ประวัติของวัด![](https://www.kammatan.com/gallary/images/20100430104104_img_7502.jpg)
เมื่อประมาณพ.ศ.๒๔๓๐ ตรงกับสมัยรัชกาลที่๖มีชาวบ้านเข้ามาจับจองที่ดินทำไร่นาบริเวณบ้านร่องขุ่น
ในปัจจุบันเพียงไม่กี่หลังคาเรือนโดยอาศัยลำน้ำสายเล็กๆ ที่ไหลลงสู่แม่น้ำแม่ลาวซึ่งมีลักษณะสีขุ่นเลี้ยงชัพ
ชาวบ้านจึงเรียกว่า''บ้านฮ่องขุ่น' หรือบ้านร่องขุ่น ในภาษากลางมาโดยตลอด
![](https://www.kammatan.com/gallary/images/20100430104321_img_7533.jpg)
หลังขุนอุดมกิจ เกษมราษฎร์ นำครอบครัวเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านเพื่อขึ้น กว่า๕๐ หลังคาเรือน
ท่านจึงคิดสร้างสำนักสงฆ์ขึ้นในหมู่บ้าน วัดร่องขุ่นถือกำเนิดครั้งแรก ณ ริมฝั่งแม่น้ำลาวทิศตะวันตกใกล้กับน้ำ
แม่มอญคณะศรัทธาสร้างศาลาและกุฎิเป็นเรือนไม้และได้อาราธนานิมนตพระทองสุข บาวิน จากวัดสันทรายน้อยเป็นเจ้าอาวาท
มาถึงสมัยคุณพ่อหมี แก้วเลื่อมใส ได้ย้ายวัดมาตั้งอยู่บริเวณหัวนาของ ท่านซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนด้านทิศตะวันตกติดกับ
ลำน้ำร่องขุ่น ต่อมา กำนันทาดีวรัตน์ เห็นว่าวัดวาเริ่มคับแคบ เพราะ หมู่บ้านใหญ่ขึ้น จึงได้ย้ายวัดมาอยู่บนที่ดินในปัจจุบัน
โดยนางบัวแก้วภรรยาของกำนันยกที่ดินให้สร้างวัดจำนวน๔ ไร่เศษ เมื่อสร้างเสร็จได้นิมนต์พระดวงรจ อาภากโร
จากวัดมุงเมืองมาเป็นเจ้าอาวาสและต่อมาพระดวงรจ อาภากโร ได้ย้ายไปจำพรรษาวัดอื่น
ชาวบ้านได้ขออาราธนานิมนต์พระไสว ชาคโร มาเป็นเจ้าอาวาทเมื่อพ.ศ. ๒๔๙๙ ถึงปัจจุบัน
![](https://www.kammatan.com/gallary/images/20100430104144_img_7506.jpg)
พระไสว ชาคโร ได้สร้างพระอุโบสถในปี พ.ศ๒๕๐๗และได้อาราธนา พระหินโบราณจากหมู่บ้านหนองสระ อ.แม่ใจ
มาเป็นพระประธานในอุโบสถ ปี๒๕๒๐ ได้รับวิสุงคสีมา ปี ๒๕๒๙ ได้บูรณซ่อมแซมกำแพงวัด ปี ๒๕๓๓ สร้างหอฉัน
และ ซุ้มประตูวัด ปี๒๕๓๗พระไสว ชาคโรได้รับแต่ง ตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระครูชาคริยานุยุต
ปี๒๕๓๔ คณะศรัทธาเห็นว่าวัดสร้างมา ๓๘ ปี อยู่ในสภาพทรุดโทรมเป็นที่อยู่ของค้างคาวฝูงใหญ่
ใช้ทำสังฆกรรมไม่ได้จึงคิดสร้างอุโบสถหลังใหม่วันที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๓๘
ได้ทำพิธีรื้อถอนอุโบสถ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๓๘ ได้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ในการก่อสร้าง
![](https://www.kammatan.com/gallary/images/20100430104130_img_7505.jpg)
วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๙ ได้ลงมือก่อสร้างอุโบสถหลังปัจจุบันแต่เสร็จเพียงแค่ โครงสร้างเท่านั้น ปัจจัยของวัดเริ่มขาดแคลนเพราะอยู่ในภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่แตก
ในปี ๒๕๔๐ อาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรผู้มีชื่อเสียงระดับชาติเป็นเลือดเนื้อของคนบ้านร่องขุ่นโดยกำเนิด
ปวารณาตน เข้ามาสานต่อถวายเป็นเป็นพุทธบูชา หวังให้เป็น"งานศิลป์เพื่อแผ่นดิน"ด้วยปัจจัยของท่านเอง
โดยพระครูชาคริยานุยุตและชาวบ้านไม่ต้องลำบากหาเงินมาสร้างวัด
![](https://www.kammatan.com/gallary/images/20100430104254_img_7528.jpg)
อาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ได้เข้ามาทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมตามปรารถนาของท่าน จนทำให้วัดร่องขุ่นสวยงามประทับใจผู้คนที่มาเยี่ยมชมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจากวัดร่องขุ่นที่ไม่มีใครรู้จักกลายเป็นวัดที่มีชื่อเสียงเป็นที่เชิดหน้าชูตาของจังหวัดและประเทศชาติ
โครงการก่อสร้างวัดเมื่อเสร็จสมบูรณ์จะประกอบไปด้วยหมู่สถาปัตยกรรม ๙ หลังมี อุโบสถ หอพระธาตุ หอพระ
หอบรรยายธรรม หอวิปัสสนากุฏิพระซุ้มทางเข้าเขตพุทธราวาส หอศิลป์ ห้องสุขา
อาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ได้ซื้อที่ดินทางทิศใต้ ๑ไร่ ๒๐๐ตารางวาคุณวันชัย วิชญชาคร จาก กทม.
ได้บริจาคที่ดินอีก ๕ไร่ ๓๐๐ตารางวารวมเป็น ๑๐ ไร่ ๑๐๐ ตารางวา
![](https://www.kammatan.com/gallary/images/20100430104306_img_7531.jpg)
อาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ได้ตั้งจิตอธิษฐานขอถวายตนรับใช้พุทธศาสนาเพื่อสร้างวัดร่องขุ่น
ตั้งแต่ท่านอายุ ๔๒ ปี (พ.ศ.๒๕๔๐) เป็นต้นไปจวบจนกว่าจะสิ้นลมณวัดแห่งนี้
ท่านสิ้นแล้วซึ่งความปรารถนาใดๆในวัตถุทางโลกท่านมุ่งอุทิศถวายตนเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
และมวลมนุษยชาติอันเป็นที่รักของท่านด้วยความศรัทธาเชื่อหมั้น
ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก :
http://www.samakkhi.ac.th/web251/samakkhi/bonusatom/m2101521/pabjidtagumbangsoun.htm ขอบพระคุณรูปจาก kammatan.com และ
[email protected]