KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับพระไตรปิฏก : พระอภิธรรม พระสูตร พระคัมภีร์พระสูตร ต่างๆที่ควรแก่การศึกษาเรื่องของบรรพชิต สมัยพุทธกาล
หน้า: [1]
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องของบรรพชิต สมัยพุทธกาล  (อ่าน 14312 ครั้ง)
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« เมื่อ: มกราคม 22, 2009, 10:56:03 AM »



แนวทางเจริญวิปัสสนา

โดย อาจารย์สุจินต์  บริหารวนเขตต์

.
.
.

ใน  สังยุตตนิกาย  สคาถวรรค  ภาค ๒

ปาวารณาสูตร ที่ ๗


ครั้งนั้น  พระผู้มีพระภาค ประทับ ณ ปุพพาราม

 ปราสาท ของวิสาขามิคารมาตา เขตพระนครสาวัตถี

พระองค์ประทับอยู่กับพระภิกษุสงฆ์ ประมาณ  ๕๐๐  รูป

ภิกษุ ล้วนเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด

พระองค์ประทับในที่แจ้ง

เพื่อปวารณา ในวันอุโบสถ  ๑๕  ค่ำ.


พระผู้มีพระภาครับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า


"ดูกร ภิกษุทั้งหลาย

บัดนี้  เราขอปวารณา เธอทั้งหลาย

เธอทั้งหลาย จะไม่ติเตียนกรรมไรๆ

ที่เป็นไป ทางกาย หรือ ทางวาจาของเราบ้างหรือ.?"


ท่านพระสารีบุตร กราทูลว่า


"พระองค์เป็นศาสดา และสาวก ก็ประพฤติปฏิบัติตามพระองค์

เพราะฉะนั้น ก็ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย

ที่สาวกทั้งหลาย  จะติเตียน  พระผู้มีพระภาคได้

เพราะพระองค์ เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า."


จากนั้น ท่านพระสารีบุตร กราบทูลถามว่า


"พระผู้มีพระภาค จะไม่ทรงติเตียนกรรมไรๆ

ที่เป็นไป ทางกาย หรือ ทางวาจา

ของภิกษุ ทั้งหลายเหล่านี้บ้างหรือ.?


พระผู้มีพระภาคตรัสว่า พระองค์ไม่ทรงติเตียนกรรมไรๆ

ที่เป็นไปทางกาย หรือ ทางวาจาของบรรดาภิกษุ  ๕๐๐  รูป เหล่านั้น

เพราะบรรดาภิกษุ  ๕๐๐  รูป เหล่านี้.....................


 ภิกษุ  ๖๐  รูป............เป็นผู้ได้  วิชชา ๓.

 ภิกษุ  ๖๐  รูป..........เป็นผู้ได้ อภิญญา ๖.

 ภิกษุ  ๖๐  รูป...เป็นผู้ได้ อุภโตภาควิมุตติ.

  ภิกษุที่เหลือ..........เป็นผู้ได้ ปัญญาวิมุตติ.


นี่แสดงให้เห็นว่า

การอบรมเจริญสติปัฏฐาน ในสำนักของพระผู้มีพระภาคนั้น

แล้วแต่ อัธยาศัย ว่า ท่านผู้ใด

ได้เคยเจริญความสงบ ถึงขั้นที่จะได้  วิชชา ๓

หรือ ถึงขั้นที่จะได้ อภิญญา ๖  สามารถแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆได้

หรือ สามารถที่จะได้อุภโตภาควิมุตติ

คือ เมื่อจิตสงบบรรลุฌานแล้ว ก็บรรลุอรหัตตผล

แต่ผู้ที่เป็นปัญญาวิมุตติ

คือ ผู้ที่รู้แจ้งอริยสัจจธรรม บรรลุเป็นพระอริยบุคคล

โดยไม่บรรลุความสงบถึงขั้นฌานจิตนั้น มีมากกว่า.


พระสูตรนี้แสดงให้เห็นว่า

เหตุใด พระผู้มีพระภาค จึงมิได้ทรงวางกฏเกณฑ์

ในการอบรมเจริญสติปัฏฐาน.


และด้วยเหตุนี้ ในพระไตรปิฎก

จึงไม่มีสำนักปฏิบัติเลย ในครั้งพุทธกาล

มีแต่อารามของสงฆ์ เท่านั้น.


คำว่า  "สำนัก"  แปลว่า  ที่อยู่.


คฤหัสถ์ มีบ้านเรือน เป็นที่อยู่

และสามารถอบรมเจริญสติปัฏฐานในชีวิตประจำวัน ตามปกติ

เพื่อละคลาย ความเห็นผิด ที่ยึดถือ นามและรูป ว่า เป็นตัวตน.


บรรพชิต ก็อบรมเจริญสติปัฏฐาน

รู้สภาพธรรม ตามความเป็นจริง ในชีวิตประจำวันของท่าน ตามปกติ.


เพราะปัญญา จะต้องรู้ลักษณะของนามและรูป

จนกว่าจะละคลายความเห็นผิด

ที่เคยยึดถือนามและรูปว่าเป็นตัวตน ได้เป็นสมุจเฉท.

.
.
.


........................... ขออนุโมทนา ............................


ขอบคุณข้อมูลจาก ท่านอาจารย์สุจินต์  บริหารวนเขตต์ : http://www.dhammahome.com
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
mrblog
สมาชิกใหม่
*

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 0
กระทู้: 4


ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 20, 2010, 11:03:28 AM »

webmaster ท่านเป็นคนดีมาก ยิ้ม
บันทึกการเข้า

magicmo
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
***

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 1
กระทู้: 124


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: มกราคม 20, 2012, 01:35:17 PM »

  ขอบคุณมากๆเลยคับ
บันทึกการเข้า

เครื่องกรองน้ำชั้นเยี่ยม crane สะอาด ปลอดภัย เหล็กปลอกราคาถูกลวดผูกเหล็ก คุณภาพดี cctv
หน้า: [1]
พิมพ์
กระโดดไป: