KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับความสำคัญของพระพุทธศาสนา และทุกอย่าง เกี่ยวกับ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกอย่างที่เกี่ยวกับ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานพุทธประวัติ พระสมณโคดมพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พร้อมภาพประกอบ
หน้า: 1 2 3 [4] 5
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: พุทธประวัติ พระสมณโคดมพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พร้อมภาพประกอบ  (อ่าน 137942 ครั้ง)
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215


ดูรายละเอียด
« ตอบ #45 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2008, 04:25:44 PM »

46. แย้มพระสรวลเยาะมาร



    ด้วยจิตใจที่มั่นคง แม้มารจะมาด้วยวิธีไหนก็ไม่สามารถยั่วยวนพระองค์ได้สำเร็จ พระองค์จึงได้ทรงยิ้มเยาะมาร ทรงแย้มพระสรวลเยาะมารว่า เจ้ามารเอ๋ย เจ้าได้พาเราล่องแล่นไปในสังสารวัฏฏ์ ได้เวียนว่ายมานานนักแล้ว เจ้ากลับไปเสียเถอะมารผู้มีบาป เจ้าได้ลวงเราโดยเอาความเป็นกษัตริย์มาล่อเราให้หลงยศ หลงตำแหน่ง เจ้าเอารูปโฉมเลอเลิศของนางสนมกำนัลมาผูกพันเราไว้ เจ้าเอาสวนสระปราสาท เอาพิมพา ราหุลลูกรัก รูปโฉมงดงามของลูกและภรรยา มาผูกพันเรา บัดนี้อย่าได้หวังเช่นนั้นอีกเลย เจ้ามารเอ๋ย กลับไปเถอะ

     เท่านั้นเอง มารผู้มีบาปก็หงายหลังกลับไป
บันทึกการเข้า
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215


ดูรายละเอียด
« ตอบ #46 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2008, 04:28:11 PM »

47. บำเพ็ญเพียรจนตรัสรู้



    หลังจากมารกลับไปหมดแล้ว พระองค์จึงได้ตั้งความเพียรอันเข้มข้นยิ่งยวดต่อไปแล้วในที่สุดก็ได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาโพธิญาณในคืนนั้นเอง

    เมื่อพระองค์ได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาโพธิญาณแล้ว เหล่าพืชพันธุ์ในป่า ต้นไม้ดอกไม้นานาชนิดเบ่งบานชูช่อชามยิ่งนัก พระองค์ได้เสวยวิมุตติสุขร่วมกับเหล่าสัตว์เล็กใหญ่ในป่านั้น ทั้งฝูงวิหคนกกาในป่าก็พากันรื่นเริง ฝูงกวางและสัตว์ต่างๆพากันรู้สึกว่าชีวิตปลอดภัยยิ่งนัก เพราะต่อแต่นี้ไป พระธรรมคำสอนของพระองค์จะแผ่ไพศาลไปสู่จิตใจเหี้ยมโหด ให้กลายเป็นผู้เมตตาปรานีต่อเพื่อนร่วมโลก ซึ่งจะทำให้อยู่กันอย่างสงบสุขและปลอดภัย
บันทึกการเข้า
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215


ดูรายละเอียด
« ตอบ #47 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2008, 04:31:36 PM »

48. อุบาสกคู่แรกในพระพุทธศาสนา



    เมื่อพระองค์ตรัสรู้ใหม่ๆทรงเสวยวิมุตติสุขอยู่ใต้ต้นไม้เกด มีพ่อค้าวาณิชสองคนชื่อตปุสสะคนหนึ่ง ภัลลิกะคนหนึ่ง เดินทางมาจากอุกกลชนบท มาพบพระพุทธเจ้าประทับอยู่ใต้ต้นไม้เกด มีผิวพรรณผ่องใสยิ่งนักก็เกิดความเลื่อมใส ได้นำข้าวสัตตุก้นสัตตุผงหรือข้าวที่ตำเป็นก้อนๆปั้นๆ ซึ่งเป็นเสบียงของตนเข้าไปถวายพระผู้มีพระภาค และขอนับถือพระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมกับพระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้เป็นที่พึ่งที่ระลึก แต่ยังขาดพระสงฆ์ เรียกว่ามีสองพระรัตนตรัย พระรัตนตรัยยังไม่ครบ กล่าวมีเพียงเฉพาะพระพุทธเจ้ากับพระธรรมเท่านั้น
บันทึกการเข้า
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215


ดูรายละเอียด
« ตอบ #48 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2008, 04:33:36 PM »

49 พรหมอาราธนาแสดงธรรม



    เมื่อตรัสรู้ใหม่ๆพระองค์รู้สึกท้อพระทัยในการที่จะนำสิ่งที่ตรัสรู้ อันเป็นพระธรรมที่ลึกซึ้งสุขุมคัมภีรภาพนั้นสอนชาวโลกเป็นยิ่งยัก แต่ด้วยน้ำพระทัยอันเมตตาปรารถนาดีต่อผู้อื่นจึงได้คิดที่จะช่วยสอน แสดงถึงว่าเหมือนมีพรหมผู้ประกอบด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา มาอาราธนา ซึ่งภาพนี้เขาได้วาดให้เห็นเป็นเสมือนกับว่ามีพรหมมาอาราธนา เรียกว่าจากนามธรรมมาเป็นรูปธรรมสักหน่อยหนึ่ง ภาพนี้เขาก็วาดได้สวยมากเป็นพรหมโปร่งแสง สีสันวาว ออกมาอาราธนาให้พระองค์ทรงเห็นใจแก่สัตว์ผู้ทุกข์ยาก มีกิเลสมีธุลีในดวงตาน้อย แต่ขาดผู้แนะนำพร่ำสอน จึงขาดประโยชน์จากการรู้ธรรม ขอพระองค์ทรงโปรดแก่ชนเหล่านั้นเถิด

บันทึกการเข้า
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215


ดูรายละเอียด
« ตอบ #49 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2008, 04:36:50 PM »

50. บัวสี่เหล่าคนสี่ประเภท



    ในที่สุด พระผู้มีพระภาคได้อุปมาว่า คนมีสี่จำพวกซึ่งเปรียบได้กับบัวสี่เหล่ากล่าวคือ ๑. บัวประเภทบานแล้ว ได้แก่คนเข้าใจง่าย พูดนิดเดียวก็เข้าใจสว่างไสว ๒. บัวที่กำลังปิ่มน้ำจะบานจะโผล่ขึ้นมา หมายถึงคนที่จะจูงพร่ำสอนกันหลายเที่ยวหลายครั้ง ๓. บัวที่ยังอยู่ลึกไปกว่านั้น หมายถึงคนที่ได้รับฟังหลายครั้งหลายหนแล้วก็ยังจะต้องอาศัย เพื่อนฝูงที่ดีคอยกระตุ้นเตือน และ ๔. บัวที่อยู่ใต้น้ำ หมายถึงคนที่สอนเท่าไรก็ไม่รู้เรื่อง พยายามจะโต้แย้ง จะเถียงจะรั้น จะดันทุรังไปก่อน

   ท่านอยู่ประเภทไหน หรืออาจจะต้องเพิ่มขึ้นเป็นเหล่าที่ห้า หุบๆบานๆพอฟังพอรู้เรื่อง อะไรดีก็สว่างไสวขึ้นแวบหนึ่ง แล้วก็กลับไปมืดมนต่อไปอย่างนั้นหรือ?
บันทึกการเข้า
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215


ดูรายละเอียด
« ตอบ #50 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2008, 04:39:57 PM »

51. นำธรรมะสู่สัตว์ผู้ทุกข์ยาก



     เมื่อทรงเปรียบคนได้กับบัวสี่เหล่าแล้ว ในที่สุดพระองค์ก็ได้ทอดพระเนตรได้ตาใน คือธรรมจักษุ มองเห็นบรรดาเหล่าสัตว์โลกทั้งหลายที่ตกอยู่ในความทุกข์ยาก ถูกเพลิงกิเลสเผาผลาญชีวิต พากันระงมร่ำไห้ เจ็บปวดอยู่ด้วยไฟราคะ ไฟโทสะ และไฟโมหะ ทำให้พระองค์ทรงเกิดความสงสารขึ้นอย่างจับใจ และคิดจะนำความจริงที่พระองค์ตรัสรู้ได้ด้วยพระองค์เอง เผยแพร่ไปสู่เขาเหล่านั้น เพื่อความดับไปแห่งไฟราคะ ไฟโทสะ และไฟโมหะ ให้มอดดับลง เพื่อจะได้อยู่กันอย่างมีความสงบเย็น

บันทึกการเข้า
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215


ดูรายละเอียด
« ตอบ #51 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2008, 04:46:19 PM »

52. พบอาชีวกระหว่างทาง



    เมื่อตัดสินพระทัยจะเผยแพร่สิ่งที่ตรัสรู้ จึงเดินทางออกจากที่ตรัสรู้เพื่อไปยังป่าอิสิปตนมฤทายวัน เพื่อโปรดปัญจวัคคีย์ผู้ที่เคยดูแลพระองค์มาอาศัยอยู่ ในระหว่างทางได้พบกับอาชีวกผู้หนึ่งชื่ออุปกะ ได้เข้ามาถามพระองค์ว่า ใครเป็นศาสดา ใครเป็นผู้มอบรมธรรมให้กับท่านมา ท่านจงช่วยแสดงธรรมโปรดเราด้วย พระองค์ได้ตรัสว่า เราเป็นสยัมภู เป็นผู้ตรัสรู้ได้ด้วยตนเอง เท่านั้นเองอาชีวกผู้นี้ถึงกับตะลึง และก็กล่าวคำไม่ศรัทธาออกมาว่า เชิญพ่อรู้ไปคนเดียวเถอะ เป็นไปไม่ได้? คนที่ไม่มีครูบาอาจารย์และในที่สุดถึงกับแสดงอาการสั่นศีรษะและถ่มน้ำลายแลบลิ้น แล้วเดินหลีกพระพุทธองค์ไป

บันทึกการเข้า
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215


ดูรายละเอียด
« ตอบ #52 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2008, 04:57:51 PM »

53. โปรดปัญจวัคคีย์




    เมื่อพระองค์ได้เสด็จมาถึงป่าอิสิปตนมฤคทาย วันนั้นพวกปัญจวัคคีย์ซึ่งมีโกณฑัญญะเป็นหัวหน้า กำลังสนทนากันถึงพระพุทธองค์ว่า ป่านนี้ประทับอยู่ที่ไหน จะคิดถึงพวกเราอยู่หรือไม่ ทันใดก็แลเห็นพระพุทธองค์เสด็จและไม่ถวายความเคารพ เนื่องจากไม่เลื่อมใสที่พระองค์เลิกบำเพ็ญทุกรกิริยา ซึ่งเป็นเหตุให้พวกตนหนีจากมา และเมื่อพระองค์เสด็จมาถึงจริง ทีแรกปัญจวัคคีย์เหล่านั้นทำท่าว่าจะไม่เข้าไปต้อนรับพระองค์ แต่แล้วเมื่อพระองค์เข้าไปใกล้ ต่างก็เข้ามาหยิบบาตรหยิบนั่นหยิบนี่ ล้างเท้า หาน้ำให้ ต้อนรับพระองค์เป็นอย่างดี ลืมข้อตกลงกันเสียสิ้น
บันทึกการเข้า
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215


ดูรายละเอียด
« ตอบ #53 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2008, 05:07:17 PM »

54. ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร




    หลังจากต้อนรับทักทายพูดคุยกันแล้ว พระพุทธเจ้าได้แสดงธรรมโปรดปัญจวัคคีย์เหล่านั้น และเมื่อได้ฟังธรรมของพระองค์แล้วก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ แต่เป็นชั้นโสดาบันก่อน แล้วเรื่อยมาจนได้เป็นพระอรหันต์ด้วยธรรมเทศนาที่เรียกกันว่า ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร คือพูดถึงสุดโต่งสองอย่าง หนักหน่วงไปในทางทรมานกายให้ลำบาก และการปล่อยชีวิตไปตามความใคร่ มัวเมาเปียกแฉะ เพลิดเพลินอยู่กับเรื่องกาม อันเป็นทางที่ไม่พ้นทุกข์ทั้งสองฝ่าย

   เมื่อปัญจวัคคีย์ฟังพระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดงโปรด ต่างก็มีจิตใจเห็นตามความเป็นจริงนั้น จนกระทั่งได้ขอบวชในพระศาสนาของพระองค์ต่อไป
บันทึกการเข้า
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215


ดูรายละเอียด
« ตอบ #54 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2008, 05:08:12 PM »

55. โปรดยสกุลบุตร



    เมื่อพระองค์ไปจำพรรษาอยู่ในป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ก็มีลูกเศรษฐีผู้มั่งคั่งชื่อว่ายส ได้เกิดความเบื่อหน่ายความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในบ้าน ทั้งๆที่มีทรัพย์มากมาย จึงออกจากบ้านแล้วเดินบ่นไปตามทางว่า ที่นี่วุ่นวายจริงนะ ที่นี่ขัดข้องจริงหนอ พระองค์ผู้อยู่ในป่าได้ยินเข้าจึงได้สวนคำออกมาว่า มาที่นี่สิ ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง ยสกุลบุตร รู้สึกเอะอะ เอ๊ะ มีใครที่อยู่ในนี้ ไม่วุ่นวาย ไม่ขัดข้อง จึงได้แวะเข้าไป ไปพบเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์จึงได้แสดงอนุปุพิกถาโปรดยสกุลบุตร จนเกิดความเลื่อมใสศรัทธาไม่กลับบ้าน แล้วจึงขอบวชเป็นพระภิกษุกับพระพุทธเจ้าต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 24, 2008, 05:13:07 PM โดย samarn » บันทึกการเข้า
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215


ดูรายละเอียด
« ตอบ #55 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2008, 05:08:59 PM »

56. ประกาศพระศาสนา




    เมื่อพระยสบวชแล้ว เพื่อนของพระยสอีกจำนวนมากได้พากันออกบวชตาม รวมพระที่บวชครั้งนี้เป็นจำนวน ๒๐ รูป แล้วได้บรรลุพระอรหันต์ พระองค์จึงได้บอกกับภิกษุเหล่านี้ว่า บัดนี้พวกเราทั้งหลายเป็นผู้พ้นแล้วจากบ่วงอันเป็นทิพย์ และบ่วงอันเป็นมนุษย์ จงช่วยกันแยกย้ายไปเผยแพร่พรหมจรรย์ให้งามในเบื้องต้น

     งามในท่ามกลาง งามในที่สุด แก่คนผู้มีธุลีในดวงตาน้อย จงแยกกันไปทางละองค์ อย่าไปหลายองค์

    นี่พระองค์ทรงส่งมิชชันนารีไปสู่ปวงชนเป็นรุ่นแรกของโลกเลยทีเดียว ไม่ได้ทรงแนะนำว่าเธอจงไปสร้างวัด เสกเหรียญ ทำน้ำมนต์ พ่นน้ำหมากแข่งกัน แต่พระองค์ทรงบอกให้ไปประกาศพรหมจรรย์ให้งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง และงามในที่สุด
บันทึกการเข้า
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215


ดูรายละเอียด
« ตอบ #56 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2008, 05:09:51 PM »

57 โปรดภัททวัคคีย์



    จากนั้นพระองค์เองก็จะไปยังอุรุเวลาเสนานิคม ขณะที่พักระหว่างทางได้พบกับเหล่าภัททวัคคีย์ที่พากันไปแสวงหาความสุขรื่นเริง ได้พาผู้หญิงจับคู่กันไปคนละคนสองคนปรากฏว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเกิดฉวยเอาเครื่องแต่งตัวของพวกผู้ชายคนหนึ่งหนีไป

   ผู้ชายเหล่านี้ก็ได้วิ่งติดตามหาหญิงเหล่านั้นกันจ้าละหวั่น จนกระทั่งมาพบพระผู้มีพระภาค แล้วก็ได้ถามพระองค์ว่า

    " ท่านสมณะ ท่านได้เห็นผู้หญิงเดินผ่านมาทางนี้บ้างหรือไม่ "

   แทนที่พระองค์จะตอบว่าเห็นหรือไม่เห็น พระองค์กลับสอนคนเหล่านี้โดยสวนคำออกไปว่า " ท่านทั้งหลาย ท่านจะมัวหาหญิงดีหรือจะหาตนดี "

   ปรากฏว่าพวกภัททวัคคีย์เหล่านั้นก็ได้เกิดเอะใจกล่าวไปว่า " เอ๊ะ ก็ตนของฉันก็อยู่นี่ จะต้องไปหาตนอะไรอีกเล่า ก็ผู้หญิงมันลักทรัพย์ข้าวของเงินทองไป กำลังตามหากันอยู่นี่ ท่านเห็นบ้างหรือไม่ "

    พระองค์ก็ยังย้ำคำเดิมว่า " ควรจะหาตนก่อนดี หรือจะหาหญิงดี "

    เหล่าภัททวัคคีย์เหล่านี้ก็เริ่มเอะใจก็เลยถามว่า ยังไงกันแน่ แสวงหาตนนั้นดีอย่างไร ลองพูดให้เข้าใจซิ พระพุทธองค์จึงตรัสว่า " เชิญพวกท่านนั่งลงเถิด อาตมาจะแสดงให้ฟัง "

   เมื่อเหล่าภัททวัคคีย์เหล่านั้นนั่งลงเรียบร้อยแล้ว พระองค์ก็ทรงแสดงไปในลักษณะที่ว่า ?

ก็เรานั่นแหละ ที่ว่าหาหญิงก็คือหาตน เพราะว่าผู้หญิงเหล่านั้นเอาของของตนไปใช่ไหมล่ะ ?

   ถ้ามันไม่ได้เอาของของตนไป เราก็คงจะไม่ตามหาอะไรทำนองนั้น

   เหล่าภัททวัคคีย์เมื่อได้ฟังที่พระองค์กล่าว ก็เริ่มเห็นจริงเห็นจังว่า อ๋อ ที่เราตามหาอะไร ก็คือตามหาของตนบ้าง ตามหาพวกของตนบ้าง ตามหาข้าวของตนบ้าง ตามหาวงศ์วานของตนบ้าง ที่จริงเรามัวแต่ตามหาตนที่เป็นภายนอกนั้นมันไม่ถูก เพราะเกิดความรู้สึกยึดถือว่า ไอ้นั่นของตน ไอ้นี่ของตน จึงตามหาคน ก็คือตามของของตนนั่นเอง

  เมื่อเข้าใจและเห็นจริงดังนั้น ทำให้คนเหล่านี้เกิดเลื่อมใสศรัทธาในคำสอนของพระผู้มีพระภาคเป็นอันมาก จึงหยุดแสวงหาหญิงผู้นำเสื้อผ้าของตนไป กลับมามองเพ่งตนหาตน ว่าอะไรหนอที่ทำให้ตนวุ่นวาย ก็ได้คำตอบว่าคือความยึดมั่นถือมั่นว่ามีตัวตนนั่นเอง
บันทึกการเข้า
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215


ดูรายละเอียด
« ตอบ #57 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2008, 05:11:16 PM »

58. โปรดชฎิลสามพี่น้อง



    ต่อมาพระองค์ได้ไปโปรดชฎิลสามพี่น้องซึ่งถือการบูชาไฟกันอย่างยิ่ง และในที่สุดพระองค์ก็ทรงแสดงธรรมว่า สิ่งที่ร้อนกว่าไฟที่น่ากลัว น่าสยดสยองนั้นยังมีอีก อย่ามัวแต่หลงกลัวไฟข้างนอกกันอยู่เลย ไฟที่ร้ายกาจก็คือไฟที่เผาใจให้เกิดใคร่กระสัน เกิดความร่านทุรนทุราย ที่จะต้องเสพสุขสนุกสนานจากเนื้อหนัง หรือสิ่งที่เรียกกันว่า ยั่วให้ใคร่ ให้รักทั้งหลาย ซึ่งเป็นไฟเผาใจ ยั่วให้โกรธ ความโกรธก็คือเป็นไฟ ยั่วให้กลัว ให้หลงก็เป็นไฟ เพราะฉะนั้นไฟทั้งสามนี้เป็นอันตรายมาก ควรจะดับเสีย เมื่อพระองค์ทรงแสดงธรรมจบลง เป็นเหตุให้ชฏิลผู้พี่เกิดศรัทธาถึงกับลอยบริขารไป ส่วนชฎิลที่เหลืออีกสองก็ถือบวชในเวลาต่อมาร่วมกับบริวารอีกจำนวนมากมาย

บันทึกการเข้า
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215


ดูรายละเอียด
« ตอบ #58 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2008, 05:15:01 PM »

59. โปรดพระโมคคัลลานะ




   ภาพนี้ คือ พระโมคคัลลานะซึ่งเป็นอัครสาวกฝ่ายซ้ายของพระพุทธเจ้า ก่อนที่จะมาบวชในพระพุทธศาสนา เคยศึกษาทางพ้นทุกข์อยู่ในสำนักของอาจารย์สญชัยปริพาชก ผู้มีชื่อเสียและมีคนนับถือมาก แต่เมื่อศึกษาจบแล้วเห็นว่ายังไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ จึงลาอาจารย์ออกแสวงหาความรู้ ต่อมาได้รับการชักชวนจากสหาย คือ พระสารีบุตร ให้มาบวชกับพระพุทธเจ้า วันหนึ่งพระองค์ได้ทรงมาโปรดพระโมคคัลลานะซึ่งมาปฏิบัติธรรมและง่วงหลับ พระองค์แก้วิธีง่วงหลับให้หลายอย่างหลายประการ เช่น มีการเอาน้ำลูบเนื้อลูบตัว เอาไม้ทิ่มหู หรือว่ามีการเดินจงกรม เป็นต้น

     เพราะฉะนั้น ท่านผู้อ่านอย่ามัวง่วงหลับไหลอยู่ หาทางแก้เสีย
บันทึกการเข้า
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215


ดูรายละเอียด
« ตอบ #59 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2008, 05:16:33 PM »

60. โปรดปริพาชกทีฆนขะ




    วันนี้ พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมที่เรียกกันว่าแบบลักษณะแคนนอน ระบบตีวัวกระทบคราด หรือว่ายังไงก็ได้ ว่าแต่ไม่ใช่เป็นเจตนาเช่นนั้น ความจริงแล้วเป็นเรื่องของความเข้าใจของผู้ทำหน้าที่พัดอยู่ คือพระสารีบุตร อัครสาวกฝ่ายขวา ทำหน้าที่พัดขณะที่พระองค์ทรงแสดงธรรมกับปริพาชกทีฆนขะ ปรากฏว่าขณะที่พระองค์ทรงแสดงธรรมอยู่นั้น พระสารีบุตรผู้ทำหน้าที่พัดอยู่ข้างหลัง ก็เกิดแวบขึ้นในพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงจนกระทั่งได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ นี่เรียกว่าเทศน์กับองค์ข้างหน้า แต่องค์ข้างหลังบรรลุ นี่เป็นการแสดงธรรมในลักษณะแคนนอน
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5
พิมพ์
กระโดดไป: