KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับห้องนั่งเล่น คุยกันสบายๆตามประสาชาวกรรมฐานคุยกันสบายๆ ตามประสาชาวกรรมฐาน.คอมคุยกันสบาย...สบายครับ
หน้า: 1 ... 11 12 [13] 14 15 ... 30
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกันสบาย...สบายครับ  (อ่าน 465238 ครั้ง)
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #180 เมื่อ: กรกฎาคม 14, 2011, 03:43:09 AM »


คงแยกย้ายกันไปปฏิบัติธรรมตามวิถีของแต่ละท่านครับ  ยิ้ม
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #181 เมื่อ: กรกฎาคม 14, 2011, 10:02:29 AM »


คงแยกย้ายกันไปปฏิบัติธรรมตามวิถีของแต่ละท่านครับ  ยิ้ม

ช่วงนี้ คนเข้ามาในบอร์ดเยอะนะครับพี่ต่าย ดูจากปริมาณแล้ว ส่วนเข้ามาอ่านเกี่ยวกับเรื่องของวันสำคัญเข้าพรรษา กับ วันอาสาฬหบูชา

สงสัยคงหาสถานที่ปฏิบัติธรรม ในระหว่างช่วงหยุดยาว

พี่ต่ายมีโปรแกรม ไปไหนป่ะครับผม
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #182 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2011, 12:27:51 AM »

ช่วงนี้  ดุ จัง นะท่านตาร

ระวัง ลูกค้าหายเหน้อ.. ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #183 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2011, 03:46:41 AM »

บังเอิญผมบ่นๆไปก่อนแล้วในกระทู้ข้างบนๆ เรื่องการบรรลุโสดาบันฯ

ใช่ครับ รู้เลย... เพราะธรรมที่ถ่ายทอดออกมาวันอาสาฬบูชาด้วยมั้งครับ เลยเข้มข้น แบบฟังกันให้มันรู้แจ้งกันไปเลย

บรรลุกันเอาวันนั้นแหละ เลยเข้มข้นหน่อย ขออภัยด้วยครับ

จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้คาดหวังเอาไว้ว่าใครจะฟังผม เชื่อผม หรือมองผมอย่างไม่มีแก่นสารเพ้อเจ้อไร้สาระ

แต่ผมหวังว่าคงมีซักคน ที่คำพูดผมจะเปลี่ยนวิถีชิวิตของเค้าและพัฒนาต่อไปจนถึงระดับ....ได้

ขอให้เพื่อนๆเจริญยิ่งๆขึ้นไปในธรรมครับ....


 ยิ้ม
 
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #184 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2011, 07:21:05 PM »

สาธุ ครับพี่ต่าย มันจริงๆ

ขอให้เจริญในธรรม ยิ่งๆขึ้นไปนะครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #185 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2011, 12:06:38 AM »

เราลองมาคิดดูเล่นๆ สมัยที่พระพุทธเจ้าที่ประกาศพระศาสนาใหม่ๆ

ตอนนั้นมันก็มีลัทธิศาสนาร่วมด้วยอีกเยอะเป็นต้นว่าศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ลัทธิความเชื่อบูชายันต์ นับถือพระเจ้า

นับถือภูติผี ปีศาจ พวกลัทธิบูชาไฟ โอย สารพัด แล้วพวกนี้เค้าก็ต้องมาลองภูมิกันอยู่แล้วว่าใครเจ๋งกว่ากัน

มาถึงสำนักของพระพุทธเจ้าก็มี เพื่อมาลองของกันท้าทายฟาดฟันกันด้วยปัญญาบ้าง อภิญญา บ้างฤทิ์เดชต่างๆบ้าง

พระพุทธเจ้าต้องออกไปรับคำท้า ก็มีไม่ใช่อยู่แต่ในสำนักวัดเวฬุวรรณแต่อย่างเดียวเสียที่ไหน

บางครั้งมันก็ต้องโชว์อภิญญากันบ้าง ไม่งั้นเหล่าสาวกในพระศาสดาจะเชื่อพระองค์ท่านหรือ เขาเห็นของอื่น อื่นดีกว่าเค้าก็ไป

การเผยแพร่ศาสนาใหม่ออกไป จึงเป็นการยากยิ่ง เพราะต้องสร้างศรัทธา และทำลายความหลงผิดแต่เก่าก่อน

ลองไปอ่านพระไตรปิฎดูการถามตอบปัญหาก็ยิ่งให้ต้องทึ่งเข้าไปอีก แล้วการแสดงฤทธิ์กัน ที่ไม่มีเขียนในพระไตรปิฎกอีกเล่า มันจะมันขนาดไหน ถ้าเราเกิดทันร่วมสมัยกับพระองค์ เราเห็นแล้วรู้แล้ว เราก็จะตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติกันในสิ่งที่พระองค์สอน

ก็ไม่ต้องแปลกใจว่าสมัยนั้นทำไมพระอรหันต์จึงเยอะนักหนา...

บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #186 เมื่อ: สิงหาคม 02, 2011, 08:45:12 AM »

พอดีเจอเด็กๆเค้าเรียนพระพุทธศาสนา เรื่องมารทั้ง 5 เลยนำมาทบทวนกันครับ เพราะเส้นทางเบ็ดเสร็จแล้วเมื่อกำจัดมารได้หมด ก็จบกิจได้เหมือนกัน ไปทำความรู้จักกับมารทั้ง5 ครับ ทบทวนนิดนึง

มาร คือ เครื่องขวางกั้นแห่งความดี ในทางพระพุทธศาสนา จำแนกมารได้ 5 ประเภท


(มารประเภทเดียวที่อยู่นอกตัวเรา คือ เทวดาที่เป็นมาร ที่เหลืออีกสี่ประเภทอยู่ในตัวเรานี่เอง)


1. กิเลสมาร : มารคือ กิเลส


2. ขันธมาร : มารคือ ขันธ์ 5


3. อภิสังขารมาร : มารคือ อภิสังขาร


4. มัจจุมาร : มารคือ ความตาย


5. เทวปุตมาร : มารคือ เทวบุตร



 
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #187 เมื่อ: สิงหาคม 03, 2011, 03:38:57 PM »

มีธรรมะขององค์พระพุทธเจ้า ที่หลวงตาสิริ ได้เมตตานำมาเทศน์สั่งสอน ให้ฟังครับผม
ในงาน วันธรรมะเปลี่ยนชีวิต ครั้งที่ 5 ครับผม

##หลวงตาศิริ อินทสิริ
http://golfreeze.packetlove.com/dhamma/LT.SIRI_540731.mp3

##หลวงพ่อปราโมทย์
http://golfreeze.packetlove.com/dhamma/LT.pramote.mp3
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #188 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2011, 06:43:22 PM »

ขอบพระคุณอย่างสูงครับน้องกอล์ฟที่นำธรรมมาแบ่งปันกันได้รวดเร็วทันที

คุยเรื่องวิบากกรรมซักหน่อยนะครับ

เมื่อคืนวันก่อนระหว่างขับรถกลับบ้านก็พอดีเหลือบเห็นดำๆคล้ายก้อนหินอยู่กลางถนน ทันทีเฮ๊ยหรือจะเป็นเต่านะ แผนเดิม...หาที่จอดรถข้างทางปลอดภัยใส่เบรคมือเปิดไฟฉุกเฉิน แล้วก็วิ่งไปหาก้อนหินนั่น เออ...มันเต่าจริงๆแฮะตัวเท่าประมาณปากบาตรพระ มันยังไม่หดหัวอยู่ในกระดอง แต่มันไม่เดินไปไหน

เห็นว่าถ้าปล่อยให้มันอยู่กลางถนนแบบนี้แล้วกว่าจะเดินข้ามถนนได้มีโอกาศที่รถคันอื่นๆผ่านไปผ่านมาด้วยความเร็วเผลอไม่ทันมองและเป็นเวลากลางคืนจะมองไม่เห็นมัน มันจะแบนแต๊ดแต๋ติดกระดอง จึงนำเอามันไปปล่อยที่คูน้ำข้างๆทาง

เลยนึกถึงวิบากกรรมของตนเองที่เพิ่งผ่านไปเมื่อเร็วๆนี้เองว่า ปีที่แล้วเจ็บหลังทั้งปีไม่ได้ลงเล่นฟุตบอลเลย ได้แต่โค้ชอย่างเดียว เออ...แต่พวกวัยรุ่นเค้าก็คว้าแชมป์มาได้อีกปีและเพิ่งหายมาเมื่อไม่กี่สัปดาห์นี้เอง

ที่หายเพราะภรรยาทักว่าเห็นเจ็บอยู่นานแล้วเป็นปีไม่หายเสียที ไปทำอะไรกับคนสัตว์ให้เค้าเจ็บหลังหลังหักอะไรบ้างหรือเปล่า ก็นึกไม่ออกว่าเราก็ไม่ได้เบียดเบียนสัตว์น้อยใหญ่มานานมากแล้ว มีแต่จะช่วยเหลือจึงนึกไม่ออก จนภรรยาบอกงั้นลองภาวนาใหม่แล้วแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์และเจ้ากรรมนายเวรใหม่ออกไปอย่างเต็มกำลัง

วันต่อมาจึงเอะใจ...นึกขึ้นได้ว่าปีที่แล้วระหว่างขับรถกลับบ้านตอนกลางคืน ด้วยความเร็วผ่านขอนไม้ยาวที่พาดผ่านอยู่กลางถนน งูเหลือมใหญ่นั่นเองตัวยาวกำลังเลื้อยผ่านจากฝั่งถนนหนึ่งจะข้ามไปอีกฝั่ง ตัวคงราวๆ7-8เมตรเพราะถนนนั้นกว้าง10เมตร เราเล่นเอารถเหยียบหลังมันซะแล้ว พอดีหาทางกลับรถแล้วขับไปบริเวณนั้นอีกถึง 2 รอบไม่เจอมันเสียแล้ว ไม่รู้ว่ามันเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่ที่แน่ๆไม่หลังหักก็ไส้แตกแน่ คงไม่น่าจะไส้แตกเพราะงูเหลือมหนังเหนียวมากๆ มันคงได้รับทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัส

เมื่อนึกออกแล้วจึงตั้งใจแผ่เมตตาให้กับงูเหลือมไปเลยตัวเดียวแบบเต็มๆ

หลังจากนั้นแค่1-2 วัน อาการปวดหลังหายไปเป็นปลิดทิ้งเลยแฮะ... ก็แปลกดี บางทีวิบากกรรมที่เรานึกไม่ออกก็ส่งผลกันเลย เมื่อเรานึกออกแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลกันไปตามกำลังบารมีของเรา เจ้ากรรมนายเวรท่านก็คงอโหสิให้เมื่อท่านได้รับผลบุญแล้วสบายแล้ว

ยังมีวิบากกรรมอีกเยอะแม้เพียงเล็กน้อย ก็ต้องส่งผลอยู่ดี เพียงแต่เรานึกไม่ออกเองเท่านั้น เราจึงต้องทนรับวิบากไป แม้จะเป็นกรรมเพียงเล็กน้อยก็ตาม

เพิ่งหายไปเมื่อต้นเดือนนี่เอง พร้อมจะกลับมาวอร์มอัพได้แล้ว. ยิ้ม
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #189 เมื่อ: สิงหาคม 11, 2011, 10:19:43 AM »

ขอบพระคุณมากครับพี่ต่าย สำหรับธรรมะเรื่องการแผ่เมตตา

ปกติแล้วพี่ต่าย แผ่เมตตาออกไปอย่างเต็มกำลัง นี่ยังไงหรอครับ อิอิ

รบกวนพี่ต่ายแนะนำ น้องๆ หน่อยครับ ฮ่าๆๆ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #190 เมื่อ: สิงหาคม 15, 2011, 10:03:43 PM »

ไม่ได้พิสดารอะไรหรอกครับน้องกอล์ฟ

เต็มกำลังนั้น หมายถึงเต็มกำลังของเราเองน่ะครับ คือเต็มกำลังของผู้แผ่เมตตาที่สั่งสมปฏิบัติกันมาแล้วเองตามกำลังอำนาจวาสนาบารมีของแต่ละบุคคลครับ

เรื่องกรรมและวิบากของกรรมหรือกฏแห่งกรรม นั้นก็สลับซับซ้อนมากจนเกินวิสัยของปถุชนคนทั่วไปตลอดจนถึงพระอริยะก็เข้าใจได้แต่เพียงบางส่วน จะมีเพียงแต่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ที่ได้โพธิญานและแจ้งแล้วในเรื่องของกรรม
ซึ่งความสลับซับซ้อนนี่เองเช่นว่าทำกรรมแบบนี้จะให้ผลแบบนี้ ให้ผลเวลานั้น เวลานี้ เป็นระยะเวลานานเท่าใด ให้ผลกี่ครั้งจึงจะหมดกรรม แล้วรูปแบบที่ชดใช้ต้องเป็นแบบเดียวกัน สถานที่เดียวกัน หรือ รูปแบบในการชดใช้เป็นแบบอื่นได้เหมือนกัน ...ฯลฯ.....

เรื่องของกรรมจึงสลับซับซ้อนอย่างยิ่งยวด เราจึงควรศึกษาเอาแต่เพียงแค่ว่ากรรมก็คือองค์ธรรมอันหนึ่งที่ต้องมีผลตามมาให้ผู้ได้รับในการกระทำไว้เสมอ ทั้งกุศลหรืออกุศล ทั้งเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม

เนื่องจากกรรมเป็นเรื่องซับซ้อนจะเสียเวลาเนิ่นช้าในการศึกษาเรื่องกรรมไปเสียมากถ้าจะให้รู้แจ้งจนจบขบวนการจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาอันยาวนานมากมาก และเมื่อศึกษารู้แจ้งแล้วตนเองก็จะยังไม่พ้นบ่วงกรรมไปได้

พระพุทธเจ้าจึงจัดเรื่องของกรรมและการให้ผลของกรรมไว้อยู่ใน " อจินไตย " คือเรื่องที่ไม่ควรคิดหาต้นตอหาต้นสายปลายเหตุของมัน ด้วยเนื่องจากใช้เวลาเนิ่นช้าเป็นอันมากและไม่เป็นทางนำเอาไปสู่มรรคผลนิพพานโดยตรง

ในชาติที่พระพุทธเจ้าบำเพ็ญบารมีเป็นพระเตมีย์ ทำไมพระองค์ไม่อยากเป็นกษัตริย์อีกแล้ว เพราะท่านนั้นก็เมตตามากไม่ได้มีเจตนาที่จะสั่งประหารใครคนใดถึงแม้คนเหล่านั้นจะเป็นคนผิดจริงๆก็ตาม ท่านไม่มีเจตนาจะสั่งประหารชีวิต แต่กฎระเบียบของสังคมเรื่องโลกๆที่จะต้องบีบคั้นให้ทำอย่างนั้น ถ้าไม่ได้เจตนาแล้วทำลงไปคิดว่าผลของกรรมนั้นไม่ส่งผล แล้วท่านพระเตมีย์จะหลบออกจากวังเข้าป่าปลีกวิเวกหรือ...? เพราะท่านรู้ถึงไม่เจตนากรรมก็คือกรรมทำลงไปแล้วส่งผลแน่นอน

เมื่อเราพอมีปัญญาบ้างแล้วเราจึงควรคิดอ่านให้พ้นทางดังพระเตมีย์
ไม่ใช่จะเป็นเอาแต่"นักรบ"อย่างเดียว เป็น"นักหลบ"เสียบ้างก็ได้

เรื่องของกรรมและการเสวยผลกรรมนั้นเป็นสัจจะความจริงอยู่อย่างนี้ และช่างซับซ้อนจนเหลือวิสัยของเราตอนนี้

 
เรื่องของกรรมวิบากนั้นมันก็เป็นสิ่งที่เที่ยงแท้อยู่อย่างนั้น

ตราบใดที่เรายังวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏ เราจะต้องอยู่ภายใต้กฏของกรรมอย่างไม่มีข้อยกเว้น
แม้แต่พระบรมศาสดาเองเมื่อยังไม่ทรง ดับขันธปรินิพพาน หลังจากพระองค์ทรงตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เองแล้ว วิบากกรรมในปางก่อนก็ยังตามส่งผลอยู่อีกหลายเรื่องก่อนที่พระองค์จะทรง ดับขันธปรินิพพาน 

กรรมจึงบังเกิดผลได้ทุกภพภูมิในสังสารวัฏ ในเมื่อยังมีการจุติและอุบัติอยู่ ซึ่งก็คือการบังเกิดนามรูป แม้จะเป็นรูปพรหมที่รูปละเอียดดวงจิตสว่างไสว ก็ยังต้องอยู่ภายใต้กฏแห่งกรรม

เพราะนามรูปและธาตุขันธ์นั้นเองเป็นตัวที่ทำกรรมและรับวิบากของกรรมที่จะเกิดขึ้น

เมื่อไม่มีนามรูปเกิดขึ้น นั่นจึงพ้นไปจากกฏของกรรม พ้นออกไปจากสังสารวัฏ ดังพวกท่าน

เหล่าศาสดาและบรรดาพระอรหันต์อันประเสริฐทั้งหลายที่เข้าพระนิพพานแล้ว ซึ่งที่นั่นกรรมไม่ให้ผลแล้ว

วิธีทางที่จะไม่ให้เกิดนามรูปขึ้นอีกในที่ใดของวัฎฎสงสารนี้ พระพุทธองค์ทรงแสดงชี้แจงไว้แล้วอย่างแจ่มแจ้ง ไม่ใช่เรื่องลึกลับซับซ้อน แต่เป็นเรื่องที่ประณีต ผู้ปฏิบัติพึงเห็นผลได้เป็นลำดับๆไป

เรื่องของกฏแห่งกรรมนั้นเป็นเรื่องสลับซับซ้อน แล้วคุยกันแบบรู้บ้างเพียงบางส่วนอาจจะถูกบ้างผิดบ้าง

คุยกันได้อีกเป็นล้านๆชาติก็ยังไม่จบไม่สิ้นครับ  ยิ้ม


บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #191 เมื่อ: สิงหาคม 16, 2011, 10:44:21 AM »

ขอบคุณครับพี่ต่าย ที่บรรยาย เรื่องของกรรมและผลของกรรม ให้ฟัง

ในสังสารวัฏนี่กลัวจริงๆ เน๊อะครับ ถึงจะทำบุญทำทานมากเท่าไหนก็แค่ได้เสวยผลของกรรมขาว

จนเมื่อขันธ์แตกธาตุดับ ก็พาไปเกิดในภพชาติใหม่ๆ ทำอย่างนี้ อยู่เรื่อยไป หลงทำกรรมดำบ้าง กรรมขาวบ้าง

ไม่เท่ากับผู้เจริญปัญญา เห็นภัยในสังสารวัฏ เรียนรู้กาย เรียนรู้ใจ ออกจากทุกข์ จนได้มีปัญญาเล็กน้อยถึงระดับ โสดาบัน

เป็นผู้มั่นคงในทาง แล้วก็ไม่หลงทางอีกต่อไป เป็นผู้แน่วต่อพระนิพพาน แน่นอน

อย่างไรก็ตาม ก็คงตามรู้กาย ตามรู้ใจ กันต่อไปเน๊อะครับผม ท้อได้แต่อย่าถอย สู้ๆ ครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #192 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2011, 03:10:05 AM »



ใช่แล้วครับน้องกอล์ฟ...กรรมนั้นส่งผลโดยเที่ยงแท้แน่นอน

ผู้ปฏิบัติพอมีปัญญาเห็นบ้างจึงรู้...และปฏิบัติตรงตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงสอนสั่งบอกแนวทาง

เป็นพระอริยะเบื้องต้น....ปิดอบายไปก่อน....

 
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #193 เมื่อ: กันยายน 01, 2011, 11:33:07 PM »

เรื่อง ขับรถทับงูเหลือม  เคยทับเค้าทีนึง  บนเขา ทางมันคดโค้ง เป็นเนิน  และแสงไฟจากหน้ารถทีขีดจำกัดในการมองเห็น


กว่า จะเห็น และรู้ ตัว  รถอยู่ห่าง จาก เค้า  ไม่ กี่เมตร  ด้วย อะไรไม่รู้ ตอนนั้นยังไม่ค่อยรู้ประสีประสา เรื่อง ธรรมะ เท่าใด แต่ก็หักหลบจนชิดขอบถนน เค้าเลื้อยไปทางขวา เรา หักหลบ มาทาง ซ้าย  สุดท้าย ไม่พ้น เหยียบส่วนปลายๆ ด้วยล้อขวา

ใจเรารู้เลย ว่า เค้า รีบเลื้อย อย่างเร็ว แล้ว  แต่ขนาดลำตัวที่ใหญ่ ความยาวด้วย จึงผ่านไม่ทัน

รีบขออโหสิกรรม และแผ่ เมตตาทันที 
คล้ายๆ จะรับรู้ได้ว่า เค้า ขอบคุณ ที่ช่วยหลบให้ เค้า จน ถึงที่สุด แล้ว

นั่น หลาย ปีมาแล้ว---ปี 2548 มั๊ง
บันทึกการเข้า
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #194 เมื่อ: กันยายน 02, 2011, 09:44:05 AM »

ดีแล้วครับลุง suffering ที่ไม่ได้ทับเขาทั้งตัวเน๊อะ

บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
หน้า: 1 ... 11 12 [13] 14 15 ... 30
พิมพ์
กระโดดไป: