KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับห้องนั่งเล่น คุยกันสบายๆตามประสาชาวกรรมฐานคุยกันสบายๆ ตามประสาชาวกรรมฐาน.คอมคุยกันสบาย...สบายครับ
หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 ... 30
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกันสบาย...สบายครับ  (อ่าน 787240 ครั้ง)
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 967


ดูรายละเอียด
« ตอบ #90 เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2010, 08:55:37 PM »


ช่วงนี้ว่าจะว่างเอาจริงๆแล้วไม่ค่อยมีเวลาเหมือนกันแฮะ...

เมื่อกี้ก็แวบไปคุยกับอวตารพระศรีอารยเมตตรัยมา(มีทุกเว็บครับ...ท่านอวตารลงมามากจริงๆ)ที่เว็บใหญ่เว็บนึง...

ผมเอาคำถามไปแปะไว้...มีผู้เข้าชมใน 1 อาทิตย์ พันกว่าคนและอีกเกือบ 50 ความเห็น...

ตอนนี้โค้ชน้องๆเตะบอลด้วย...ชนะรวดไปแล้ว 3 นัดไม่เสียประตูเลย ประตูได้ 7 เหลือรอบแรกอีกนัดสุดท้าย น่าจะเข้ารอบสองได้แล้วอย่างไม่มีปัญหา...แต่จะเป็นที่ 1หรือ ที่2 ใน สายเท่านั้น

อีกอย่างต้องกลับไปรักษาการณ์กระทู้ธรรมที่บริษัทด้วย พอดีท่านพี่ที่ดูแลอยู่แกมีธุระไม่ค่อยว่างช่วงนี้ ผมจึงต้องกลับไปรักษาการณ์แทนไว้ก่อน

ทำให้ผมต้องวิ่งรอกหลายงาน...สนุกดีครับ  ยิ้ม  ยิ้มเท่ห์

ปู่ พ.ศ.นั้นก็ปล่อยแกไปได้เลยครับ...มีแต่จะสร้างมิจฉาทิฏฐิและผูกใจแค้นเคืองกับท่านอื่นๆเป็นอริกันไปเปล่าๆ ไม่ใช่เรื่องดี..

เรื่องวัดพระธรรมกายผมไม่อยากวิจารณ์มากเอาเป็นว่าพวกเขาทั้งหลายเหล่านั้นก็ยังมีวิบากกรรมร่วมกันอยู่น่ะครับ...

บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #91 เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2010, 04:43:11 PM »

5 5 5 5

เข้ามาดูเรื่อยๆ แต่ไมค่อยได้ตอบ

เพราะหา เพชรแท้ ไม่ค่อยมี


เพราะคน ไม่ทำ

เอาแต่
       อยากมี อยากเป็น ไม่อยากมีไม่อยากเป็น ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 967


ดูรายละเอียด
« ตอบ #92 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2010, 02:43:46 PM »

เมื่ออยากทำ อยากปฏิบัติ ก็ยังอยากอยู่นั่นเอง แต่ก็เป็นอยากที่จะได้ดี อยากได้สุข อยากได้สงบ

เมื่ออยากอยู่ก็ต้องบังคับทั้งสิ้น ทั้งกายและใจ แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆแล้วบังคับไม่ได้...เมื่อไหร่อยากทำอยากปฏิบัติ เมื่อนั้นเป็นแค่สมถะ กิเลสแค่แอบดูอยู่เฉยๆ แต่มันไม่หมดหรือทุเลาลงไป เดี๋ยวมันก็มาอีกไม่ขาดสาย


ต่างคนต่างเล่นบทมายาแห่งจังหวะชีวิตกันไปก่อนตามแต่วิบากกรรมของแต่ละท่านครับ...

การกลับไปรักษาการณ์กระทู้ธรรมที่บริษัท ท่านพี่ ท่านกลับมาแล้วแต่ผมติดเรื่องเล่าของผมอยู่จะจบในอาทิตย์นี้แหละครับ

เรื่องฟุตบอลนั้นก็จบรอบแรกไปแล้วของสาย A ทีมของพวกเราอยู่สาย A เป็นที่ 1 สายชนะ 4 ครั้งรวดไม่เสียประตู ประตูได้ 8 ประตู

ตอนนี้ได้พักแข้งก่อน แมทช์ตัดเชือกวันที่ ๗ ธ.ค.๕๓ ค่อยมาลุยกันอีกที

เพชรหรือทองต่อให้เป็นของจริงของแท้...โดนความร้อนสูงแผดเผา...ก็ไม่มีอะไรเหลือไว้ให้เห็น...ไม่จีรัง อย่าไปหามันเลย...

อยากนิพพาน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 16, 2010, 02:48:23 PM โดย AVATAR » บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 967


ดูรายละเอียด
« ตอบ #93 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2010, 03:39:30 PM »



พิจารณาโดยแยบคายนะครับ

ตัณหา คือความอยาก

ในที่นี้หมายถึงความอยากที่จะปฏิบัติธรรมและความอยากที่จะบรรลุธรรม เมื่อมีความอยากก็เกิดการกระทำตามอำนาจของความอยากต่างๆนานา
ตรงกับคำสอน ของพระพุทธเจ้าที่ว่า "ตัณหาเป็นผู้สร้างภพ"คือสร้างความปรุงแต่งหรือการงานทางใจที่เรียกว่า "กรรมภพ' ขึ้นมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพียรทำอะไรบางอย่างเพื่อละอกุศลและการเพียรทำอะไรบางอย่างเพื่อเจริญกุศล เช่นการพยายามทำสติ สมาธิ ปัญญาและวิมุตติให้เกิดขึ้นโดยเชื่อว่าถ้ามีความเพียรปฏิบัติและสร้างความปรุงแต่งฝ่ายกุศลให้เต็มที่แล้วจะรู้ธรรมได้ในที่สุด

แท้จริงการมีความเพียรชอบนั้นไม่ใช่เพียรโดยเอากำลังเข้าหักหาญกับกิเลสหรือพยายามบังคับให้กุศลเกิดขึ้นเพราะธรรมทั้งปวงทั้งฝ่ายกุศลและอกุศลต่างก็เป็นอนัตตาคือไม่อยู่ในอำนาจบังคับของใคร ความเพียรเช่นนั้นจึงไม่ใช่สัมมาวายามะหรือความเพียรชอบเพราะยังประกอบด้วยมิจฉาทิฏฐิว่าเราจะละอกุศลและทำให้ธรรมฝ่ายกุศลเกิดขึ้นได้ตามใจปรารถนา แต่เป็นมิจฉาวายามะอันมีตัณหาอยู่เบื้องหลังการปฏิบัติธรรมและมีความหลงผิดเป็นเครื่องชี้นำส่วนความเพียรชอบนั้นเพียงมีสติก็เกิดความเพียรชอบแล้ว คือทันทีที่สัมมาสติเกิดขึ้นอกุศลก็เป็นอันถูกละ ไปแล้ว และกุศลก็เริ่มเจริญขึ้นแล้ว สมดังที่ หลวงปู่ มั่นภูริทัตตเถระ ท่านสอนว่า "เมื่อใดมีสติเมื่อนั้นมีความเพียร  เมื่อใดขาดสติเมื่อนั้นขาดความเพียร"

ดังนั้นแม้จะพยายามเดินจงกรมหรือนั่งสมาธิตลอดวันตลอดคืนถ้าไม่มีสติก็ยังไม่ได้ชื่อว่าทำความเพียรชอบ...

สำหรับท่านที่มีภูมิธรรมเป็นลำดับๆไปจะเข้าใจครับ...
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3605


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #94 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2010, 12:04:34 PM »



พิจารณาโดยแยบคายนะครับ

ตัณหา คือความอยาก

ในที่นี้หมายถึงความอยากที่จะปฏิบัติธรรมและความอยากที่จะบรรลุธรรม เมื่อมีความอยากก็เกิดการกระทำตามอำนาจของความอยากต่างๆนานา
ตรงกับคำสอน ของพระพุทธเจ้าที่ว่า "ตัณหาเป็นผู้สร้างภพ"คือสร้างความปรุงแต่งหรือการงานทางใจที่เรียกว่า "กรรมภพ' ขึ้นมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพียรทำอะไรบางอย่างเพื่อละอกุศลและการเพียรทำอะไรบางอย่างเพื่อเจริญกุศล เช่นการพยายามทำสติ สมาธิ ปัญญาและวิมุตติให้เกิดขึ้นโดยเชื่อว่าถ้ามีความเพียรปฏิบัติและสร้างความปรุงแต่งฝ่ายกุศลให้เต็มที่แล้วจะรู้ธรรมได้ในที่สุด

แท้จริงการมีความเพียรชอบนั้นไม่ใช่เพียรโดยเอากำลังเข้าหักหาญกับกิเลสหรือพยายามบังคับให้กุศลเกิดขึ้นเพราะธรรมทั้งปวงทั้งฝ่ายกุศลและอกุศลต่างก็เป็นอนัตตาคือไม่อยู่ในอำนาจบังคับของใคร ความเพียรเช่นนั้นจึงไม่ใช่สัมมาวายามะหรือความเพียรชอบเพราะยังประกอบด้วยมิจฉาทิฏฐิว่าเราจะละอกุศลและทำให้ธรรมฝ่ายกุศลเกิดขึ้นได้ตามใจปรารถนา แต่เป็นมิจฉาวายามะอันมีตัณหาอยู่เบื้องหลังการปฏิบัติธรรมและมีความหลงผิดเป็นเครื่องชี้นำส่วนความเพียรชอบนั้นเพียงมีสติก็เกิดความเพียรชอบแล้ว คือทันทีที่สัมมาสติเกิดขึ้นอกุศลก็เป็นอันถูกละ ไปแล้ว และกุศลก็เริ่มเจริญขึ้นแล้ว สมดังที่ หลวงปู่ มั่นภูริทัตตเถระ ท่านสอนว่า "เมื่อใดมีสติเมื่อนั้นมีความเพียร  เมื่อใดขาดสติเมื่อนั้นขาดความเพียร"

ดังนั้นแม้จะพยายามเดินจงกรมหรือนั่งสมาธิตลอดวันตลอดคืนถ้าไม่มีสติก็ยังไม่ได้ชื่อว่าทำความเพียรชอบ...

สำหรับท่านที่มีภูมิธรรมเป็นลำดับๆไปจะเข้าใจครับ...

อ่านแล้วกระชุ่มใจ ดีนะครับ ขอบคุณข้อธรรมดีๆ ที่เก็บมาฝากกันนะครับพี่ AVATAR อิอิ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #95 เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2010, 03:19:04 PM »

อยากป.ธรรม เป็นเจตสิกด้านกุศล คร๊าบ

และ หัวใจพระพุทธศาสนาคือ ละความชั่ว ทำความดี และทำจิตใจให้ผ่องใส....ฮับ ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 967


ดูรายละเอียด
« ตอบ #96 เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2010, 07:38:18 PM »



ขอทราบความรู้เรื่องเจตสิก ตามความเข้าใจของท่านพี่ the suffering เอาแบบคุยสบายๆครับ... ยิ้ม

บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #97 เมื่อ: พฤศจิกายน 27, 2010, 12:18:27 PM »

เจตสิก

เหมือน สีต่างๆ  ที่เข้ามาผสม กับน้ำสะอาด ที่เรียกว่าจิตเดิม(ประภัสสร)


ประสานกลมกลืนกัน อณู ต่ออณู


แยกออกจากกันได้ยากยิ่ง


เจตสิก มีทั้งฝ่ายที่เป็น  กุศล และอกุศล


ฝ่ายอกุศล คือ ฝ่ายที่ครอบงำจิต ให้เมามัน ไปตามธรรมอารมณ์  (พอใจ ไม่พอใจ เบื่อ-ขี้เกียจ  ฟุ้งซ่าน สงสัย)

เรียกว่า สร้าง อารมรณ์ที่ต้องการมา แล้ว จิต+วาจา+กาย ทะยานไปตามมัน  จนเสียหาย

หัวใจของพระพุทธศาสนาจึง  ประกอบด้วย  1. การละความชั่ว(มีศีล) ซึ่งทุกศาสนาก็มี


ส่วนเจตสิกฝ่ายกุศล  ก็อย่างที่พวกเรา มาสร้าง ความดี ประมาณ 10เรื่อง

ด้วยการสนทนาธรรม อ่านธรรม ฟังธรรม  ให้ทานด้วยวัตถุ-อภัย -ธรรม  การให้แรงงานเพื่อช่วยสาธารณกุศล**และการปฏิบัติธรรม**

จึงเป็นหัวใจพระพุทธศาสนาข้อที่2 ทำความดี--ทุกศาสนาก็มีเช่นกัน



มาดูสุดยอด ของหัวใจพระพุทธศาสนา คือ ขั้น 3 ปํญญาเห็นแจ้งในอริยสัจ4 

รู้ทุกข์

ละเหตุของทุกข์

แจ้งนิพพาน

เป็นผลต่อเนื่องมาจาก

การทำมรรค8 (ศีล สมาธิ = 1.สัมมาวายาโม  2.สัมมาสติ-สติปัฏฐาน4 3.สัมมาสมาธิ  ที่มีพลังพอ  เพื่อส่งไม้ต่อไปที่ สัมมทิษฐิ สัมมาสังกัปโป)


เราเคยคุยกันมาแล้วนี่นา ในเรื่องใบไม้กำมือเดียว หรืออะไรเนียะ**


ซึงศีล สมาธิ ปัญญา เป็นเหมือนเครื่องกรองน้ำ(เจตสิก) ชั้นยอด  เพื่อให้เหลือน้ำดื่มใส บริสุทธิ์(จิตแท้ )


อ้อ....หัวใจพระพุทธศาสนาข้อนี้  ไม่มีศาสนาใดในโลก  นี้  เข้าใจได้หรอก


เพราะทุกที่ล้วนติดอยู่ขั้น ทำดี  ฮับ..


**ขอตัวไปรับอาหารใหม่ มื้อเช้า ก่อน**จ้า ยิงฟันยิ้ม



บันทึกการเข้า
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3605


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #98 เมื่อ: พฤศจิกายน 27, 2010, 12:36:28 PM »

ได้เลยครับพี่ กินเผื่อผมด้วยน่ะครับผม
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 967


ดูรายละเอียด
« ตอบ #99 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2010, 06:51:36 PM »

เดือนนี้เพื่อนผมที่ทำงานเดียวกันอายุเกิดปีเดียวกับผมนี่แหละแก ไปบวชแล้วถวายในหลวง ในโคงการของบริษัทฯ

บวชที่กท.จำพรรษาที่กาญจนบุรีฯ

ดีใจแทนเพื่อนจริงๆ...เออ...ตอนผมมีงานปีใหม่ แกมาช่วยเล่นดนตรีให้ที่บ้านผมด้วย...แกเจ๋งว่ะ...

อนุโมทนาครับท่าน

 
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #100 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2010, 11:28:56 PM »

เมื่อกี้ก็แวบไปคุยกับอวตารพระศรีอารยเมตตรัยมา(มีทุกเว็บครับ...ท่านอวตารลงมามากจริงๆ)ที่เว็บใหญ่เว็บนึง.

* เรียนถามว่า เว็บ อะไรเนียะ*

พระพุทธเจ้า ยุคปัจจุบันคือ พระโคดม  มีพระธรรมวางไว้ให้ ปฏิบัติตาม


 แต่ไม่สนใจ ไปหวังน้ำบ่อหน้่า กันอยุ่ได้


คำสอนของพระพุทธเจ้า ทุกพระองค์ ก็เหมือนกัน

มัวแต่ผลัดวันประกันพรุ่ง  เฮ้อ ..สัตว์โลก ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #101 เมื่อ: ธันวาคม 05, 2010, 08:47:40 PM »

ไปไหนกันหมดแล้ว ฮับ

เอาบุญมาเผื่อ ไปร่วมกิจกรรมพระนวกะ 156 รูป

หยอดตุ้ทำบุญงานบวชไปแล้ว 2 ครั้ง วันนี้และเมื่อวาน

ไป 9 โมงกลับ 5โมง ง่วงเลย เหนื่อย  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 967


ดูรายละเอียด
« ตอบ #102 เมื่อ: ธันวาคม 06, 2010, 12:11:19 AM »

ขออนุโมทนาครับ...

เรื่องไปคุยกับพระศรีอารย์ (ใช่หรือเปล่ายังไม่รู้เลย...แต่เค้าอ้างว่าใช่กัน...เว็บเราก็มีลองถามคุณลุง พลศักดิ์ดู)
มันก็แบบคนคุ้นเคยน่ะครับ...ขี้เกียจพิมพ์ขี้เกียจอธิบายมาก แต่ว่าเราอย่าเพิ่งไปปรามาสพวกท่านเหล่านี้ บางทีมันก็เป็นบุพกรรมต่อกันมานาน บางคนเค้าปรารถนาจะเป็นศิษย์สาวกของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ บางท่านอาจปรารถนาจะเป็นพระอัครสาวกของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นพระองค์นี้ มันก็แล้วแต่ใครจะปรารถนาครับ...

ถ้าไม่ได้เป็นครูบาอาจารย์หรือมีบุพกรรมอะไรกันมาในชาติก่อนๆมันก็ไม่เป็นในแนวทางเดียวกันหรอกครับ...

เหมือนกับเรา..ที่เค้าบอกว่าพระอาจารย์องค์นี้สุดยอดปฏิปทา อภิญญาสุดยอด เค้าฟังหรือปฏิบัติกันเข้าใจง่ายได้ผลดี...แล้วก็ดูดีจริงๆ

เฮ้ย...แต่เวลาเราไปฟังไปปฏิบัติด้วยทำไมฟังเข้าใจยากจัง ไม่รู้เรื่อง และเวลาปฏิบัติก็อึดอัดมาก ดูไม่เจริญก้าวหน้าในทางธรรมเลย...

อันนี้มันก็แล้วแต่บุพกรรมที่คุณๆทำเกี่ยวเนื่องกันมา ที่คุณไม่เคยมีบุพกรรมมากับท่าน...เรียนกันอีกหลายแสนชาติก็ไม่เข้าใจ

พวกที่เรียนมาด้วยกันนั้นเค้าเล่าเรียนด้วยกันมาและเหมาะสมกับจริตเค้าแล้ว...ไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติที่เค้าร่วมเล่าเรียนกันมา...

เพราะฉะนั้นเราอย่าเพิ่งไปดูถูกใคร...บางคนถึงขนาดมีบุพกรรมกับพระพุทธเจ้าพระองค์อื่น...พระพุทธเจ้าสมณะโคดม อบรมเค้าก็ไม่เข้าใจและเค้าก็ยังไป(นิพพาน)ไม่ได้...เค้าต้องรอพระพุทธเจ้าพระองค์ที่เค้ามีบุพกรรมสั่งสมส่งเสริมกันมา...ลงมาตรัสรู้และอธิบายความสอนเค้าจึงจะพึงถึงเวลาแห่งการตรัสรู้เข้านิพพานตามไป

เรื่องมันยาววววว...เอาเป็นว่าผมคนนึงล่ะที่ไม่ได้ปรารถนาไปอุบัติและตรัสรู้ในพุทธกาลของพระศรีอารยเมตตรัยครับ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 06, 2010, 12:20:40 AM โดย AVATAR » บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #103 เมื่อ: ธันวาคม 06, 2010, 12:29:05 AM »

เกือบเข้านอนแล้ว ตาจะปิด

นั่งทำงานด้วย คอมแล้ว สายตาย่ำแย่

วันนี้ดุข่าวในหลวงออกท้องพระโรง พยายามพูดเตือนสติพสกนิกรด้วยเสียงที่แหบแห้ง


คนดีก็ฟัง ด้วยความเข้าใจ

แต่คนอีกพวกหนึ่ง ก็ไม่สน ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 967


ดูรายละเอียด
« ตอบ #104 เมื่อ: ธันวาคม 06, 2010, 12:36:41 AM »


แล้วเรารู้ได้อย่างไรว่าคนอื่น..เค้าไม่รู้เรื่อง...หรือไม่สนใจครับ

แล้วเราเข้าใจไหมครับ...วางใจให้เป็นกลางก่อน...อย่าเพิ่งไปดูคนอื่น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 06, 2010, 12:53:54 AM โดย AVATAR » บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 ... 30
พิมพ์
กระโดดไป: