KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับธรรมมะกับมนุษย์ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน ธรรมมะจากพระสงฆ์ สุปฏิปันโน เป็นข้อคิด และแนวทาง เพื่อเป็นแรงใจในการปฏิบัติภาวนาธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ วัดป่าเขาน้อย ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
หน้า: [1]
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ วัดป่าเขาน้อย ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์  (อ่าน 7933 ครั้ง)
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« เมื่อ: กันยายน 24, 2015, 10:24:47 PM »



แท้จริงการภาวนานั้นเป็นงานที่ละเอียด
เป็นงานที่เราจะต้องใช้สติ ใช้ปัญญาอันถูกต้อง
เพื่ออบรมจิตใจของเรา ณ ภายใน
เพราะจิตใจนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการกระทำทั้งหลาย
ที่พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงตรัสว่า
ความดี ความชั่วทั้งหลาย สำเร็จมาจากใจ
มีใจนี่เป็นใหญ่
ถ้าใจดีแล้วการกระทำทุกอย่างก็ดี
ถ้าใจชั่วแล้ว พูดอยู่ทำอยู่ก็ต้องทำอยู่ด้วยความชั่ว
(ความชั่ว) นั่นมันหมุนบังคับให้ทำ
เพราะความชั่วที่มีอยู่ในใจนั้น
เลยกลายเป็นใจเป็นใหญ่ หัวหน้าในทางความชั่ว
เพราะฉะนั้นจึงมีการอบรมจิตใจให้ดี
เพื่อจะได้เหินห่างจากความไม่ดี
อบรมจิตใจให้สงบเพื่อเหินห่างจากความวุ่นวาย
อบรมจิตใจของเราให้สะอาดเพื่อพ้นจากความมัวหมอง

พระอาจารย์สุวัจน์ สุวโจ
วัดป่าเขาน้อย ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 15, 2016, 01:30:32 PM โดย golfreeze » บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2016, 01:27:05 PM »



หลุดพ้นดัวยอิริยาบถเดิน

เพราะมันเป็นเรื่องของธรรมกับจิตที่มันจะตัดสินชี้บอก แต่สุดท้ายมันเสร็จกิจหมดแล้ว มันไม่ต้องทำ ไม่ต้องใช้เครื่องมือแล้ว มันประหารเลยทีนี้ แม้แต่จิตมันก็ประหาร เพราะจิตมันใช้สำหรับคิดนึก มันไม่ต้องใช้อะไรแล้ว มันก็ไม่จำเป็นต้องมี
ผมเองสังเกตดูแล้วคล้ายว่า “เอาให้พ้นทุกข์อย่างเดียว ไม่มีอะไรมากที่เราทำมา”
เพราะฉะนั้นสามัญผลพิเศษ หลังอย่างนั้นคงไม่มีอะไร อิทธิฤทธิ์อะไร มีฤทธิ์เดชอะไร มีอานุภาพอะไร อยู่เงียบ ๆไป แล้วแต่มันจะเกิด เหมือนกับครูบาอาจารย์บางองค์ ท่านไม่พูดไม่สอน อยู่อย่างไรก็ได้ อะไรก็ได้ แล้วท่านก็มรณภาพไป มีหลายองค์ส่วนมากเป็นอย่างนี้
เพราะฉะนั้นพวกเราทั้งหลาย ถ้าหากว่าพอจะมีบุญวาสนามีศรัทธาอยู่กับจิตเป็นกองทุนแล้ว ก็พยายามสร้างศรัทธาพร้อมกับวิริยะ ความพากเพียร สติปัญญาขึ้นมา คู่นี้แหละที่ปฏิบัติ เราจะอยู่ที่ไหนก็ตาม สติปัญญาขึ้นมา ธรรมะเท่านี้แหละ พลังนี้แหละเป็นตัวสำคัญ มันรวมในมรรค มันอยู่ด้วยกัน จะว่ามรรคก็ได้ จะว่าพลังก็ได้ ธรรมะที่เด่นๆ ที่จะเอาชนะกิเลสได้นี่
ศรัทธา วิริยะ ตลอดทั้งสติ สมาธิ ปัญญานี่ มันตัวธรรมที่สำคัญมาก ไม่ต้องเอาอันอื่น เวลาสงบก็สงบ ถ้าต้องการสบายก็พิจารณาทั้งกลางวันกลางคืน ยืน เดิน นั่ง นอน
บางครั้งกำลังฉันนี่ มันไม่ได้อยู่ในฉันแล้ว มันไปอยู่ในธรรมะส่วนใหญ่
ทำข้อวัตรปฏิบัติต่าง ๆ ยิ่งปัดกวาดนี้ มันก็เกิดธรรมะสลดสังเวชหรือข้อวัตรต่าง ๆ นี้มันเกิดขึ้นประจำ ถ้าเราชอบทำแล้ว จิตมันตั้งชอบแล้ว มันก็น้อมไปทางเรื่องที่ชอบไปทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นคราวนี้ที่มันไปรู้ ไปรู้อยู่โน้น จึงได้เป็นพยานยืนยัน อยู่ที่ไหนก็ทำได้ ไม่สงสัย ขอให้จิตเราอย่างเดียวเท่านั้น ทีนี้พอตอนที่จิตมันจะถอน ก็ไม่ใช่นอน ไม่ใช่นั่ง กำลังเดินจะถึงกุฏิ คือจุดปัญญามันจะพอของมัน พอมันปรากฏของมัน มันอยู่ตรงไหนก็ได้ กลางวันก็ได้ กลางคืนก็ได้ แต่พลังในส่วนนั้นที่มันปรากฏเรื่อย ๆ มา มันก็มีอยู่เหมือนกัน แต่เราก็ไม่ได้จดจำไว้ ตั้งแต่เริ่มปฏิบัติมันก็มีอยู่เหมือนกัน ทีนี้กิเลสที่มันต่อสู้มันก็มีไม่ย่อยเหมือนกันเหมือนคู่แข่งกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 15, 2016, 01:30:51 PM โดย golfreeze » บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
หน้า: [1]
พิมพ์
กระโดดไป: