KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4ทางแห่งพระนิพพาน เดินไปอย่างไร มีวิธีปฏิบัติอย่างไรใครทุกข์ที่สุดอย่างไร จึงต้องการพ้นทุกข์
หน้า: [1] 2 3
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ใครทุกข์ที่สุดอย่างไร จึงต้องการพ้นทุกข์  (อ่าน 57090 ครั้ง)
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: กันยายน 26, 2010, 01:13:59 PM »

           
เมื่อไรที่คนๆหนึ่ง มีประสบการณ์ ความทุกข์หนัก ปานกลาง หรือเบา

แล้วสำเหนียกว่าต้องการออกจากทุกข์แล้ว

นี่แหละคือต้นกำเนิดของการใฝ่หา วิธีการทำให้พ้นทุกข์

ไม่มีตรงนี้  ไม่มีทาง อยู่ที่ว่า จะโชคดีพบหนทางที่ถูกต้องหรือเปล่า

ทุกข์ คือ ....  ร้องไห้                  ใช่หรือเป่า


.. ยิงฟันยิ้ม
 

บันทึกการเข้า
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 26, 2010, 07:38:47 PM »

ครับ ไม่มีใครรักใคร่ปรารถนาจะเป็นทุกข์ มีแต่คนหาหนทางหนีทุกข์ มีคนคิดกระบวนการในการหนีทุกข์เยอะแยะมากมายไม่มีประมาณ แต่ยังไม่ถึงที่สุด เหมือนพระพุทธเจ้า ที่ทรงตรัสรู้ได้ด้วยพระองค์เอง  อริยสัจสี่  

ทุกข์ จึงเริ่มก่อน ต่อจากนั้นเป็นหนทางดำเนินเพื่อการดับทุกข์โดยสิ้นเชิง...ไม่ใช่ดับทุกข์เดี๋ยวเดียว วันเดียว,ปีเดียว หรือ ชาติเดียวเท่านั้น
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 26, 2010, 10:38:50 PM »

คล้ายๆว่า  รู้ทุกข์ก่อน(ทุกข์ที่รู้เป็นการรู้ด้วยสมอง/จิตที่ไม่เป็นกลาง ต่างหาก ..มิใช่รู้ด้วยจิตที่เป็นกลาง)

แต่จริงๆไม่ใช่  ต้องปฏิบัติตามมรรค 8ก่อนจึงจะรู้ทุกข์ด้วยจิตที่เป็นกลาง/มั่นคง  นะท่าน

ที่ว่าอริยสัจ สี่ เริ่มจากทุกข์ ตามด้วยสมุทัย นิโรธและมรรค เป็นการจัดสำดับด้วย..หลักการของพระพุทธองค์ ที่จิตมั่นคง+เป็นกลางแล้ว

ย่อมต่างจากปุถุชนที่ ยังไม่เริ่มเข้าถึงทุกข์ แท้ๆ(คือ ยังมีกู ผู้เป็นทุกข์อยู่ น่ะ) ยิงฟันยิ้ม

**แล้ว ใคร มาจัดลำดับให้เป็นกัลยาณมิตรลำดับที่ 1 ...เข้าให้แล้วซี..*
บันทึกการเข้า
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 27, 2010, 12:52:36 AM »

มันก็มีขั้นมีตอน มีจังหวะ มีลำดับ นั่นแหละครับ

ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้ามาบอก เราก็ทุกข์ๆกันไปบางทีก็ไม่รู้ตัวซะด้วยซ้ำ

แล้วถ้ายังไม่มีใครมาบอกเราเรื่อง มรรคแปด มาก่อน เราจะรู้หรือ ว่าทุกข์ของเราจะเป็นอย่างไร และเราจะมองทุกข์ได้แบบไหน อย่างไร และ ใช้อะไรมองหรือรู้ทุกข์...?



..................ทุกข์เท่านั้น ที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้น ที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้น ที่ดับไป................พุทธพจน์



   ยิ้ม
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 27, 2010, 01:41:29 PM »

ธรรมเหล่าใด ล้วนเกิดจากเหตุ

และธรรมเหล่านั้นย่อมดับ เมื่อเหตุเหล่านั้นดับไป...



**การ คบคนพาล เป็นเหตุของทุกข์

เมื่อตัดเหตุของทุกข์แล้ว ความทุกข์ก็ดับไป**

 ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: ตุลาคม 05, 2010, 07:52:16 AM »

คนส่วนมาก เพราะไม่เห็นว่าทุกข์ จึงไม่ไขว่คว้าหาวิธีพ้นทุกข์

แต่ทุกข์มี อยู่ จริง แต่ไม่รู้ว้าทุกข์


อะไรปิดบังทุกข์ ...ไว้ จึงเห็นได้ยาก






***
ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นแล้วเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว

อาการที่ร่างกายจะประสบทุกข์ คือ น้ำมูกไหล เจ็บคอ ไอและปวดหัว การหายใจลมเน็นๆ เข้าไปก็ลำบาก

อันนี้เยงป็นทุกข์เล้กๆ แล้วก็ค่อยๆ เพิ่ม ความแรงและหนักหน่วงขึ้น จนถึงที่สุด คือต้องละร่างนี้ไป

และถ้ามองไปที่เด็กเกิดใหม่ ๆ หรือเรายังต้องมาเกิดอีก ครั้ง  ก็ล้วนแล้วแต่ต้อง ผจญสิ่งนี้ ด้วย หรืออีก ...** ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: ตุลาคม 05, 2010, 07:32:30 PM »

อนุสาวรีย์ที่พระราชวังบางปะอิน เป็นอนุสาวรีย์สร้างด้วยหินอ่อน ตอนกลางเป็นรูปสี่เหลี่ยม ด้านตะวันตกมีจารึกเป็นภาษไทย ทางด้านใต้ของอนุสาวรีย์ทำเป็นรูปช่อดอกไม้ และใบไม้ล้อมพระนามย่อ " สกร " อยู่ภายใต้มงกุฎ ทางด้านเหนือทำเป็นรูปช่อดอกไม้ หรือพวงหรีดล้อมเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์

คำจารึกที่อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ นางผู้เป็นที่รักยิ่ง

ที่รฦกถึงความรัก
แห่ง
สมเดจพระนางเจ้า สุนันทากุมารีรัตน์
พระบรมราชเทวี อรรคมเหษี
อันเสดจทิวงคฅแล้ว
ซึ่งเธอเคยมาอยู่ในสวนนี้ โดยความศุขสบาย
แลเปนที่เบิกบานใจพร้อมด้วยผู้ซึ่งเปนที่รัก แลที่
สนิทอย่างยิ่งของเธอ
อนุสาวรี นี้สร้างขึ้น
โดย
จุฬาลงกรณ์ บรมราช
ผู้เป็นสามี อันได้รับความโศกเศร้าเพราะความทุกข์
อันแรงกล้าในเวาลนั้น แทบจะถึงแก่ชีวิตร
ถึงกระนั้นยังมิได้หักหาย
จุลศักราช ๑๒๔๓
****

อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ที่พระราชวังบางปะอิน


ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: ตุลาคม 06, 2010, 03:11:07 PM »

*สิ่งใดปิดบังทุกข์ไว้ ทำให้เราไม่สามารถมองเห็นทุกข์ได้

อะไรคือทุกข์ ทุกข์คือความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ


จากหนังสือของวัดพระธาตูศรีจอมทอง กล่าวไว้ว่า

ทุกข์ ทางกาย ถูกปิดบังไว้ด้วย ความเปลี่ยนแปลง เช่น

1.ในอิริยาบถทั้ง 4 จากเดิมที่เรานั่งท่าเดิมไปนานๆ จะเกิดความเมื่อย (ทุกข์)เราก็จะขยับตัว  หรือ เปลี่ยนเป็น ยืนหรือเดินหรือ นอน
2. ทุกข์จากความร้อน ความเย็น ความอ่อน ความแข็งเช่น เมื่อร้อนเราก้แก้ทุกข์ด้วยการเปิดพัดลม หรือแอร์
3.การหายใจ หายใจเข้า ต้องมีหายใจออก ลองอั้นลมหายใจจะรู้ว่า สุดทรมาน
4.กระบวนการที่ เซลล์ตายไปและเกิดใหม่  อันนี้ดูได้ด้วยการถูตัวจะมีขี้ไคลหลุดออกมา หรือ เล็บงอกต้องตัดเล็บอีกแล้ว
5...อื่นๆ

เริ่มเห็นทุกข์ หรือยัง

ทุกข์ต่อไปจะเข้มข้นขึ้น คือความเจ็บป่วย ตั้งแต่น้อยๆ ไปจนมาก ก ก

แล้ว ทุกข์สุดท้ายการที่ร่างกายนี้เสียสมดุลย์ มากเหลือเกินจนทนต่อไปไม่ได้ต่อไปอีกแล้วจน(จิต)ต้อง ละสังขารนี้ไป ....ในที่สุด



**และเมื่อยังมีชีวิตอยู่  ลองเหลียวมองรอบๆกาย จะเห็นว่า คนหรือสัตว์

 แสดงภาพระดับของความทุกข์ให้เราเห็น  อยู่แล้ว  ทุกข์อย่างไม่ย่อท้อ ทุกข์ทั้งนั้น 

และหากเรายังต้องมาเกิดอีก ก็ย่อมถูกทุกข์ฟาดฟัน ซ้ำซาก ๆ ๆ ๆ ๆ  อยู่เช่นนั้น

***การป.ธรรมตามแนวทางมรรค8 จะช่วยให้เรา รู้ทุกข์ด้วยจิต ....

****จิตตัวนี้(ของเรา) มันดื้อเหลือหลาย ไม่ว่าจะอ่านตำรากี่ล้านเล่ม หรือฟังการบรรยาย ธรรม นับล้าน น นครั้ง

ถ้า(จิต) มันไม่ รับ แล้ว ก็หมดหนทาง


อาจหักเหได้โดยการถูกเจ้ากรรมนายเวร ตามทวงหนี้หนักๆ เจียนตาย มั๊ง..

จึงจะเริ่มทะรนทุรายหาหนทางดับทุกข์


พระพุทธองค์ท่าน มีทุกสิ่งทุกอย่าง ทางโลก     ครบถ้วนบริบูรณ์  เหลือหลาย

จิตของท่านยังเห็นว่า      นั่นไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ จริงๆ

แล้วพวกเรา มีทรัพย์ ทางโลกแค่ไหน กันเล่า จึงยึดติดแหง็กอยู่กับมัน

ความตายไม่ได้บอกเราว่า เราจะตายเมื่อไร อายุเท่าไร ที่ไหน

ก็แค่หายใจเข้าไม่หายใจออก ก็ไปแล้ว  หายใจออกไม่หายใจเข้าก็เสร็จอีก

ไม่เริ่มป.ธรรมณ บัดนี้


แล้วจะไปทำเมื่อไร

อีกอย่างจะไปฝากใครทำ(จิตเรา)ก็ไม่ได้  มีตังค์เยอะแยะไปจ้างใครทำ(จิตเรา)ก็ไม่ได้ผลอีก


ใครทำ ใครได้.... ยิงฟันยิ้ม

ที่ท่านอ่านมา เป็นการรู้ทุกข์ด้วย...อะไรเล่านี่....ตอบว่าคือการรู้ด้วยสมอง

*****การเริ่มป.ธรรมคือการเริ่มฝึก   เพื่อให้       จิตมันเชื่อว่า กายนี้เป็นทุกข์จริงๆ

ก่อนเดินทางดูทุกข์ตัวต่อไป

คือทุกข์ทางจิต

คำถามจิตอยู่ที่ไหน....ใครรู้บ้าง
บันทึกการเข้า
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: ตุลาคม 07, 2010, 04:36:09 PM »



ณ กาลเวลานี้ ย้อนหลังไปนับไม่ถ้วน ไมรู้จบ


หาคนรู้ทุกข์ น้อย ยิ่งกว่า น้อย

อะไร อะไร ก็ มีแต่ความสุข

ท่าจะจริงแฮะ

ยอมเขา ชั่งเขา ดีกว่า  ยิงฟันยิ้ม


จนกว่าจะมีเสียง ร่ำร้อง  มันก็สายไปแล้ว



บันทึกการเข้า
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: ตุลาคม 07, 2010, 07:33:56 PM »

อืม...ครับ ก็เห็นทุกข์หมดนี่ครับ ไม่ได้โดนอะไรปิดบังไว้

ที่ลอกมานี่เป็นวิธีการบรรเทาทุกข์...เฉยๆนี่ครับ ใครๆก็ต้องทำแบบนี้กันทั้งนั้น 

พวกเอธิโอเปีย,โซมาเรีย,คองโก,ซิมบับเว...ฯ พวกนี้ทุกข์ทั้งกายและใจ อยู่กันอย่างอดๆอยากๆ เด็กแต่ละคน ผ๊อม..แทบเหลือแต่กระดูก โจรขโมยชุกชุม บางประเทศมีสงครามกลางเมืองกันอีก...เค้ารู้จักทุกข์ดีและพวกเค้าก็คงอยากพ้นทุกข์ทุกคนแหละครับ...จะทำอย่างไรดีหนอ..?

อยู่ประเทศไทยประเสริฐที่สุดแล้ว
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #10 เมื่อ: ตุลาคม 07, 2010, 09:00:00 PM »

ก็นั่น มัน นรกบนดิน

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

ดีกว่าตกนรกจริงๆ แยะ

พวกกินดีอยู่ดี ก็สุขสบายเกิน จนลืมทุกข์ เพราะ อะไรๆ ก็ได้อย่างที่ต้องการ(บ้าง)แต่ก็ยังแย่กว่าสวรรค์

พวกคนชั้นกลาง สุขบ้าง ทุกข์บ้างดีแล้ว

และยิ่งสำเหนียกต่อ ความทุกข์ ได้ ยิ่งแจ๋ว

ท่าทาง   หาคนมีข้อมูลเยอะ

แต่คนทำจริง มีหน้อยแฮะ ยิงฟันยิ้ม

หรือ พวกเก่งๆ ไป หลอกชาวบ้าน หาเงินใช้กันไปแย้ว

เฮาว่า
อย่างไร ๆ ผู้ป.ธรรมก็ไม่ควรรับ ทรัพย์  (มันวุ่นวาย) ไม่ว่ากรณีใดๆ

ทราบมาว่า พระอาจารย์มั่นท่าน ประหยัดมัธยัสถ์ มากไตรจีวร ปะแล้ว ปะอีก ลูกศิษย์เรียนให้ เปลี่ยนชุดใหม่ ๆ ที่ญาติโยมนำมาถวายมากมาย

ท่าน บอกว่า เรา อาศัยญาติโยม เขา ต้องใช้สอยอย่างประหยัด...

และในสมัยของพระพุทธเจ้า

อนาถบิณฑิกเศรษฐีก็สร้างวัดถวายแล้วเสร็จ

จึงอารธนาพระพุทธเจ้า เข้าประทับ

 
 ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #11 เมื่อ: ตุลาคม 07, 2010, 09:03:23 PM »

เมื่อไมมีใคร ทุกข์

ก็รอไปก่อน


เพราะพระพุทธเจ้าท่ายยังโปรดสรรพสัตว์ได้เฉพาะ กลุ่ม 1และ 2เท่านั้น


แล้วเฮาเป็น แค่เศษละอองธุลีของพระองค์ จะทำสิ่งใด ได้มากมายเล่า ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #12 เมื่อ: ตุลาคม 07, 2010, 09:12:56 PM »

เมื่อไม่รู้ทุกข์

ก็ไม่มีหนทางไปถึง นิพพานแล้ว  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #13 เมื่อ: ตุลาคม 08, 2010, 10:52:24 PM »

พวกนั้น...เห็นทุกข์มากกว่าท่านร้อยเท่า...ทุกข์เข็ญกว่าท่านพันทวี....

สัตว์โลกคงเป็นไปตามกรรม....สบายจังได้ปฏิบัติธรรมทุกวัน....ใครทุกข์กว่ากันเหนอ...?
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #14 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2010, 09:04:16 PM »

วิธีการปฏิบัติเพื่อการรู้ทุกข์ของ คนบางคน

หากจะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้ใดผู้หนึ่ง ก็ขอโมทนาบุญไว้ ณ บัดนี้

*ที่ได้ทำ คือ เริ่มจาก

1 ปราบจิตซน ขั้นที่1 คือการไหว้พระสวดมนต์ ให้จิตมีสมาธิอยู่ที่ตัวหนังสือ
2. ปราบจิต ขั้นที่2 คือการเดินจงกรม ให้จิตลงที่รูปกาย
3. ปราบจิตขั้นที่ 3 คือการนั่งสมาธิ ดูได้ทั้ง
                3.1 สมาธิ (สมาธิ คือสภาพจิตสงบนิ่งด้วยการบังคับ หรือเพ่งที่อารมณ์เดียว  )
                    3.2    วิปัสนา     และ ดู การเปลี่ยนแปลงของจิต ที่เลื่อนไปตามสมาธิ หรือฌานขั้นต่างๆ

เปรียบเทียบได้เหมือนการก้าวเท้าขึ้นบันได
     เมื่อ สมาธิ คือ ตอนที่จิตหรือเท้า  อยู่บนบันไดแต่ละขั้น คือลำดับ ของ ฌาน1 2 3 4
               และวิปัสนา คือ อาการที่จิตรู้ว่า จิตหรือเท้า กำลัง เคลื่อนที่จาก บันไดขั้นที่ 1 ย้ายไปขั้น 2
                           จากขั้น 2 ไป 3
                                     จาก 3ไป 4


...พอใช้ได้มั๊ย เนียะ

อ้อ  เพิ่มนิดนึง  ระหว่างเดินทางต้องสำรวมอย่างยิ่ง

แต่ตอนจะพ้น ต้องผ่านได้ด้วย ความสบายๆ แฮะ(ไม่มีความอยากหรือไม่อยาก) มันแปลกตรงนี้แหละ

แต่ตอนนั้น  จิต ของท่านเองจะถามตัวเองว่า(คล้ายการอธิษฐาน) ไตรลักษณ์ ของกาย หรือจิต เป็นอย่างไร

(แต่ง่ายที่สุดน่าจะเป็นการดูไตรลักษณ์ที่กาย ก่อนไปดูจิต )



..พอได้แล้วมันแป๊บเดียว นะ หรือ แว่บเดียว  เรียกว่าไม่สามรถตั้งตัวได้เลย

ได้ปั๊บ จบปุ๊บ

แต่ก็คือเป็นการก้าวผ่านอะไรละ น่าจะเป็น จุดวิกฤตหรือเปล่า

เหมือนลูกคลอดออกจากท้อง

เหมือนลูกเจี๊ยบเจาะใข่ออกจากเปลือกได้

เหมือนคนทลึ่งพรวด รอดจาการจมน้ำตายได้ ประมาณนี้เลย 


แต่ก่อนหน้านี้มันใช้เวลานาน น น น ..มาก  ก   ก 

***

 ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3
พิมพ์
กระโดดไป: