KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับธรรมมะกับมนุษย์ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน ธรรมมะจากพระสงฆ์ สุปฏิปันโน เป็นข้อคิด และแนวทาง เพื่อเป็นแรงใจในการปฏิบัติภาวนาธรรมะที่ถ่ายทอด โดย พระอาจารย์หลวงปู่คำดี ปภาโส
หน้า: [1]
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมะที่ถ่ายทอด โดย พระอาจารย์หลวงปู่คำดี ปภาโส  (อ่าน 11154 ครั้ง)
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« เมื่อ: สิงหาคม 24, 2015, 03:23:44 PM »



ความเห็นที่ถูก
นั้นคือ "การเห็นจิตตามความเป็นจริง เห็นกายตามความเป็นจริง"
คือเห็นธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ของตนและของคนอื่นสักแต่ว่าเป็นธาตุ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตนตัว เราเขา และเห็นว่าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ถ้าเราสามารถเห็นได้แบบนี้แล้ว เรียกว่า "เห็นกายตามความเป็นจริง"
ส่วนที่ว่าเห็นจิตตามความเป็นจริงนั้น ท่านถือสภาพรู้เป็นตัว ไม่ได้ถือเวทนา ๓ เป็นตัว เวทนา ๓ ก็คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อุเบกขาภาวนา (ความไม่สุขไม่ทุกข์คือเป็นกลาง) สิ่งเหล่านี้ก็จะต้องเห็นเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีตนไม่มีตัวในเวทนา ๓ ถือแต่ความรู้เป็นตัว ถ้าเราสามารถเห็นได้แบบนี้แล้ว เรียกว่า "เห็นจิตตามความเป็นจริง"
ที่มา การเห็นกายและจิตตามความเป็นจริง
หลวงปู่คำดี ปภาโส
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 15, 2015, 11:49:16 AM โดย golfreeze » บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2015, 03:24:33 PM »

การประกาศตนเป็นพุทธมามกะ เป็นอุบาสกอุบาสิกาในพระพุทธศาสนา พูดง่ายๆ ก็คือ
การบวชขั้นต่ำในพระพุทธศาสนา เป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเกิดเคราะห์ภัยต่างๆ
ก็ให้ทำอย่างนี้ก็จะหายเคราะห์ภัยนั้นๆ ถ้าเคยถือพระภูมิเจ้าที่อยู่ ก็ให้เลิกให้ละเสีย
บรรดาภูตผีปีศาจที่เราเคยนับถืออยู่นั้น เป็นภูตผีปีศาจที่เป็นบาป จึงไม่สามารถที่ไปเกิดได้
เป็นผีที่ไม่มีบุญกุศลจึงไม่ได้เกิด ที่มาสิงในมนุษย์ก็เพราะเขาอยากเกิดนั้นเอง
เราเป็นมนุษย์ที่ประเสริฐแล้ว มีชั้นภูมิที่สูงกว่าเขาแล้ว ไฉนจึงยังไปยึดภูตผีปีศาจเหล่านั้นอีกเล่า
ในโลกนี้ไม่มีอะไรวิเศษไปกว่าพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์เจ้า เป็นที่พึ่งที่สุดของมนุษย์
ในทางศาสนาให้เรานับถือพระไตรสรณคมน์เป็นที่พึ่งที่ระลึก ในทางโลกให้เราถือบิดามารดา
ปู่ ย่า ตา ยาย ผู้มีพระคุณอื่นๆ ตลอดถึงองค์พระมหากษัตริย์เป็นที่พึ่ง เป็นบุคคลที่ควรกราบไหว้บูชา
 และควรตอบแทนคุณ ถ้าเราไปถือในศาสนาอื่นอย่างจริงจัง ก็ทำให้ขาดจากไตรสรณคมน์ได้เหมือนกัน
หรือมัวไปยึดถือ ภูต ผี ปีศาจ ไปกราบไหว้ผี ก็ทำให้ขาดจากพระไตรสรณคมน์เช่นเดียวกัน

หลวงปู่คำดี ปภาโส
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2015, 11:48:01 AM »

"คนทุกข์คนจนในโลกนี้ไม่ใช่ทุกข์เพราะเสือกิน
ไม่ใช่ทุกข์เพราะงูร้ายกัด ไม่ใช่ทุกข์เพราะช้างฆ่า
แต่ทุกข์เพราะความโลภ ความโกรธ ความหลงของตน"
... หลวงปู่คำดี ปภาโส
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 22, 2017, 10:56:33 AM »

บางคนภาวนาไม่อยากเห็นภาพต่างๆ เช่น นรก สวรรค์ เทวดา เป็นต้น
การที่ได้เห็นสิ่งเหล่านี้ไม่มีอะไรแปลก
ที่ว่าไม่แปลกก็เพราะว่า เมื่อเราเห็นแล้ว กิเลสของเราก็ยังอยู่เหมือนเดิม
บางคนแถมยังทำให้เกิดกิเลสเพิ่มมากขึ้นอีกเสียด้วย
คือถือว่าตนเองเป็นผู้วิเศษ ที่สามารถเห็นสิ่งต่างๆ เหล่านั้นได้
เลยไม่ยอมกราบไหว้ใครทั้งสิ้น จนกลายเป็น สัคคาวรณ์ มัคคาวรณ์
ปิดกั้นทางมรรค ทางผล ทางนิพพาน ไปโดยปริยาย
เป็นความเห็นที่ผิดจากหลักศาสนา
พวกเราท่านพากันฝึกหัดสติลูบๆ คลำๆ กันอยู่อย่างไรเล่า
จึงมิรู้ช่องแนวทางพ้นทุกข์เสียที
ด้วยเหตุนี้ ขอให้พากันยึดหลักสติปัฏฐาน ๔
เป็นหลักฝึกสติให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
นี่แหละ บรรดาสิ่งสมมุติที่เราไปยึดถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของเรานั้น
ก็จะได้เพียงชีวิตหนึ่งๆ เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นสามี ภรรยา หรือสมบัติต่างๆ
เมื่อเราตายไปแล้ว เราจะยึดถือเป็นกรรมสิทธิ์ของเราอีกไม่ได้
เราจะเอาสิ่งต่างๆ เหล่านั้นติดตามไปสวรรค์ นรก หรือที่ไหนๆ ก็ไม่ได้
ตรงกับคำว่า “สมบัติของโลก ก็ต้องอยู่ในโลก”
หนังสือ คติธรรมของหลวงปู่คำดี ปภาโส
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
หน้า: [1]
พิมพ์
กระโดดไป: