golfreeze
|
|
« เมื่อ: มีนาคม 12, 2009, 10:25:24 AM » |
|
พระพุทธศาสนา เรียนแล้วจบศาสตร์
แต่ศาสตร์อื่นเรียน แล้วไม่จบ
หลวงปู่ชา บอก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
golfreeze
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 12, 2009, 10:29:20 AM » |
|
งูเมื่อเราเห็น รู้ว่ามันอยู่ตรงนี้ ก็เดินหนีมันซะ อย่าไปเหยียบมัน มันก็ไม่กัด
เหมือนกับทุกข์ ว่าทุกข์อยู่ไหน ก็เรียนรู้มันซะ จะได้ไม่เข้าไปหาเหตุของทุกข์อีก
หลวงปู่ชา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
golfreeze
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: มีนาคม 12, 2009, 01:22:55 PM » |
|
การปฏิบัติเพื่อถึงที่สุดแห่งทุกข์ เปรียบเช่นการ เอาไม้ไผ่มาสีกัน
กว่าจะเกิดเป็นไฟ ขึ้นมา นั้นมันต้องลำบากก่อน ไม่ใช่จะได้อะไรมาง่ายๆ
ถ้าทำด้วยความที่อยากได้ไฟ มันก็ทำด้วยความอยาก เลยไม่ได้เจอไฟ
แต่ถ้าเราพยายามทำไป จนถึงที่สุดของความร้อน ไฟมันก็จะเกิดขึ้นเอง
ขอเพียงเรามีความวิริยะ ไม่ย่อท้อ มีศรัทธา มีสติ มีสมาธิ มีธรรมวิจัย มีปิติ มีปัสสัทธิ มีอุเบกขา นั่นแลย่อมเกิดไฟเข้าสักวัน
เรียนรู้ทุกข์นั่นแล เพื่อให้มีปัญญา ออกจากทุกข์
หลวงปู่ชา
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 12, 2009, 08:08:17 PM โดย golfreeze »
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
golfreeze
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: มีนาคม 12, 2009, 01:29:52 PM » |
|
การปฏิบัติ ถึงที่สุดแห่งทุกข์นั้น คล้ายกับการ หิวแล้วมาหาอะไรกิน
ตอนที่เรากิน เราไม่ได้คิดว่าจะ หายหิวเมื่อไร จนเมื่อเรากินอิ่มแล้ว ความหายหิวก็หายเอง
เปรียบกับการปฏิบัติ ถ้าอยากได้ผล มันก็ทำเพราะตัณหานั่นเอง
แต่ถ้าลองดูใหม่ ให้ปฏิบัติจนถึงที่สุดแห่งเหตุแล้ว ผลมันก็จะออกมาเอง รู้ได้ด้วยตัวเอง
หลวงปู่ชา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
golfreeze
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: มีนาคม 24, 2009, 03:03:23 PM » |
|
หลวงพ่อลี อธิบายคำว่าจิตใจไว้ว่า
จิตคือสภาวะที่เขาหลงไปตามอายตนะทั้ง 6 ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ใจ คือสภาวะที่สติมองเห็นจิตดวงที่แล้วหลงไป แล้วจะตื่นขึ้นมาจาก สภาวะหลงนั้น
----------------------------------------------------------------------
สาธุ กอล์ฟ@kammatan.com
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
golfreeze
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: มีนาคม 24, 2009, 05:10:15 PM » |
|
เรื่องการปฏิบัติใน การสู้กับกิเลสกามของผม คือ
ช่วงที่ เสา อาทิตย์ที่ผ่านมา กิเลสกามได้ เกิดขึ้นมามากมายหลายครั้ง วิธีที่ผมใช้ก็คือ ลุกเดินจงกลม ให้เกิดความรู้สึกรู้รูป รู้นาม
มันก็หายไปสักพัก แล้วก็เกิดขึ้นมาใหม่ ก็พิจารณารู้ไป ว่ามันเกิดขึ้นมา ตั้งอยู่สักพัก ก็ดับไป มันก็ดับไปสักพักหนึ่ง ก็กำเริบใหม่
ซึ่งทำให้รู้ว่า จิต เขาเราจะไปห้ามคิดไม่ได้ แต่ว่าเรารู้สึกตัว ได้ ก็พยายามดูไปจนเขา ลดความรุนแรงลง แล้วถึงนั่งสมาธิ
จนมาถึงวันจันทร์ทำให้ เมื่อจิตได้ ไปอยู่ในโลก ไปทำงาน กลับห้อง กิเลสกามก็ไม่รุนแรงเท่าไร
จนกระทั่งได้มาอ่าน อุบายในลานธรรมของ คุณอาสันตินันท์ ท่านบอกไว้ว่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
golfreeze
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: มีนาคม 24, 2009, 05:11:07 PM » |
|
ความเห็นที่ 12 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน ศุกร์ ที่ 14 กรกฎาคม 2543 11:35:56 อุบายสลายกาม
กามนั้นจำแนกเป็นสองส่วนคือ วัตถุกาม กับกิเลสกาม วัตถุกามได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อันเป็นที่ตั้งแห่งความรักใคร่ และแม้จะไม่เจอของจริง หรือวัตถุจริงๆ แต่บางทีจิตก็เข้าไปตั้งยึดอยู่ในกามสัญญา เช่นมโนภาพเกี่ยวกับสาวงาม เป็นต้น ส่วนกิเลสกาม หรือกามราคะ เป็นความกำเริบของจิต ที่เข้าไปรักใคร่ ผูกพันกับวัตถุกาม
นักปฏิบัติเมื่อผจญการคุกคามของกิเลสกาม ก็มีอุบายหลายอย่างที่จะต่อสู้เอาตัวรอด เช่นพิจารณาวัตถุกามให้เห็นเป็นของไม่สวยงาม บางทีก็เพ่งที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง เบี่ยงเบนความสนใจเสีย เช่นเพ่งลมหายใจ เพ่งพุทโธ บ้างก็พยายามดูจิต โดยหวังให้พ้นจากการคุกคามของกิเลสกาม
แต่หลายคราวคงพบว่า ไม่ว่าจะทำอย่างไร จิตก็ยังถูกกิเลสกามครอบงำอยู่นั่นแหละ วันนี้จึงมีอุบายง่ายๆ มาแนะนำกันอีกอย่างหนึ่ง พอเป็นเครื่องเล่นของนักปฏิบัติ
คือเวลาที่จิตถูกกิเลสกามครอบงำ จนไม่มีกำลังจะดูจิตได้จริง ยิ่งพยายามดิ้นรน อยากจะให้จิตพ้นการครอบงำของกิเลส ก็ยิ่งทุกข์มากยิ่งขึ้น ก็ให้ลองเปลี่ยนอารมณ์ ไปรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเสียก่อน เช่นหันไปมองสาวสวยหรือหนุ่มหล่อที่ชอบใจให้เต็มตาเสียเลย แล้วจับความรู้สึก/ความรับรู้แรก ที่เห็นรูปในแว้บแรกให้ทัน (ตรงนี้เป็นการเล่นเกมส์ที่ไม่เหมาะกับพระหนุ่มๆ เพราะถ้าพลาดก็แย่ไปเลย)
ความรู้สึกแรกนั้น มันเป็นกลาง เฉยๆ เบิกบาน อยู่ในตัวเองอยู่แล้ว ถ้าจับความรู้สึกนี้ทัน ก่อนที่มันจะปรุงเป็นกิเลสกามขึ้นมา จิตจะพ้นจากอำนาจครอบงำของกิเลสกามทันที เพราะจิตดวงเก่าที่ถูกกิเลสกามครอบงำ มันตายไปแล้วเมื่อเรามีจิตดวงใหม่ไปรู้อารมณ์ใหม่ ส่วนจิตดวงใหม่ก็ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะอันว่องไว ยังไม่ถูกกิเลสกามครอบงำ ถ้าจับจุดนี้ทัน ต่อให้นาวงามสามโลกมาเดินอยู่ต่อหน้า จิตก็จะเพียงสักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็นรูป เพราะจิตใหม่มีสติสัมปชัญญะ พ้นจากการครอบงำของกิเลสกามที่เคยกลุ้มรุมไปได้แล้ว หลังจากนั้น ก็คอยดูจิตต่อไปอย่างที่เคยฝึกหัดกันมา
ผมเคยสังเกตจิตใจของผู้ปฏิบัติในสายอภิธรรมหลายสำนัก พบว่าเขาพยายามใช้สติ ระลึกรู้ความรู้สึกแรกที่ตากระทบรูป หรือเท้ากระทบพื้น อยู่เหมือนกัน แต่ถ้าเขาไม่มีสัมปชัญญะจริง ไม่มีธรรมเอกหรือสัมมาสมาธิจริง จิตของเขาจะเคลื่อนเข้าไปจ่ออยู่ในรูปที่รู้ อันเป็นการเสียสมรรถนะที่จะรู้อารมณ์ด้วยจิตที่เป็นกลางไปในทันที ดังนั้น เมื่อจับความรู้สึกแรกได้แล้ว ระวังอย่าให้จิตเคลื่อนหลงเข้าไปในความรู้สึกนั้นนะครับ มันจะกลายเป็นการทำสมถะ ทั้งที่แขวนป้ายว่า กำลังทำวิปัสสนาอยู่ (ที่เล่ามานี้เป็นการยกตัวอย่างการดำเนินของจิต แบบเล่าสู่กันฟังภายใน "บ้านของชาววิมุตติ" ที่เป็นญาติมิตร พี่น้องกัน ไม่มีเจตนาไปล่วงเกิน หรือชวนทะเลาะกับท่านผู้หนึ่งผู้ใดนะครับ เพราะวิมุตติ ไม่ใช่ที่สาธารณะ แต่เป็นที่เฉพาะสมาชิกเท่านั้น)
น้องๆ หลานๆ นักปฏิบัติ จะลองวิธีนี้เล่นบ้างก็ได้ ถือเป็นการเล่มเกมส์กับกิเลส ประเภทใครดี - คนนั้นอยู่ทีเดียว
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน ศุกร์ ที่ 14 กรกฎาคม 2543 11:35:56
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
golfreeze
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: มีนาคม 27, 2009, 10:58:23 AM » |
|
สำหรับเริ่มแรกของผมเลย เริ่มด้วยการปฏิบัติสมาถะ คือนั่งสมาธิ อย่างเดียว หลังจากนั้น 3 เดือนได้หันมารู้จักกับ วิปัสสนากรรมฐาน (การเห็นที่วิเศษ ) คือเห็นอะไรจึงวิเศษ ก็คือการเห็น การทำงานของไตรลักษณ์นั่นเอง เช่น จิตดวงที่แล้วหลงคิดไป จิตดวงปัจจุบันรู้จำสภาวะ หลงไปได้ก็ตื่นขึ้นมา ในขั้นตอนนี้ เอง มีการทำงานไตรลักษณ์ ให้เห็นคือ เมื่อกี้หลงคิด ปัจจุบันรู้ว่าหลงคิด หลงคิดเกิดขึ้นมาตามเหตุ เราไปบังคับให้หลงคิดไม่ได้ บังคับให้เลิกหลงคิดไม่ได้ นอกจากจะมีสติ (จำสภาวะหลงคิดได้ ) + สัมปัชชัญญะ (ตัวปัญญาตัดอารมณ์หลง ตื่นขึ้นชับพัน)
สำหรับผมเอง ศาสนาพุทธ เหมือนกับการที่ได้กลับเข้าบ้าน มันมีความอบอุ่น มีความสุข ถึงแม้จะมีบางอย่างให้เศร้าหมอง เพราะกิเลสที่จอนมานั้น บัดใดที่ สติ ระลึกได้ ปัญญาก็ตัดกลับเข้าสู่ ความรู้สึกตัว เหมือนนอนเปิดแอร์ ห่มผ้า นั่นเอง มันอุ่นกาย อุ่นใจ อยู่อย่างนั้น ...
golfreeze[at]packetlove.com 27/03/2552
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
golfreeze
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2009, 11:54:53 AM » |
|
ที่ใดมีธรรม ที่นั่นมีสันติสุข ท่าน ว วชิรเมธี
++++++++++++++++++++++
สุขใด ล้ำกว่าสุขทางธรรม นั้นไม่มี กอล์ฟ@kammatan.com
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
17reviews
สมาชิกใหม่
ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 0
กระทู้: 4
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: กันยายน 16, 2010, 11:19:03 PM » |
|
สาธุ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
golfreeze
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: ตุลาคม 15, 2010, 01:40:02 PM » |
|
วิธีธรรม สู่สันติ ค้ำจุนโลกา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: ตุลาคม 15, 2010, 06:29:08 PM » |
|
เพราะคนส่วนใหญ่ ยังคงมีความไม่สำเหนียกว่า กาย ใจเป็นทุกข์ จึง ยัง สนุกอยู่กับ กองไฟแห่งทุกข์ นั้นอยู่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
golfreeze
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2010, 04:40:32 PM » |
|
เพราะคนส่วนใหญ่ ยังคงมีความไม่สำเหนียกว่า กาย ใจเป็นทุกข์ จึง ยัง สนุกอยู่กับ กองไฟแห่งทุกข์ นั้นอยู่ อืมจริงครับ อิอิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
socceronsale
สมาชิกใหม่
ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 0
กระทู้: 3
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: เมษายน 06, 2011, 07:17:45 PM » |
|
ขอบคุณครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
cleansuiplus
สมาชิกใหม่
ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 0
กระทู้: 4
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: เมษายน 11, 2011, 01:57:20 PM » |
|
เห็นด้วยครับ จริงที่สุด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|