KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4ทางแห่งพระนิพพาน เดินไปอย่างไร มีวิธีปฏิบัติอย่างไรนิพพานคืออะไร
หน้า: 1 2 [3]
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: นิพพานคืออะไร  (อ่าน 82047 ครั้ง)
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #30 เมื่อ: มีนาคม 14, 2012, 10:33:12 PM »

golfreeze


ช่วยหาข้อมูลมาหน่อย เรื่องการ กล่าวถึงพระนิพพาน ในด้าน รูปธรรม



 ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #31 เมื่อ: มีนาคม 18, 2012, 03:18:03 AM »

พระนิพพานนั้นพ้นสมมุติบัญญัติเป็นเรื่องของโลกกุตระ ผู้เข้าถึงย่อมรู้แจ้งเฉพาะตน

ลัทธิความเชื่อฝ่ายหนึ่งที่เชื่อว่าตายแล้วสูญ กับอีกฝ่ายหนึ่งที่เชื่อว่าตายแล้วเกิดใหม่นั้นมีมานานแล้วก่อนสมัยพุทธกาลเสียอีก ฝ่ายที่เชื่อว่าตายแล้วสูญยังเน้นย้ำความเชื่อที่ว่าไม่มีอะไรเป็นเหตุให้เกิดบุญ หรือบาป สืบต่่อไป ตายแล้วก็จบสิ้นกัน
ส่วนฝ่ายที่เชื่อตายแล้วเกิดใหม่นั้นยังแยกออกเป็นสองพวก คือพวกหนึ่งที่เชื่อว่าตายแล้วมาเกิดใหม่เหมือนเดิมเช่นพราหมณ์ ตายแล้วก็มาเกิดเป็นพราหมณ์ทุกชาติ กับอืกพวกหนึ่งเชื่อว่าตายแล้วเกิดใหม่เป็นอย่างอื่นได้
พระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นในชมพูทวีป ท่ามกลางเจ้าลัทธิที่มีความเชื่อแตกต่างกันอย่างสุดขั้วเหล่านั้น ทรงแสดงสัจจธรรมให้คนทั้งหลายเห็นว่า ผลของบาป ผลของบุญมีจริงไม่สูญเปล่า ตายแล้วไม่สูญต้องกลับมาเกิดอีกตราบใดที่ยังไม่หมดตัณหาอุปาทาน ถ้าหากละตัณหาอุปาทานได้เด็ดขาดแล้วจึงจะไม่เกิดอีก(นิพพาน)
คำว่านิพพานเป็นบัญญัติศัพท์ ที่มีใช้กันมาก่อนหน้านี้แล้วและ...ยังคำที่มีความหมายเหมือนกับคำว่านิพพานอีกมากมาย(ศึกษาจากพระไตรปิฎก และพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ของท่านพระอาจารย์ประยุทธ ปยุตโต ได้)ในที่นี้จะขอเว้นไวัก่อน
ส่วนที่มีผู้ปักใจเชื่อว่าพระนิพพานคือความว่างเปล่าโดยยกเอาพุทธพจน์ซึ่งอยู๋ในบทสวดมนต์แปลมาอ้างตรงคำแปลภาษาไทยที่ว่า"ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน"แล้วทึกทักเอาว่าพระนิพพานเป็นความว่างเปล่าไม่มีตัวตน จะปฏิิบัติศีล สมาธิ ไปเพื่ออะไรอีก ขอทำความกระจ่างว่า "พระนิพพานที่แท้น้นปราศจากชื่อเรียก เพราะชื่อเรียกเป็นเพียงสมมมติเพื่อ แสดงความเป็นตัวตนของทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้หรือจักรวาลนี้ แต่นิพพานนั้นเป็นวิมุตติซึ่งเหนือไปจากสมมติจึงไม่มีคำบ้ญญัติใดๆที่จะเรียกได้เลย เหมือนภาษาของใจขณะเกิดความสงบ เจ้าของใจรู้อยู่ว่าสงบแต่ไม่สามารถพูดหรือเขืยนออกมาเป็นภาษาใดๆได้ เพราะถ้าจะเขียนถ้อยคำเหล่านั้นก็เป็นเพียงสมมติไม่ใช่ตัวความสงบ(ตรงกับความหมายของพระธรรมว่าเป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รุ้เฉพาะตนนั่นเอง) สรุปว่าตัวนิพพานที่เราถกเถียงกันอยู่นี้เป็นเพียงสมมติ นิพพานที่แท้เป็นวิมุตติที่เราอธิบายไม่ได้ แต่พระพุทธองค์ทรงรับรองว่าสภาวะนั้นหรืออายตนะนั้นมีอยู่จริง และถ้าหากสิ่งนั้นเป็นแต่ความว่างเปล่าพระองค์และพระพุทธเจ้าทุกพระองค์คงไม่ต้องพากเพียรมาเป็นเวลาหลายอสงไขยกับแสนกัปป์ เพียงเพื่อตรัสรู้ธรรมอันว่างเปล่านี้แน่นอน หรือต้องกลายเป็นโมฆะไป
ผู้ที่รู้ไม่จริงพึงสงบถ้อยคำว่าตนรู้ในพระนิพพานว่าเป็นอย่างไร และไม่พึงด่วนสรุปว่าจะปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญาไปเพื่ออะไรในเมื่อพระนิพพานเป็นแต่ความว่างเปล่า
เพราะพระนิพพานนั้นมีจรืงแต่ไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นอัตตา และสามาถจะเข้าถึงได้ด้วยมรรคมีองค์แปด ซึ่งเป็นบันใดเป็นขั้นตอนไป ใครสามาถโดดตุบเดียวโดยนั่งนึกเอานั่งตีความเอาคงจะเก่งเกินพระอรหันต์หรือพระพุทธเจ้าไปแล้ว....
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
phonsakw
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 1
**

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 2
กระทู้: 94


ดูรายละเอียด
« ตอบ #32 เมื่อ: เมษายน 17, 2012, 11:26:06 PM »

พระอรหันต์นิพพานแล้วไปไหน

 ก็กลับไปที่ๆมาเริ่มต้นสุดเลยยังไงล่ะ  เรามาจากความว่าง  ก็กลับไปสู่ความว่าง  ที่เรียกว่า มหาสุญญตา(พุทธภาวะเริ่มแรกที่ไม่มีอะไรเลย)  เราก็ต้องกลับไปยังมหาสุญญตา(พุทธภาวะเริ่มแรกที่ไม่มีอะไรเลย)

ศาสนาพราหมณ์บอกว่า  เรามาจากปรมาตมัน ซึ่งเป็นตัวรู้เดียวที่แยกตัวออกเป็นตัวรู้มากมาย(อาตมัน)

พระอรหันต์ = อาตมัน ไปนิพพาน คือ กลับเข้าไปเป็นปรมาตมัน

มึงเป็นความว่าง  มึงก็ต้องกลับไปสู่ความว่าง  แต่ไอ้ความว่างตัวนี้ มันเป็นมหาสุญญตา(พุทธภาวะเริ่มแรกที่ไม่มีอะไรเลย) = นิโรธ  ไม่มีความทุกข์อยู่เลย  พวกที่อยู่ในนิโรธจึงไม่อยากออกมาวุ่นวายเรื่องของโลกอีก

ถ้าอยากวุ่นวายเรื่องของโลกต่อไป คือ ไปช่วยคนที่มีทุกข์  ก็ต้องออกจากนิโรธ ไปเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือกายทิพย์บริสุทธิ์ ที่เรียกว่า พระอรหันต์โพธิสัตว์ ดำรงอยู่ในแดนนิพพาน ที่เป็นพุทธเกษตร หรือ สวรรค์นิรันดร
บันทึกการเข้า
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #33 เมื่อ: เมษายน 18, 2012, 12:53:19 AM »

ผมว่าลุงยังอยู่ในช่วงนี้นะครับ อากาสานัญจายตนะ จากที่ผมดูลุงมานาน

เดินปัญญาด้วยครับลุง อย่าไปติดนิมิตมาก ...แต่บางครั้งฝันของลุงก็อ่านสนุกดีครับ  ยิ้มเท่ห์

 
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
yusamui
สมาชิกใหม่
*

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 0
กระทู้: 48


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #34 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2012, 03:36:31 PM »

พระอรหันต์นิพพานแล้วไปไหน

 ก็กลับไปที่ๆมาเริ่มต้นสุดเลยยังไงล่ะ  เรามาจากความว่าง  ก็กลับไปสู่ความว่าง  ที่เรียกว่า มหาสุญญตา(พุทธภาวะเริ่มแรกที่ไม่มีอะไรเลย)  เราก็ต้องกลับไปยังมหาสุญญตา(พุทธภาวะเริ่มแรกที่ไม่มีอะไรเลย)

ศาสนาพราหมณ์บอกว่า  เรามาจากปรมาตมัน ซึ่งเป็นตัวรู้เดียวที่แยกตัวออกเป็นตัวรู้มากมาย(อาตมัน)

พระอรหันต์ = อาตมัน ไปนิพพาน คือ กลับเข้าไปเป็นปรมาตมัน

มึงเป็นความว่าง  มึงก็ต้องกลับไปสู่ความว่าง  แต่ไอ้ความว่างตัวนี้ มันเป็นมหาสุญญตา(พุทธภาวะเริ่มแรกที่ไม่มีอะไรเลย) = นิโรธ  ไม่มีความทุกข์อยู่เลย  พวกที่อยู่ในนิโรธจึงไม่อยากออกมาวุ่นวายเรื่องของโลกอีก

ถ้าอยากวุ่นวายเรื่องของโลกต่อไป คือ ไปช่วยคนที่มีทุกข์  ก็ต้องออกจากนิโรธ ไปเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือกายทิพย์บริสุทธิ์ ที่เรียกว่า พระอรหันต์โพธิสัตว์ ดำรงอยู่ในแดนนิพพาน ที่เป็นพุทธเกษตร หรือ สวรรค์นิรันดร

ไปเอาความรู้เหล่านี้มาจากไหนครับ เพราะมันไม่มีในพระสูตรใดเลย
บันทึกการเข้า
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #35 เมื่อ: กันยายน 10, 2012, 11:49:36 PM »

ปรมัตถธรรม มี 4 อย่าง
ได้แก่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน

มีเพียง 1 อย่างที่เป็นรูปธรรม คือ รูปขันธ์

ที่เหลือเป็น นามธรรม 3 อย่าง

จิต+เจตสิกฝ่ายกุศล(เดินทางตามมรรค8) จะพัฒนาปัญญา ไป สัมผัสอารมณ์ นิพพานได้(อย่างที่หลวงพ่อ.. กล่าวไว้)

ข้อมูลจากผูรู้บางท่าน
 ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #36 เมื่อ: กันยายน 29, 2012, 10:07:34 PM »

สังขาร และสิ่งที่ไม่ใช่สังขารมันไม่เที่ยง มีแล้ว หายไป เกิดแล้วดับไป

แล้ว จะยึดมั่น ถือมั่น
ว่านั่นของๆเรา
                  เป็นเรา
                            เป็นตัวตนของเรา
                             
                                          ได้หรือหนอ
ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3]
พิมพ์
กระโดดไป: