคำสั่ง
ได้เข้าไปล่อและส่งเสียงร้องก่อนที่พญายูงทองจะท่องพระคาถา พญายูงทองก็เกิดความกระสันด้วยกิเลส ลืมร่ายมนต์และเข้ามาหานางนกยูง
เลยถูกบ่วงแร้วรัดตัวและถูกจับไว้ได้ในที่สุด

เกี่ยวกับพระคาถานี้ มีเรื่องราวที่บันทึกต่อ ๆ กันมาว่า เมื่อประมาณปีพ.ศ.๒๔๘๗ ซึ่งในขณะนั้นขบวนการเสรีไทยกำลังโด่งดังมาก
บ้านหนองผือเป็นอีกแห่งหนึ่งที่ขบวนการเสรีไทยเข้าไปตั้งค่ายฝึกอบรมครูและชาวบ้านเพื่อเป็นกองกำลังต่อสู้ขับไล่ทหารญี่ปุ่น
คุณครูหนูไทย สุพลวานิช เป็นอีกผู้หนึ่งที่ถูกเกณฑ์เข้าฝึกอบรมในค่ายนี้ เมื่อว่างจากการฝึกก็มีเพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นว่า
"ท่านพระอาจารย์ใหญ่วัดป่าบ้านหนองผือ (หมายถึงหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต) ทราบว่าท่านเป็นพระดีองค์หนึ่ง
พวกเราน่าจะลองไปขอของดีจากท่านดูบ้าง ท่านคงจะให้พวกเรา"

วันต่อมาคุณครูหนูไทยจึงหาแผ่นทองมาได้แผ่นหนึ่ง ตัดเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ แล้วให้โยมผู้เฒ่าทายกวัดที่เป็นญาตินำไปถวายหลวงปู่มั่น
เพื่อให้ท่านทำหลอดยันต์ให้ โยมผู้ที่นำแผ่นทองนั้นไม่กล้าเข้าไปหาท่านโดยตรง จึงให้พระอุปัฏฐากเข้าไปลองถามท่านดูก่อน
หลวงปู่มั่นได้พูดตอบพระอุปัฏฐากว่า "เขาอยากได้ กะเฮ็ดให้เขาสั้นตั๊ว” (หมายความว่า เขาต้องการก็ทำให้เขาได้ จะเป็นไรไป)
เมื่อพระอุปัฏฐากเข้าใจแล้ว จึงบอกให้โยมเอาแผ่นทองมาให้ท่าน รออยู่ประมาณสามวัน พระอุปัฏฐากท่านก็นำหลอดยันต์นั้นมาให้โยม
แล้วโยมผู้เฒ่านั้นจึงนำมาให้คุณครูหนูไทยอีกทีหนึ่ง เมื่อได้ของดีแล้วก็ดีใจเป็นอย่างมาก เก็บรักษาด้วยความทะนุถนอมและนำติดตัวไปทุกสถานที่
วันหนึ่งคุณครูหนูไทยได้เดินเที่ยวเล่นไปด้านหลังสนาม เผอิญเหลือบไปเห็นเพื่อนสามสี่คนกำลังทดลองยิง "เขี้ยวหมูตัน"
ด้วยอาวุธปืน ปรากฏว่าเขี้ยวหมูตันที่ถือว่าเป็นของขลังศักดิ์สิทธิ์นั้นแตกกระจายไปคนละทิศละทาง เจ้าของเขี้ยวหมูตันนั้นถึงกับหน้าถอดสี
ส่วนเพื่อนที่เป็นคนยิงคงจะย่ามใจ หันมาถามคุณครูหนูไทยที่เดินเข้ามาสมทบทีหลังว่า "มีของดีอะไรมาลองบ้าง"

ด้วยความซื่อและความเป็นเพื่อน คุณครูหนูไทยจึงตอบไปว่า "มีอยู่" เท่านั้นแหละ เพื่อนคนนั้นก็เอามือล้วงกระเป๋าเสื้อของคุณครูหนูไทย
หยิบตะกรุดยันต์ที่หลวงปู่มั่นทำให้ติดมือขึ้นมา คุณครูหนูไทยจะวอนขออย่างไร เขาก็ไม่ยอมคืนให้
ในที่สุดเขาก็นำตะกรุดยันต์ไปวางในที่ระยะห่างประมาณสัก ๓-๔ วา แล้วยกปืนขึ้นเล็งไปที่ตะกรุดยันต์นั้น สักครู่ได้ยินเสียงดัง "แชะ แชะ"
ไม่ระเบิด ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกตะลึง ครั้งที่สามเมื่อลองหันปลายกระบอกปืนขึ้นบนฟ้าแล้วกดไกอีกครั้ง
ปรากฏว่าเสียงปืนดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ส่วนคุณครูหนูไทยรู้สึกตัว ใช้จังหวะนั้นวิ่งเข้าไปหยิบตะกรุดยันต์คืนมาอย่างรวดเร็ว

ต่อมาบางคนที่ได้ทราบข่าวนี้ก็พากันไปขอของดีจากหลวงปู่มั่นที่วัด ส่วนมากจะได้เป็นแผ่นผ้าลงอักขระคาถาตัวยันต์
สำหรับตะกรุดแผ่นทองนั้นไม่ค่อยมี เพราะแผ่นทองสมัยนั้นหายากมาก ต่อมาไม่นานหลวงปู่มั่นคงเห็นว่ามากไปจนเกินเลย
จึงบอกให้เลิก ท่านบอกว่าสงครามเขาจะสงบแล้ว ไม่ต้องเอาก็ได้ พวกตะกรุดยันต์หรือผ้ายันต์เหล่านั้นเป็นของภายนอก
สู้เอาคาถาบทนี้ไปบริกรรมแนบกับใจไม่ได้ ให้บริกรรมทุกเช้าค่ำจนขึ้นใจ แล้วจะปลอดภัย อันตรายต่าง ๆ
จะไม่มากล้ำกรายตัวเราได้เลย คาถาบทนั้นว่าดังนี้
"นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา"

ตั้งแต่นั้นมาชาวบ้านหนองผือก็ไม่กล้าไปขอของดีจากท่านอีก และเป็นความจริงตามที่หลวงปู่มั่นกล่าว ไม่ถึงเจ็ดวัน
ก็ได้ทราบข่าวว่า เครื่องบินทหารอเมริกันไปทิ้งระเบิดปรมาณูใส่เมืองฮิโรชิม่าและเมืองนางาซากิ ในประเทศญี่ปุ่น
เสียหายย่อยยับ จนในที่สุดประเทศญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงครามและสงครามโลกก็สงบจบสิ้นลง

จากบันทึกหลวงตาทองคำ จารุวัณโณ อดีตพระอุปัฎฐากหลวงปู่มั่น ได้บันทึกไว้ในหนังสือ “บูรพาจารย์” เกี่ยยวกับเรื่องเดียวกันนี้ไว้ว่า
คราวหนึ่งหลวงปู่มั่นพักอยู่ที่ดอยมูเซอ วันหนึ่งพระสยามเทวาธิราชพร้อมคณะเทพบริวารไปกราบนมัสการหลวงปู่มั่นซึ่งกำลังเดินจงกรมอยู่
พอรายงานตัวเสร็จหลวงปู่มั่นได้ถามวัตถุประสงค์ของการมากราบครั้งนี้ พระสยามเทวาธิราชบอกว่า
"เวลานี้ฝ่ายสัมพันธมิตรได้มาทิ้งระเบิดกรุงเทพฯ อย่างหนักหน่วง พวกข้าพเจ้าป้องกันเต็มที่"

หลวงปู่มั่นถามว่า "มีคนบาดเจ็บล้มตายไหม" พระสยามเทวาธิราชตอบว่า "มี" ท่านถามว่า "ทำไมไม่ช่วย"
 พระสยามเทวาธิราชตอบว่า "ช่วยไม่ได้ เพราะเขามีกรรมเวรกับข้าศึก จะช่วยได้เฉพาะผู้ไม่มีกรรม สถานที่สำคัญและพระพุทธศาสนาเท่านั้น"
หลวงปู่มั่นถามต่อว่า "พวกท่านมานี้ประสงค์อะไร" พระสยามเทวาธิราชกราบเรียนว่า "ขอให้ท่านบอกคาถาปัดเป่าลูกระเบิดไม่ให้ตกถูกที่สำคัญ" หลวงปู่มั่นจึงกำหนดพิจารณาหน่อยหนึ่ง ก็ได้ความว่า "นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา" เท่านั้น พวกเทพสาธุการแล้วลากลับไป
ไม่เห็นกลับมาอีก "นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา" จึงเป็นสุดยอดพระคาถาแคล้วคลาดจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ถ้าบริกรรมทุกเช้าค่ำแล้ว จะปลอดภัยจากภยันตรายต่าง ๆ ทั้งหลายทั้งปวง
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
หน้า: [1]
พิมพ์
กระโดดไป: