KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับธรรมมะกับมนุษย์ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน ธรรมมะจากพระสงฆ์ สุปฏิปันโน เป็นข้อคิด และแนวทาง เพื่อเป็นแรงใจในการปฏิบัติภาวนาธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีลเถร
หน้า: [1]
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีลเถร  (อ่าน 11782 ครั้ง)
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« เมื่อ: ตุลาคม 18, 2013, 06:35:00 PM »



"..เขาสิเชื่อความดีที่เฮาเฮ็ด
หลายกว่าคำเว้าที่เฮาสอน..."


ท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีลเถร
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: มกราคม 15, 2014, 08:20:42 PM »

" เขาพูดว่าเราดี เราก็ไม่ดีเหมือนคำเขาพูด
เขาพูดว่าเราชั่ว เราก็ไม่ชั่วเหมือนคำเขาพูด
ถ้าเราไม่ยึด เราไม่มี จะเอาอะไรไปดีไปชั่ว "

หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล
วัดเลียบ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2014, 08:47:27 PM »

"กรรมนี้แหละจะจำแนกสัตว์ให้เป็นไปต่างๆนานา ทำให้เลว ให้ดี ให้ชั่ว ให้ประเสริฐ
ก็เป็นผลของกรรมที่ทำไว้ทั้งสิ้น เราเกิดเป็นมนุษย์มีความสูงศักดิ์มาก
แต่อย่านำเรื่องของสัตว์มาประพฤติ มนุษย์ของเราจะต่ำลงกว่าสัตว์
และจะเลวกว่าสัตว์อีกมาก เวลาตกนรก จะตกหลุมที่ร้อนกว่าสัตว์มาก

อย่าพากันทำ ให้พากันละบาปและบำเพ็ญบุญอย่าให้เสียชีวิตลมหายใจไปเปล่า
ที่ได้มีวาสนาเกิดมาเป็นมนุษย์"

หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2015, 08:37:10 PM »

(น้อมรำลึกพระผู้ทรงธุดงคกรรมฐาน วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๘๔
วันละสรีระสังขาร หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล)

"ท่านหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ถ้าสมัยพุทธกาลท่านก็เรียกว่าท่านทั้งสองพระองค์นี้คือพระอรหันต์ร้อยเปอร์เซ็นต์นั้นแล
ท่านเป็นผู้ทรงข้อวัตรปฏิบัติ ซึ่งข้อวัตรปฏิบัตินี้มีมาดั้งเดิม ท่านจดจารึกในคัมภีร์ใบลานมาตลอดว่าพระธุดงคกรรมฐาน"

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร
เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๔๔ เรื่อง "ช่วยกันรักษามรดกคือพุทธศาสนาไว้"

"ระลึกถึงบุญถึงคุณของท่านหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ซึ่งเป็นพระอันเลิศเลอ
ถ้าสมัยพุทธกาลท่านก็เรียกว่าท่านทั้งสองพระองค์นี้คือ พระอรหันต์ร้อยเปอร์เซ็นต์นั้นแล
ท่านได้อุตส่าห์บุกเบิกเพิกถอนสิ่งที่เป็นข้าศึกต่ออรรถต่อธรรม ต่อธุดงค์ข้อวัตรปฏิบัติจารีตประเพณี
 ที่พระพุทธเจ้าทรงพาดำเนินมา ซึ่งถูกปกคลุมหุ้มห่อด้วยความมืดมิดปิดกำบังของกิเลสทั้งหลาย
ให้ค่อยเบิกกว้างออกไป ๆ ท่านเป็นผู้ทรงข้อวัตรปฏิบัติ ซึ่งข้อวัตรปฏิบัตินี้มีมาดั้งเดิม
ท่านจดจารึกในคัมภีร์ใบลานมาตลอดว่าพระธุดงคกรรมฐาน

หลวงปู่เสาร์และหลวงปู่มั่นทั้งสององค์นี้ เป็นผู้อุตส่าห์พยายามบุกเบิกเพิกถอนขวากหนามที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุดงควัตร
เพราะแต่ก่อนในสมัยนั้นไม่มีใครสนใจกับธุดงค์ข้อวัตร พระกรรมฐานประหนึ่งว่าแทบไม่มีในเมืองไทย

แต่ครั้นแล้วก็มีท่านทั้งสองพระองค์คือหลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์นี้แล ได้นำคัมภีร์ที่ทรงแสดงไว้แล้วในพระไตรปิฎกต่าง ๆ
ออกมาประพฤติปฏิบัติให้เปิดเผยจนเป็นที่ร่ำลือ และทางชั่วก็กีดขวางเข้ามา บางครั้งถูกขับไล่ไสส่ง หาว่าเป็นพระจรจัด
พระขัดขวางต่อบ้านต่อเมือง ถูกขับไล่ไสส่งจากฝ่ายปกครองตามสถานที่นั้น ๆ เรื่อยมา ท่านก็ไม่หวั่นไหวในการประพฤติปฏิบัติ
ดำเนินตามข้อวัตรปฏิบัติที่มีแล้วในคัมภีร์เรื่อยมา ค่อยบุกเบิกเพิกถอนไปเรื่อย ๆ การบำเพ็ญธรรมของท่านก็ปรากฏขึ้นภายในจิตใจเป็นลำดับลำดา เป็นกำลังใจที่ท่านจะอุตส่าห์พยายามเพิกถอนกิเลสตัณหาภายในจิตใจ แล้วก็เป็นไปพร้อม ๆ กันกับการแนะนำสั่งสอนบรรดาลูกศิษย์ลูกหาเรื่อยมา กรรมฐานจึงค่อยเบิกกว้างออกไป ๆ"
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2015, 07:54:03 PM »

๑๒๓.) บวชเป็นพระแล้วพรรษาแรกมาอยู่วัดหนองน่อง อยู่กับอาจารย์พัน (กนฺตสีโล) หลวงปู่ลาด เณรมั่น พระซุมคนบ้านแวง และพระหนุ่มอีกรูปคนบ้านกุดแห่กับพวกแม่ชีแม่ขาว
หลวงปู่ลาด เป็นคนบ้านบาก เคยอยู่กับเพิ่นครูอาจารย์เสาร์ (กนฺตสีโล) ครูอาจารย์เสาร์เพิ่นมาอยู่บ้านห้วยทราย บ้านกลาง ก็อยู่สอนเอาหลวงปู่ลาด หลวงปู่ลาด องค์นี้เกิดเดือนเดียวกัน ปีเดียวกัน กับเพิ่นครูอาจารย์เสาร์ (กนฺตสีโล) แต่เพิ่นครูอาจารย์เสาร์เกิดก่อน ๗ วัน (แรม ๑๔ ค่ำ เดือนยี่ ปีระกา พ.ศ.๒๔๐๔)

หลวงปู่ลาด เล่าว่า เป็นอุบายของอัญญาท่านเสาร์ ที่เพิ่นมาเป็นเสี่ยวกับผู้ข้าฯ เพิ่นขอเป็นก็ให้เป็น แรก ๆ ก็ยังไม่รู้เหตุผลอันใด พอผู้ข้าฯ รู้ฉลาดขึ้นมาบ้างจึงได้รู้ว่าเป็นอุบายของเพิ่นดึงให้เราเข้าวัดจนได้บวช ก็เพราะอุบายธรรมของอัญญาท่าน อยู่กับเพิ่นอยู่วัดนี้ล่ะเพิ่นไม่ค่อยจะสอนด้วยคำพูดคำเว้า แต่จะทำให้ดูเสียมากกว่าอย่างอื่น พอมาบวชเป็นหลวงตาแล้วนี้จึงได้ระลึกในบุญคุณของเพิ่น จึงได้รู้จักเหตุผลของเพิ่น เพิ่นไปอยู่ถ้ำจำปาผู้ข้าก็ข้ามภูเขาไปหา
พอเพิ่นหนีจากถ้ำจำปาขึ้นไปทางอุดร เมืองเลย แล้วก็ลงไปอุบลไปทางฝั่งลาว ก็คิดถึงแต่เพิ่นคิดถึงอยู่ทุกวัน คิดอยู่มิวาย มาเห็นกุฏิ ทางจงกรม หอฉัน อุแอ่งน้ำ แม้แต่ต้นไม้ต้นหญ้าที่เพิ่นเคยบอกให้เก็บเอายอดไปให้เพิ่นฉันกับแจ่วกับป่น เห็นอะไรที่เกี่ยวกับ เพิ่นก็เป็นเหตุให้คิดถึงอยู่ตลอด

นอนหลับฝันไปก็เหมือนกับเพิ่นมาอยู่ด้วย มาสอนนั่นนี่ ปลุกให้ลุกไหว้พระสวดมนต์ ให้ลุกนั่งภาวนา นึกขึ้นได้ว่าก่อนที่เพิ่นจะหนีจากถ้ำจำปาผู้ข้าไปหาเพิ่น ๆ ก็เอาผ้าอาบน้ำฝนให้ผืนหนึ่ง ให้แล้วก็เอามาเก็บเอาไว้อยู่หิ้งบูชา มาคิดพิจารณา ธรรมดาผ้าอาบน้ำเป็นของใช้บริขารของนักบวชของพระเณร จึงเข้าใจว่า นี่อัญญาท่านบอกให้บวช ก็เลยตกลงใจบวช
บวชแล้วก็ตั้งใจปฏิบัติภาวนา ข้อวัตรใด ๆ ก็จำมาแต่สมัยเพิ่นสอน สมัยอัญญาท่านมั่น (ภูริทตฺโต) มาทำตัวอย่างให้ดูให้เห็น การกิน การนอน การไปการมา การพูดจา การอยู่ กิริยาใด ๆ ก็เหมือนกับเพิ่นมาบอกมาสอนมาอยู่ใกล้ ๆ บวชแล้วความคิดถึงเพิ่นก็หายเป็นปลิดทิ้ง ก็ได้แต่ตั้งใจเจริญภาวนา ไหว้พระ เดินจงกรม รักษาเนกขัมมะของตนอยู่ตลอดเวลา จนพอรู้พอฉลาดขึ้นมา

หลวงปู่ลาดว่า เพิ่นอัญญาท่านเสาร์ มักฉันยอดผักติ้วจ้ำแจ่วปลาแดก บอกสอนให้ต้มปลาแดกเสียก่อน หม่ำห่อส้มก็ให้สุกด้วยไฟ มักฉันแกงเห็ดดิน มักฉันแกงเห็ดขอน แกงหน่อไม้ก็ให้ใส่ยอดผักขะแยงนา ไม่ชอบอาหารที่มีกลิ่นคาวเหม็น แกงบอน แกงขี้เหล็ก เพิ่นก็สอนให้ใส่กะทิมะพร้าว แจ่วก็ให้ใส่กะทิมะพร้าว มักกินกล้วยส้มกับน้ำผึ้ง ฉันจังหันได้หลาย แข็งแรง ทรหดมาก แต่ญาท่านฝั้น (อาจาโร) ไม่ชอบผักขะแยงนา ไม่ชอบผักชี ชอบฉันผักที่มีรสเปรี้ยว ผักกับแกล้มขาดไม่ได้ ฉันผักได้เป็นกระโตก ฉันจังหันได้มาก คำข้าวใหญ่

“ อัญญาท่านเสาร์ เพิ่นสอนคำสุดท้ายก่อนจะไปเพิ่นว่า “ เสี่ยวแพงเอ๋ย พุท - โธ อย่าทิ้มผู้ฮู้ ภาวนาสิเป็นไปดอก อย่าทิ้มผู้ฮู้ ธรรมะเป็นของเฉพาะตนเด้อเสี่ยวฮัก ”
“ โดยข้าน้อย ” ผู้ข้ารับไว้
อันนี้หลวงปู่ลาด เล่าให้ฟัง หลวงปู่ลาด พูดถึงเพิ่นครูอาจารย์เสาร์ (กนฺตสีโล) อีกว่า
“ การปฏิบัติภาวนาของอัญญาท่านเสาร์นั้นหนักแน่นด้วยความเพียร ยึดถือหลักของ “ พุท - โธ ” คือ บริกรรมพุทโธ จะยืนจะเดินจะนั่งจะทำอะไรก็ตามให้มีพุท โธ อยู่กับตัวเจ้าของตลอดไม่ละไม่ทิ้งในเบื้องต้น การปฏิบัติก็มุ่งมั่นเป็นแบบอย่าง ถือเอาความสงบทั้งผู้คนทั้งสถานที่ เพิ่นว่าให้คุณงามความดีให้ผลบุญของการปฏิบัติรักษาพระธรรมวินัย เป็นผู้รักษาคุ้มครองไม่ให้ย้านไม่ให้กลัวอันตราย ไม่ให้กลัวป่ากลัวเขา หรือกลัวต่อสิ่งสาราสัตว์ตลอดจนภูตผีใด ๆ ตัวเพิ่นก็ทำให้ดูทำให้เห็น ทำให้เป็นแบบอย่างในความเข้มแข็ง อดทน ต่อสู้ ที่ใดกลัวให้อยู่ที่นั่น ที่ใดยุ่งยากให้อยู่แก้ไขเสียก่อน การเดินจงกรม การตื่นนอน สรีรกิจ การไหว้พระสวดมนต์ การนั่งภาวนา การเข้านอน การลุกขึ้น ทุกอย่างเพิ่นจะมีเวลา ทำตามเวลา ทำตามกำหนดไว้ได้ เรียกว่ามีระเบียบในตนเรียบร้อยในตัว ความสะอาดกาย ความสะอาดบริขาร ความสะอาดเรียบง่ายในที่อยู่ เรื่องพวกนี้จะหาช่องติติงเอากับเพิ่นไม่ได้

การขบฉัน ก็ฉันหนเดียว ฉันในบาตร บิณฑบาตมาฉัน ตามมีตามได้ ฉันจังหันไม่มากอย่าง ฉันแต่พอดี แต่เพิ่นฉันได้มาก การทรมานดัดสันดานของตน การเน้นหนักในการภาวนาโดยเฉพาะการเดินจงกรม เพิ่นถือไว้เป็นข้อปฏิบัติหลักใหญ่ อันนี้หลวงปู่ลาด คนบ้านบากหลวงตาเสี่ยวของเพิ่นครูอาจารย์เสาร์ (กนฺตสีโล) เล่าให้ฟัง แม้หลวงพ่อออก (หลวงพ่อกา) ก็เล่าอย่างเดียวกัน เคยถามหลวงพ่อ (หลวงพ่อกา ธมฺมรโต)

“ หลวงพ่อเพิ่นครูอาจารย์เสาร์กับเพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทตฺโต) หลักปฏิบัติบัติภาวนาของเพิ่นพากันทำมาอย่างไร หรือสอนไว้อย่างไร หลวงพ่อพอจะจำได้ไหมครับ ”
หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า
“ เพิ่นสอนให้ภาวนา พุทโธ - พุทโธ แต่ก่อนเจริญภาวนาทุกครั้ง เพิ่นว่าให้ไหว้พระสวดมนต์
อรหํ...
พุทฺธํ...
อิติปิโส... กาเยนะ...
สฺวากฺขาโต... กาเยนะ...
สุปฏิปนฺโน... กาเยนะ...
อหํสุขิโต...
สพฺเพสตฺตา...

เพิ่นว่าต้องทำวัตรเสียก่อน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ไม่ให้จืดจางไปได้ เมื่อเข้าที่แล้วตั้งสติให้มั่น ปล่อยอารมณ์เครื่องยุ่งภายนอกให้หมด สู่ปัจจุบันรู้อยู่กับพุท - โธ เมื่อกาย วาจาสำรวมแล้ว เหลือแต่สำนึกในใจ ให้บริกรรม ว่า
พุทฺโธ เม นาโถ
ธมฺโม เม นาโถ
สงฺโฆ เม นาโถ
พุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ ๓ จบ แล้วก็ให้กำหนดลมหายใจเข้า - ออก พร้อมภาวนา พุท - โธ, พุท - โธ, พุท - โธ แล้วให้เหลือรู้เฉพาะลมหายใจเข้ากับพุท, ลมหายใจออก โธ, กำหนดรู้ภาวนาไปเรื่อย ๆ กำหนดจิตไปเรื่อย ๆ ไม่ปล่อยอารมณ์คือ ไม่ทิ้งผู้รู้ไปกับความคิดนึก ไม่กังวล หรือเล่นหลงอยู่กับจังหวะ ลมหายใจเข้าออก ให้ปล่อยไปตามธรรมชาติธรรมดาของการหายใจ ภาวนายังไม่เป็น อย่าไปทิ้ง พุท - โธ เพราะ พุท - โธ เป็นกิริยาของใจ กำหนดภาวนาไป เอาเป็นเอาตายเป็นเกณฑ์วัด อย่าเอาความอยากเข้าไปวัด เพราะการเจริญภาวนาก็เพื่อให้เป็นไปได้ในความสงบนิ่ง กิริยาจิตตั้ง เมื่อเป็นความสงบนิ่งภายในจิตใจแล้ว คำบริกรรม พุท - โธ ก็จะจางจนหายไป

เมื่อบริกรรมหายไป ก็ให้รู้ว่าหายไป รู้อยู่อย่างนั้นหล่ะ ที่รู้ว่าตัวของเรารู้ตัวอยู่ ตั้งผู้รู้ได้ แม้ลมหายใจก็ละเอียดตาม ผู้รู้แนบแน่นเท่าใดลมหายใจก็ละเอียดตามเท่านั้น จากนั้นก็ให้ประคับประคองจิตที่สงบนิ่งอยู่อย่างนั้น จะสงบได้นานเท่าใดก็ตาม ให้มีผู้รู้ว่าสงบอยู่ นิ่งรู้อยู่ เรียกว่าจิตทรงสมาธิ จิตตั้ง จิตเป็นหนึ่งกับลมหายใจ กายเบาจิตเบา กายอิ่มจิตอิ่ม
ให้ปฏิบัติอย่างนี้ก่อนในเบื้องต้นจนชำนิชำนาญ เข้าที่แล้วจิตเข้าถึงความสงบได้ เมื่อชำนาญแล้วจึงให้ใช้ปัญญาหาความรู้ ก็ย้อนกลับไปตรวจตราดูร่างกายรูปอันเน่าเหม็นผุพังไม่สวยไม่งาม พิจารณากาย พิจารณาธาตุ หรือหากเมื่อใดที่จิตของเราไม่เป็นสมาธิ ภาวนาอยู่แต่ไม่สงบคอยแต่จะฟุ้งซ่าน บริกรรม พุทโธแล้วก็แล้ว จับพุทโธก็ไม่อยู่ จับลมหายใจก็ไม่ได้ ให้ยกอาการของรูปกายนี้ ขึ้นพิจารณาเลยก็ได้ กายคตาสติ ให้พิจารณาจนละเอียดถี่ถ้วน พิจารณาย้ำไปย้อนมา ซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น แยกส่วนพิจารณา รูปส่วนพิจารณาดูจากนอกเข้าไปในจากในออกมานอก เพราะใจไม่สงบก็ให้อยู่กับกรรมฐาน จนกว่าจะสงบได้ปัญญา ให้ตั้งใจภาวนาให้ได้ทุกวันอย่าให้ขาด

‪#‎คัดจากธรรมประวัติหลวงปู่จาม‬ มหาปุญฺโญ : วัยติดตนต้นธรรม
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
หน้า: [1]
พิมพ์
กระโดดไป: