มารู้จักพุทธเกษตรของพระพุทธเจ้ากัน+คำยืนยันว่า สรวงสวรรค์ของพระคริสต์มีจริง « เมื่อ: สิงหาคม 10, 2010, 04:10:34 pm »
อ้างจาก:
[email protected] ที่ สิงหาคม 06, 2010, 01:17:29 PM
phonsak เขียน:
พึงรู้ว่า พระเยซูผู้นี้คือ สาวกในนิกายพุทธศาสนามหายาน และพระบิดาหรือพระยะโฮวา= พระพุทธเจ้าองค์ปฐม ส่วนพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน เป็นพระจิตที่อยู่ในใจมนุษย์ทุกคน
พระเยซูเป็นพระอรหันต์ที่เป็นพระบุตร จึงไม่สามารถสร้างพุทธเกษตรเองได้ และต้องขอให้พระบิดาหรือพระยะโฮวา(พระพุทธเจ้าองค์ปฐม)ประธานสรวงสวรรค์ให้ ซึ่งอาจจะเรียกว่า พุทธเกษตรก็ได้ พระเยซูทรงใช้ร่างกายและโลหิตของพระองค์รับโทษแทนมนุษย์ที่ตัดสินใจเดินตามทางพระองค์ โดยยอมรับพิธีมิสซา ซึ่งทำให้ไม่ต้องรับโทษในบาปก่อนๆที่ทำในสังสารวัฏฏ์
แต่บาปในชาติปัจจุบัน จำเป็นที่จะต้องทำพิธีสารภาพบาปเช่นกัน ใครที่ยังมีบาปอยู่ จะต้องโดนชำระล้างด้วยไฟ
คุณlove เขียนโต้และถามว่า:
อิอิ
1. ป๋าพอลล์คร๊าบ พระสมณโคดม ก็สร้างพุทธะเกษตรเองไม่ได้หรอกนะ คร๊าบ
ก่อนมาประสูติ ก็ตรวจลักษณะของโลกห้าอย่าง
โลกและพุทธเกษตรนี้ มีมาก่อนที่จะเลือก มีมาก่อนที่จะมาประสูติแล้ว น๊าคร๊าบ
และตกลง นี่เป้นพุทธเกษตรของพระพุทธเจ้า พระองค์ใดกันแน่เล้าคร๊าบ
2. และพระเยซูก็ไม่ได้เป้นพระสาวกแบบที่ป๋าพอลล์ โมเมมาบอกหรอกคร๊าบ
ไม่มีสักคำในพระวจนะของพระเยซู ที่แสดง ถึงครูบาอาจารย์เช่นพระอมิตภะ พระรัตนสัมภวะ หรือเจ้าแม่กวนอิม
ถ้าเป้นพระสาวก จริงๆแบบที่ป๋าพอลล์โมเมมาบอกคร๊า�ตอบ
คุณยังรู้น้อยนัก.....
1. พระเยซูเรียกตัวเองว่า เป็นพระบุตรของพระเจ้า(พระพุทธเจ้า) ส่วนหลักฐานว่าพระเยซูเป็นชาวพุทธ ผมจะนำมาแสดงในอีก 3 วัน พระเยซูแสดงอภิญญาหลายอย่าง คุณก็ได้บอกมาแล้วบางส่วน คือ พระเยซูรู้ล่วงหน้าว่า เปรโตจะปฏิเสธไม่รู้จักพระเยซูสามครั้ง ก่อนไก่ขันในวันรุ่งขึ้น ที่สำคัญ คือ พระเยซูคริสต์ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย เหมือนกับพระโมคคัลลานะ
เราชาวพุทธบอกว่า พระโมคคัลลานะเป็นพระอรหันต์ แต่ดาวเกรดพระเยซู ในขณะที่ชาวคริสต์อัพเกรดพระเยซูเป็นพระเจ้า โดยหารู้ไม่ว่า พระอรหันต์ นั่นแหละคือ พระเจ้า
2. พระพุทธเจ้าสอนไปทางเถรวาท เน้นที่การปฏิบัติด้วยตนเองเพื่อเข้านิพพาน แต่สอนไปทางมหายาน เน้นช่วยคนที่ไม่สามารถปฏิบัติเพื่อตนเองจนเข้าสู่นิพพาน ต้องพึ่งบารมีพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ พุทธเกษตรของพระพุทธเจานาม พระอมิตาภพุทธเจ้า และพระไภทคุรุฯ ผมก็ได้แสดงไว้ในบางเว็บแล้ว
ส่วนพุทธเกษตรของโคตมะพุทธเจ้าของเราก็มีด้วย ไม่เพียงแค่นั้น พุทธเกษตร(สรวงสวรรค์)ของพระคริสต์) หลักฐาน:
ปริเฉทที่ ๑ พระพุทธเกษตรวรรค พระสูตรวิมลเกียรตินิรเทศสูตร
.....พระโพธิสัตว์ย่อมบำเพ็ญหิตานุหิตประโยชน์โปรดสรรพสัตว์ จึงอาจสามารถให้สำเร็จซึ่งพุทธเกษตรได้ อุปมาดังบุคคลผู้ปรารถนาจักสร้างปราสาทในแผ่นดินที่ว่าง เขาย่อมยังกิจที่ปรารถนาให้สำเร็จได้ แต่ถ้าเขาไม่อาศัยแผ่นดินกลับไปอาศัยอากาศเพื่อนสร้างปราสาทไซร้ ย่อมไม่มีหนทางสำเร็จฉันใดพระโพธิสัตว์ก็มีอุปไมยฉันนั้น กล่าวคือ ในการยังพระพุทธเกษตรให้สำเร็จบริบูรณ์ ก็เพื่อประโยชน์แห่งสรรพสัตว์นั้นเอง
++++ พุทธเกษรของพระเยซูคริสต์ หรือสรวงสวรรค์ของพระคริสต์ ก็สามารถสร้างเสร็จสมบูรณ์ได้ เพื่อประโยชน์แห้งสรรพสัตว์นั่นเอง
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับแสดงธรรมโปรดสัตว์อยู่ ณ สวนอัมพปาลีวัน ณ กรุงเวสาลี พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ๘,๐๐๐ รูป พระโพธิสัตว์อีก ๓๒,๐๐๐ องค์ ..........
ตรัสสรุปว่า
“เพราะฉะนั้นแล รัตนกูฏ ! พระโพธิสัตว์ผู้ปรารถนาจักบรรลุถึงวิสุทธิเกษตรดังกล่าว ! พึงชำระจิตแห่งตนให้บริสุทธิ์สะอาด เมื่อจิตบริสุทธิ์สะอาดดีแล้ว พุทธเกษตรก็ย่อมบริสุทธิ์สะอาดตามไปด้วย.”
ครั้งนั้นแล พระสารีบุตรเถรเจ้าโดยการบันดาลดลแห่งพุทธานุภาพได้บังเกิดปริวิตกอย่างนี้ขึ้นว่า
“ถ้าจิตของพระโพธิสัตว์บริสุทธ์พุทธเกษตรก็พลอยบริสุทธิ์ด้วยไซร้ เมื่อเป็นเช่นนี้พระผู้มีพระภาคของเรา เมื่อยังสมัยยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ จักมีจิตไม่บริสุทธิ์กระมังหนอ พุทธเกษตรของพระองค์จึงไม่สะอาดหมดจดดั่งประกฎอยู่ ณ บัดนี้ ?”
พระผู้มีพระภาคทรงทราบความปริวิตกนั้นแล้ว จึงมีพระดำรัสว่า
“สารีบุตร ! เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน ? บุคคลผู้มีจักษุบอดมองไม่เห็นความสุกสว่างหมดจดแห่งดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ นั้นเป็นความผิดของดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ฤๅหนอ ?”
พระสารีบุตรทูลว่า “หามิได้ข้าแต่พระสุคต เป็นความบกพร่องของบุคคลผู้มีจักษุบอดเอง ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์จักมีโทษด้วยก็หาไม่”
ตรัสว่า “ฉันใดก็ฉันนั้นนะสารีบุตร ! เป็นความผิดของสรรพสัตว์เอง ! ที่มองไม่เห็นความบริสุทธิ์สะอาดในโลกธาตุเกษตรแห่งเราตถาคต จักเป็นความผิดของตถาคตด้วยก็หาไม่ สารีบุตรเอย ! โลกธาตุของตถาคตนั้นบริสุทธิ์ แต่เธอมองไม่เห็นเอง”.......
ท้าวสนังพรหมกุมาร ได้กล่าวกับพระสารีบุตรว่า
“ขอท่านผู้เจริญอย่าได้ปริวิตก แลกล่าวว่าวพุทธเกษตรนี้ไม่บริสุทธิ์เลย ข้อนั้นเพราะเหตุเป็นไฉน ? เพราะเรานั้นได้เห็น ความบริสุทธิ์หมดจดแห่งพุทธเกษตรของพระศากยมุนีเจ้า เปรียบดุจทิพยมณเฑียรแห่งพระอิศวรเทพ ฉะนั้น.”
พระบรมศาสดาตรัสว่า
“โลกธาตุของตถาคต ย่อมบริสุทธิ์เป็นปกติอยู่เป็นนิตย์ แต่เพื่อโปรดบรรดาชนผู้มีอินทรีย์ต่ำ ตถาคตจึงสำแดงให้ปรากฏเห็นเป็นไม่บริสุทธิ์ขึ้น เหมือนดังปวงเทพยาดาต่างร่วมเสวยสุทธาโภชน์ในทิพยภาชน์อันเดียว ด้วยอำนาจแห่งบุญสมภารของแต่ละองค์ไม่เสมอกัน ทิพย์โภชน์จึงปรากฏหาคล้ายกันไม่ ฉันใดก็ฉันนั้นนะ สารีบุตร! ถ้าบุคคลมีจิตบริสุทธิ์ไซร้ เขาย่อมเห็นคุณาลังการแห่งพุทธเกษตรนี้ได้.”
สรุป
1. สรวงสวรรค์ของพระเยซูคริสต์ คือพุทธเกษตรแห่งหนึ่ง เพราะพระเยซูคริสต์เป็นสาวกพุทธศาสนานั่นเอง หลักฐานผมจะเอามาแสดงในอีก 3 วัน
2. พุทธเกษตรของโคตมะพุทธเจ้าก็มีด้วย เพียงแต่พระพุทธองค์ไม่ได้ตรัสสอนไปทางเรวาท เพราะจุดมุ่งหมายของนิกายเถรวาทและมหายานต่างกัน เถรวาทไม่ต้องอาศัยบารมีของใคร พึ่งตัวเองเพื่อเข้าสู่นิพพาน มหายานพึ่งบารมีพระพุทธเจ้า(พระเจ้า)ช่วย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
dhandham เขียน:
เอาเหนือ ใต้ ออก ตก ผสมกัน มีลูกออกมาได้นะ คิกๆๆ
สัจธรรมสูงสุดมีเพียง 1 ผู้ที่ไม่เห็นสัจธรรมสูงสุดนั้น ย่อมคิดว่ามี 2, 3, 4 เพราะเขาคิดปรุงแต่งไปเอง เมื่อไม่คิดปรุงแต่งใดๆ
เหนือ ใต้ ออก ตก มันก็ไม่มี และไม่ผสมกัน สัจธรรมสูงสุดจึงมีอันเดียว และเราก็เป็นหนึ่งในหนึ่งในสัจธรรมสูงสุดอันนั้น
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นย่อมเห็นตถาคต ผู้ใดใกล้เห็นธรรม ผู้นั้นย่อมเห็นบทความของเรา....พลศักดิ์ วังวิวัฒน์