KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับห้องนั่งเล่น คุยกันสบายๆตามประสาชาวกรรมฐานคุยกันสบายๆ ตามประสาชาวกรรมฐาน.คอมเขียนๆ คุยๆ กับเพื่อนที่รู้ใจ
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 9
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เขียนๆ คุยๆ กับเพื่อนที่รู้ใจ  (อ่าน 127538 ครั้ง)
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #45 เมื่อ: เมษายน 19, 2011, 10:42:36 PM »

พระธาตุของระดับเอตทัคคะทั้งน้านเลย...อัญเชิญมาได้อย่างไรกันนี่ มากมายขนาดนี้  ยิ้ม

 
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #46 เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2011, 09:50:51 AM »

เคยเป็นแบบนี้บ้างไหม
เดิน จนปวดขา ยังไม่สำนึกว่ามันปวด ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #47 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2011, 12:15:00 PM »

กายมันเจ็บปวดก็รู้นะครับ แต่ใจมันไม่ได้ไปเจ็บปวดตามด้วย
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #48 เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2011, 01:41:04 AM »

ที่ว่า มาว่า  เดินจนขาลาก 

ใจมัน ยังอวดดี  ว่า เด๋ว ก้ แก้ทุกข์ได้ด้วยการหยุดเดิน

ไม่สำเหนียกว่า  กาย มันทุกข์  ของแท้  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #49 เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2011, 01:47:23 AM »

1 สัปดาห์ มานี่ แบก ขันธุ์ ทั้งของตัวและชาวบ้าน  ร้าวระบมเลย


ครือ  เรื่อง งาน แหละ คนจะเอา แล้วไม่ได้อย่างที่ต้องการ ก็ หาเรื่่อง กัน

มันแปลกที่  ไม่ถูกหน้า กันมานาน แล้ว

แต่ ท่านยังหาโอกาส  เหมาะไม่ได้

คราวนี้ มีจังหวะ เลยฟาดเราเข้าให้  ..... พอรำคาญ

ดี..ทำให้  ได้ตรวจสอบว่าเรายังกระเพื่อม  ๆ ๆ  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #50 เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2011, 09:25:38 PM »


ถ้าใจมันยังหาทางแก้ไขอยู่นั่นก็ไม่เป็นกลางและไม่ใช่วิถีทางของไตรลักษณ์หรอกครับ

ถ้าใจมันเป็นกลางจริงมันก็จะดูร่างกายมันเดินไปถึงแม้มันจะไม่ไหวจนขามันสั่น

ใจก็มองเพียงเห็นขามันสั่น ก็เป็นไปตามธรรมชาติของมันเองเมื่อใช้พลังงานสุดๆจนโอเวอร์ มันก็จะเป็นของมันเองแบบอัติโนมัติ

คล้ายๆการช็อคกระตุกของกล้ามเนื้อ เพื่อส่งถ่ายพลังงานออกไปในจุดที่หมดพลังงาน มันเป็นของมันเอง ไม่มีใครบังคับมันได้หรอกนะครับ

จนมันทำงานของมันจนไม่ไหวแล้วขามันก็ พับ ลงไป แค่นั้นแหละครับ หรือมีเหตุให้ต้องหยุด ไม่ใช่ใจหรือคิด สั่งให้หยุด

ใจก็ดูที่มันเป็นไป

แต่ความคิดก็คือทำอย่างไรจะดับความทุกข์ที่เจ็บขาอยู่ตอนนั้นให้ได้ต่างหาก แยกกันให้ออก
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #51 เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2011, 09:52:56 PM »

ปลื้มใจมากครับ วันนี้ไปเวียนเทียนมา ชาวพุทธเรา นั่งรอเวียนเทียนเยอะมากๆ บ้างคนแก่ก็จูงลูกจูงหลานมา

บ้างก็มากันเป็นคู่ บ้างก็มาเป็นครอบครัวใหญ่ ดีนะครับที่ชาวพุทธยังให้ความสำคัญกับวันแห่งแสงสว่างของพระธรรมบังเกิดบนโลก

วันที่ชาวพุทธควรระลึกถึงพระมหากรุณาแห่งองค์พระศาสดา องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงละซึ่่งจากกิเลส ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

อนุโมทนาสาธุ ครับผม  ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #52 เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2011, 10:09:34 PM »

ผมก็ ๒ อาทิตย์ก่อนแหละครับ ดีครับมาได้บททดสอบว่าเราปฏิบัติมาเรานิ่งได้พอ ใจกระเพื่อมหวั่นไหวบ้างหรือเปล่า

ปะทะกันมากจนล้าเลย ก็กระเพื่อมบ้าง แล้วตามดูติดตลอดไม่ให้หลุด หรือหลุดไปบ้างก็ไม่ต้องวิตกมากนัก

ไม่ใช่ว่าคิดเอาว่าเราปฏิบัติดีแล้ว แต่พอมาเจอสิ่งกระทบจริงๆก็ วีนแตก โวยแหลก บางคนไม่พูดมากแต่ขี้งอนน้อยใจไปซะก็มี ซึ่งก็คือยังไม่เข้าใจในธรรมทั้งสิ้น  ดีครับลองทดสอบดู ถ้าเราเห็นตัวเองโดนกระทบแล้วมีปฏิกริยามีอารมณ์ เห็นอารมณ์ของตัวเองแค่นี้ก็ใช้ได้ดีทีเดียวแล้วล่ะครับ

ไปเวียนเทียนดีมากๆครับ ช่วยกันสืบสานพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่

 ยิ้ม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 17, 2011, 10:19:55 PM โดย AVATAR » บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #53 เมื่อ: มิถุนายน 10, 2011, 12:19:33 AM »

มีแบบทดสอบ  ความมีตัวตน ของๆ ตนมา


เสีย เวลาไป 3 สัปดาห์  เทียว


แต่ด้วย  เหตุ บังเอิญ หรือเป่าไม่รู้


จึง  พอกล้อมแกล้มผ่าน ไปได้ 

จิตตระหนก  ตก ร่วง  กระเพื่อม  ปั่นป่วน  ...นั่นเชียว*

สู้ด้วย    เร่ง  ป.ธรรม   นาน ขึ้น มาก  ก ก ก    ๆ   

เพราะทุกข์  บีบคั้น

และหาทางออกได้ทางเดียว คือ เบียดทุกข์ด้วย การวางมัน หรือ อะไรหว่า ลืมมัน  ..เป่าเนียะ

บันทึกการเข้า
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #54 เมื่อ: มิถุนายน 10, 2011, 12:25:08 AM »

นอน  แล้ว


ไม่  มี  ใคร เข้า มาตอน เรา เข้า สักที

ท่านตา อว - ตาน

น้อง กอล ล  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #55 เมื่อ: มิถุนายน 20, 2011, 02:20:02 AM »

เวลา ๓ สัปดาห์ นั่นไม่เสียไปเสียทีเดียว อย่างน้อยเราได้ทบทวน ตรวจสอบตนเอง และรู้ตัวเองได้เป็นอย่างดี

เมื่อเราปฏิบัติมาแล้วมันจึงผ่านมาได้และยังปัญญาให้เกิดแก่เรา นั่นได้ทดสอบของจริงว่าเรานั้น จริงๆแล้วประมาณไหนซึ่งเรารู้ได้ด้วยตนเอง

สำหรับทุกข์ ไม่มีใครไปเบียดเบียนมันได้หรอก มันนั่นต่างหากที่บีบคั้นเราทุกซอกมุม อย่างธรรมชาติ ทุกลมหายใจ เนียนจนเราไม่รู้ตัวเลย... ยิ้ม

สำหรับทางออกตามทฤษฎี มี ๒ ทาง เดี๋ยวมาว่าให้ฟังพรุ่งนี้ ค่ำๆ  ยิ้ม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 20, 2011, 02:21:59 AM โดย AVATAR » บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #56 เมื่อ: มิถุนายน 20, 2011, 01:56:55 PM »

ช่วงอาทิตย์เมื่อกี้ ได้กลับไปอุบล มาครับ

ผมมีโอกาสได้แวะเข้าไป ถวายน้ำปานะ ให้กับพระผู้ใหญ่ในวัดหนองป่าพง มาครับ

(เอาบุญกุศลมาแบ่งๆ พี่ต่าย กับพี่ผู้เล็งเห็นทุกข์ และพี่ๆ ในบอร์ด ทุกท่านด้วยนะครับ)

ปีที่แล้ว ช่วงเดือนนี้ ผมได้มีโอากาสบวช แล้วก็อาศัยสถานที่ อันสัปปายะ และได้พบเพื่อนสหธรรมิก

ผู้เปี่ยมไปด้วยศรัธราในพระพุทธศาสนา และแนวทางพ้นทุกข์ตามที่องค์พระพุทธเจ้าท่านวางแนวทางไว้

เพื่อเดินไปบนทางแห่งการสละซึ่งกิเลส ตัณหา

ผมได้เข้าใจว่าบางครั้งสถานที่ ที่เราไปปฏิบัติก็สำคัญเหมือนกันนะครับ

ที่ที่สงบ ในเมืองไทย ก็ยังพอมีอยู่บ้าง แต่ที่สำคัญเราควรมีหลักวิธีปฏิบัติไว้ จะไป ณ ที่แห่งใดก็จักภาวนาได้

ก็ขอเป็นกำลังใจให้กันและกัน นะครับ พี่ๆน้องๆนักปฏิบัติทุกท่าน

 ยิ้มเท่ห์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 20, 2011, 05:13:42 PM โดย golfreeze » บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #57 เมื่อ: มิถุนายน 20, 2011, 11:04:29 PM »

อนุโมทนาครับน้องกอล์ฟ

เรื่องการภาวนานั้นไม่ได้ทิ้ง เราภาวนาที่ไหนก็ได้ ในที่คนหมู่มากก็ได้ถ้าเราฝึกมาดีพอ ทำได้ทุกที่ทุกสถานครับ

... อารมณ์จิต ที่ไม่แน่นอน
เนื่องจากอารมณ์จิตที่ไม่แน่นอน บางคราวขณะปฏิบัติกรรมฐาน มีอารมณ์แนบสนิท ลมหายใจละเอียด จิตเป็นสมาธิแน่วแน่ดีแต่พอเลิกแล้ว วันรุ่งขึ้น หรือคราวต่อไป กลับมีอารมณ์ส่ายออกภายนอกจนบังคับไม่อยู่สร้างความกลัดกลุ้มแก่ผู้ปฏิบัติทุกท่านมาแล้ว อาการอย่างนี้ไม่มีผู้ปฏิบัติท่านใดไม่ประสบ ต่างก็เจอกันมาจนเป็นเรื่องธรรมดาของนักปฏิบัติทุกคน ซึ่งวิธีการแก้อารมณ์ฟุ้งซ่าน ไม่ตั้งอยู่ในสมาธินี้ มี 2 อย่างคือ

1. ผู้ปฏิบัติกรรมฐาน ควรมีแนวทางปฏิบัติสองทาง คือ ภาวนา และ พิจารณา
2. เมื่อเกิดอาการดังกล่าวจนระงับไม่ไหว ให้ปล่อยอารมณ์ร่องลอยไปก่อนแล้วค่อยกำหนดจับเอาเมื่อความฟุ้ง ซ่านมีกำลังลดลง และจิตกลับเข้าสู่แนวสมาธิ


ซึ่งวิธีการแก้ทั้ง 2 แบบขยายความได้ดังนี้
ก. ภาวนา คือการภาวนาตามแบบที่ครูบาร์อาจารย์สอน เพื่อให้อารมณ์หยุดจากอารมณ์ภายนอก ให้จิตจดจ่ออยู่กับคำภาวนา เพื่อให้เกิดสมาธิ คำว่าจิตเป็นสมาธินั้นหมายถึงจิตตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ใช่จิตหยุด โดยไม่รับอารมณ์ใดเลยทั้งสิ้น ผู้ปฏิบัติใหม่มักเข้าใจอย่างนั้นเพราะอาการที่จิตว่างจากอารมณ์นั้น ในการปฏิบัติเบื้องต้น ไม่มี แต่อาการเช่นนั้นเป็นอาการของสัญญาเวทยิตนิโรธ พระอรหันต์ขั้น ปฏิสัมภิทาญาณหรือพระอนาคามีระดับ ปฏิสัมภิทาญาณเท่านั้นจึงจะเข้าสู่อาการดังกล่าวได้ พระอริยะนอกเหนือจากนั้น ถึงแม้จะเป็นพระอรหันต์ระดับเตวิชโชหรือ ฉฬภิญโญ ก็ไม่สามารถทำได้ ปกติของจิต เป็นอย่างนี้เมื่อทราบแล้วว่าจิตไม่ว่างจากอารมณ์ เพื่อฝึกฝนจิตให้มีกำลังที่ควรแก่การเจริญวิปัสสนาญาณในขั้นต่อไป ท่านจึงสอนให้ภาวนา เพื่อโยงจิตให้อยุ่ในอารมณ์ภาวนา คือการหาทางให้จิตนึกคิด แต่นึกคิดในขอบเขตที่มอบหมายให้ ไม่ใช่จะนึกคิดเพ่นพ่าน ซึ่งการภาวนาคาถาบทใดบทหนึ่งนี้ เป็นการระงับความฟุ้งซ่านของจิต แต่ในบางคราว ขณะภาวนาอยู่จิตเกิดมีอารมณ์ฟุ้งซ่านด้วยเหตุใดก็ตาม และเมื่อเกิดมากขึ้นจนห้ามปรามไม่ไหว นักปฏิบัติมักจะเกิดความกลัดกลุ้มดังนั้นเมื่อเห็นว่าบังคับจิตอยู่ในวงแคบคิดเฉพาะคำภาวนาไม่อยู่แล้ว ให้หันมาพิจารณาแทนการภาวนาเพราะการพิจารณาก็เป็นอารมณ์คิดเหมือนกัน แต่ว่าคิดในทาง ละ ปลง พิจารณาตามกรรมฐานกองใดก็ได้เช่นพิจารณาว่าเราต้องตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้ต้องป่วยไข้เป็นธรรมดาต้องพลัดพรากจากของรักเป็ธรรมดา ก็สามารถแก้อารมณ์ฟุ้งซ่านได้ กรรมฐานที่เป็นบทภาวนา มีกำลังเป็นสมาธิ ส่วนใหญ่ณาน กรรมฐานประเภทพิจารณา มีกำลังในขั้นอุปจารณานได้ผลเหมือนกัน กรรมฐานภาวนาจะสร้างจิตให้มีกำลังเข้มแข็ง ส่วนกรรมฐานพิจารณาจะทำให้จิตเกิดความฉลาดรู้ตามความเป็นจริง เป็นผลให้เกิดนิพพิทาญาณคือความถอดถอน เบื่อ ซึ่งเป็นเหตุให้ได้มรรคผลรวดเร็ว ต่างฝ่ายก็ดีด้วยกัน เราไม่ได้อย่างโน้นก็ได้อย่างนี้ ดีกว่าปล่อยให้จิตกลัดกลุ้ม ..

ข. ปล่อยอารมณ์... บางครั้งอารมณ์ของจิต มันก็ไม่เอาถ่านเสียเลย จะภาวนา หรือพิจารณา มันก็ไม่เอาด้วยทั้งนั้น
มันคอยจะออกนอกลู่นอกทางไปตามอารมณ์ของมัน ที่เป็นอย่างนี้อาจเป็นเพราะ
1. มีความเหน็ดเหนื่อยเกินไป
2. ความป่วยไข้เบียดเบียน
3. ตั้งใจเกินไป
โดยคิดว่าเมื่อวานเรามีอารมณ์แช่มชื่นดี วันนี้ต้องทำให้ดีกว่า รายไหนก็รายนั้น เป็นเตลิดเปิดเปิงออกนอกลู่นอกทางไปทุกราย
รวมความได้ว่าจิตนั้นไม่อยู่เกณฑ์จะบังคับได้ ท่านให้ปฏิบัติอย่างนี้ คือเมื่อเห็นว่าบังคับไม่ได้ ไม่ไหวจริงๆ ก็ให้ปล่อยให้คิดไปตามเรื่อง จะคิดอะไรก็ช่างเพียงแต่คอยเอาสติคุมไว้ ไม่นานนัก อย่างมากไม่เกิน 20 นาที จิตก็จะหยุดคิด ตอนนี้ท่านสอนให้เริ่มจับอารมณ์ฝึกทันที จิตจะหมดความพยศ และจะมีอารมณ์เรียบ เป็นอารมณ์ณานแนบสนิทอย่างคิดไม่ถึง และจะทรงอยู่ได้นานเกินคาด วิธีนี้จดจำไว้ให้ดีเพราะเป็นวิธีที่ได้ผลมาก ..
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #58 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2011, 04:43:57 PM »

ขอบคุณสำหรับทริก ดีๆ นะครับพี่ต่าย ^_^

บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #59 เมื่อ: กรกฎาคม 02, 2011, 08:18:33 PM »

ที่เกิดอาการปั่นป่วน

รู้แล้ว ว่่า เพราะ ยังยึดกาย + ใจอยู่

อย่างเหนียวแน่น

ไม่มีคลาย  .... ยิงฟันยิ้ม


เกิดจากอะไร หว่า  ใน 5อย่าง  ( อวิชชา  ตัณหา  กรรม อุตุ และ อาหาร)
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 9
พิมพ์
กระโดดไป: