golfreeze
|
 |
« ตอบ #30 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2013, 11:13:42 am » |
|
ของรางของขลังไม่มีในปฏิปทาเลย รูปเหรียญ ขายพระเล็กพระน้อย พุทธาภิเษกก็ไม่มีในปฏิปทาขององค์ท่านเลยนา วิชาปลุกเสก แกะหู แกะตา แคะหู แคะตา ให้พระพุทธรูปหรือทำพิธีบวชให้พระพุทธรูปก็ไม่มีในสันติวิธีขององค์ท่าน
องค์ท่านพระอาจารย์มั่นกล่าวว่า “สมมุติเป็นพระพุทธรูปแล้วก็เสร็จกัน เราดีอย่างไรจึงจะไปบวชให้องค์ท่าน องค์ท่านบวชก่อนเราแล้ว เราดีอย่างไรจึงจะไปปลุกท่านให้ตื่น ท่านตื่นก่อนเราเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพานแล้ว เราดีอย่างไรจึงจะไปแคะหูแคะตาให้องค์ท่าน ตานอก ตาใน หูนอก หูในขององค์ท่านดีกว่าเราแล้ว จะภิเษกภิษันให้องค์ท่านเป็นอะไรอีก องค์ท่านเป็นพระพุทธเจ้าเต็มภูมิแล้ว จะเอาไสยศาสตร์ไปพอกไปทาองค์ท่านทำไม นั้นแหละตัวบาป นั้นแหละขุมนรกขุมมิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดเต็มภูมิแล้วยังสำคัญว่าเห็นชอบ เข้าข้างตัวแต่ไม่เข้าข้างธรรมวินัย เพียงเท่านี้ก็ยังไม่รู้จักผิดรู้จักถูกแล้ว ธรรมอันละเอียดลออก็ยังมีขึ้นไปกว่านี้มาก ไฉนจะรู้ได้”
จากหนังสือ อัตตโนประวัติ หลวงปู่หล้า เขมปัตโต วัดภูจ้อก้อ จังหวัดมุกดาหาร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
golfreeze
|
 |
« ตอบ #31 เมื่อ: มกราคม 08, 2014, 04:59:38 pm » |
|
" กายกับจิตเราได้มาแล้วมีอยู่แล้ว ได้มาจากบิดามารดาบริบูรณ์แล้ว จะทำให้เป็นศีลก็รีบทำ ศีลมีอยู่ที่เรานี่แล้วรักษาได้ไม่มีกาล ได้ผลไม่มีกาล "
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
golfreeze
|
 |
« ตอบ #32 เมื่อ: มกราคม 16, 2014, 09:30:55 pm » |
|
“ถ้าใจยังไม่มีความสงบเย็นทางสมาธิธรรมแล้ว อย่าเข้าใจว่าตนจะได้รับความสุขเย็นใจที่ไหนๆเลย แต่จะเจอเอาแต่ความรุ่มร้อนที่แอบแฝงไปกับหัวใจที่ไม่มีความสงบนั้นนั่นแล จงพากันรีบชำระแก้ไขให้พอเห็นทางเดินของจิตเสียแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ใครเพียร ใครอาจหาญ ใครอดทน ในการต่อสู้กับกิเลสตัวฝืนธรรมอยู่ตลอดเวลา ผู้นั้นจะเจอร่มเงาแห่งความสงบเย็นใจในโลกนี้ ในบัดนี้ และในดวงใจนี้ ไม่เนิ่นนานเหมือนการท่องเที่ยวที่เจือไปด้วยสุขด้วยทุกข์อยู่ทุกภพ ทุกชาติ ไม่มีวันจบสิ้น
ธรรมทุกบททุกบาทที่ศาสนาสอนไว้ ล้วนเป็นธรรมรรื้อขนสัตว์ผู้เชื่อฟังพระองค์ ให้พ้นไปโดยลำดับ จนถึงขั้นธรรมที่ไม่กลับมาหลงโลกที่เคยเกิดตายนี้อีกต่อไป”
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
golfreeze
|
 |
« ตอบ #33 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2014, 08:54:41 am » |
|
ข้าพเจ้ากราบเรียนท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ว่า “กระผมขอโอกาสกราบเรียน การนิมิตเห็นดวงหฤทัย (หัวใจ) ของคน ตั้งปลายขึ้นข้างบนนั้นเป็นอะไร”
ท่านเลยอธิบายไปว่า “ที่จริงดวงหฤทัยของคนนั้นก็ตั้งอยู่ตามธรรมดานี้แหละ อันมันเป็นต่างๆ นานา ตามเรานิมิตเห็นนั้น มันเป็นนิมิต เทียบเคียง คือปฏิภาคนิมิตนั้นเอง ที่ท่านว่ามันตั้งชันขึ้นนั้น แสดงถึงจิตของคนนั้นมีกำลังทางสมาธิ ถ้าจิตตั้งขึ้นและปลายแหลม กกใหญ่คล้ายกับดอกบัวตูมกำลังจะเบ่งบานนั้น แสดงว่าจิตคนนั้นมีกำลังทางสมาธิและปัญญาแล้ว
ถ้าน้ำเลี้ยงดวงหฤทัยมีสีต่างๆ กันนั้น หมายถึงจริตของคน เช่น โทสจริตนั้นหฤทัยแดง ถ้าราคจริตน้ำเลี้ยงหฤทัยแดงเข้มๆ ถ้าจิตของคนที่หลุดพ้นไปแล้วเป็นน้ำหฤทัยขาวสะอาดเลื่อมเป็นปภัสสรเหมือนทองปลอมแล้วอยู่ในเตา เลื่อมอย่างนั้นแหละ ถ้าดวงหฤทัยเหี่ยวๆ แห้งๆ นั้นหมายถึงจิตของคนนั้นไม่มีกำลังทางจิต คือ ศรัทธาพลัง วิริยพลัง สติพลัง สมาธิพลัง ปัญญาพลัง ถ้าธรรมทั้ง ๕ อย่างนี้ไม่มีในจิตแล้ว ท่านว่าอบรมไม่ขึ้น ไม่เป็นไป จะสั่งสอนทรมานสักปานใดไม่มีประโยชน์เลย
ถ้าดวงหฤทัยของคนนั้นมีกกเบ่งบานเหมือนดอกบัว อบรมสั่งสอนไปได้ผลตามคาดหมายจริงๆ ท่านว่า
“ผมเองเคยเพ่งดวงหฤทัยของผมเอง เห็นเลื่อมเป็นแสงเลยทีเดียว เพิ่งไปเพ่งมา ปรากฏแตกใส่ดวงตา” นี้คำพูดของท่าน
ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จึงอธิบายว่า “คนในประเทศไทยนี้ ดวงหฤทัยต่างหมู่อยู่ ๓ องค์ คือ ดวงหฤทัยปรากฏว่ามีจานหรือแท่นรองสวยงามดี พระ ๓ องค์นี้ องค์หนึ่งคือ ท่านสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสฺโส อ้วน) ท่านตายไปแล้ว ส่วน ๒ องค์นั้น ยังอยู่” ท่านพระอาจารย์มั่นพูดว่า “บุญวาสนาบารมีพระ ๓ องค์นี้แปลกๆ”
หมู่เพื่อนมากนี้นึกว่า ท่านอาจารย์นี้ท่านดูคนไม่ใช่ดูแต่หูชิ้นตาหนังเหมือนคนเรา ท่านสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหา ต้องดูด้วยตานอกตาในเสียก่อน ไม่เหมือนปุถุชนเรา อย่างพวกเรานี้มาเอาแต่กิเลสมาสั่งสอน บังคับไม่ว่าใครเป็นอย่างใด ฉะนั้น จึงเกิดสงครามกันบ่อยๆ ระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์ จึงวุ่นวายกันอยู่ทั่วโลก
ส่วนท่านพระอาจารย์มั่นนั้นท่านสั่งสอนไปมันก็ได้ผลจริงๆ อย่างว่า คนจิตไม่มีพลังธรรม ๕ ข้อ ก็คือคนอินทรีย์ไม่แก่กล้านั้นเอง อย่างนี้โดยมากท่านไม่รับเอาไว้ ในสำนักของท่าน ท่านใช้อุบายว่าควรไปอยู่แห่งนั้นแห่งนี้หรือกับคนโน้นคนนี้ดี
บันทึกของหลวงปู่อุ่น ชาคโร วัดป่าหนองคำ(วัดดอยบันไดสวรรค์) จ.อุดรธานี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
golfreeze
|
 |
« ตอบ #34 เมื่อ: มีนาคม 02, 2014, 09:37:24 pm » |
|
ความสมบูรณ์พร้อมของประเทศไทย..(หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
เรื่องอริยบุคคลนี้ ท่านพระอาจารย์ปรารภไว้หลายสถานที่หลายวาระ ต่างๆ กันแล้วแต่เหตุ
ท่านเล่าว่า ชาวพุทธมีหลายประเทศ แต่จะขอกล่าวเฉพาะใกล้เคียง เขมร ลาว เวียดนาม และพม่า นอกนี้ไม่กล่าว
ท่านพระอาจารย์บอกว่า "เราไม่ได้ว่าเขาเหล่านั้น แต่ได้พิจารณาแล้ว ไม่มีก็ว่าไม่มี มีก็ว่ามี"
ท่านพระอาจารย์หมายถึง พระอริยบุคคลในประเทศเหล่านี้ มีที่ประเทศพม่าเพียงคนเดียว คือ หมู่บ้านที่ท่านไปจำพรรษา เป็นผ้าขาว ที่ผู้เล่าเคยเล่าว่า บุตรสาว บุตรเขย และบุตรชายของตาผ้าขาวนั้นละ ที่มาจัดเสนาสนะของบิดาเขาถวายท่านพระอาจารย์และท่านเจ้าคุณบุญมั่น ครั้งจำพรรษาที่ประเทศพม่า
ท่านว่า "ยกเว้นสยามประเทศแล้วนอกนั้นไม่มี"
"สำหรับสยามประเทศ ตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึงปัจจุบัน มีติดต่อมาโดยไม่ขาดสาย ทั้งคฤหัสถ์ชายหญิงและบรรพชิต แต่มรรคขั้นต้นคฤหัสถ์มากกว่า ทั้งปริมาณและมีสิกขาน้อยกว่า"
ท่านเล่าต่อไปว่า เราไม่ได้ว่าเขา เราไม่ได้ดูหมิ่นเขา เพราะประเทศเหล่านั้นขาดความพร้อม คือ คุณสมบัติหลายอย่าง เช่น เรื่องอักขระ ที่ไม่เป็นพุทธภาษา คือ ฐานกรณ์วิบัติ และองค์ประกอบอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือ องค์พระมหากษัตริย์ของประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนานี้ก็สำคัญ ขาดไม่ได้ ถ้าขาดไป อริยบุคคลก็ขาดไปด้วย
ท่านพระอาจารย์ว่า เมื่อพระพุทธเจ้าจะทรงประกาศพระศาสนา ทรงหาหลักค้ำประกันอันมั่นคง คือ มุ่งไปที่พระเจ้าพิมพิสาร ความสำคัญอันนี้มีมาตลอด หากประเทศใดไม่มีองค์ประกอบนี้ ซึ่งเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก ก็ปฏิเสธได้เลย
เปรียบเหมือนกับก้อนเส้า 3 ก้อน ก้อนที่ 1 คือ ความเป็นชาติ ก้อนที่ 2 มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ก้อนที่ 3 มีองค์พระมหากษัตริย์เป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก หากขาดไปก้อนใดก้อนหนึ่ง ก็จะขาดความสมบูรณ์ไป ไม่สามารถจะใช้นึ่งต้มแกงหุงหาอาหารได้
จากหนังสือ "รำลึกวันวาน" หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
golfreeze
|
 |
« ตอบ #35 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2014, 04:12:47 pm » |
|
ท่านพระอาจารย์มั่นเล่าว่า
บางคืนปรากฏมีพระสาวกอรหันต์มาแสดงธรรมให้ท่านฟังทางอริยประเพณี โดยปรากฏทางสมาธินิมิต เป็นใจความว่า
"วิธีเดินจงกรมต้องให้อยู่ในท่าที่สำรวมทั้งกายและใจ ตั้งจิตและสติไว้ที่จุดหมายของงานที่ตนทำอยู่ คือกำลังกำหนดธรรมบทใดอยู่ พิจารณาขันธ์ใดอยู่ อาการแห่งกายใดอยู่ พึงมีสติอยู่กับธรรมหรืออาการนั้นๆ ไม่พึงส่งใจและสติไปที่อื่น อันเป็นลักษณะของคนไม่มีหลักยึด ไม่มีความแน่นอนในตัวเอง การเคลื่อนไหวไปมาในทิศทางใดควรมีความรู้สึกด้วยสติพาเคลื่อนไหว ไม่พึงทำเหมือนคนนอนหลับ ไม่มีสติตามรักษาความกระดุกกระดิกของกาย และความละเมอเพ้อฝันของใจในเวลาหลับของตน มีสติปัญญาอยู่ทุกอิริยาบท การขบฉันพึงพิจารณาอาหารทุกประเภทด้วยดีอย่าปล่อย ให้อาหารที่มีรสเอร็ดอร่อยมาเป็นยาพิษแผดเผาใจ แม้ร่างกายจะมีกำลังเพราะอาหารที่ขาดการพิจารณาเข้าไปหล่อเลี้ยง แต่ใจจะอาภัพเพราะรสอาหารเข้าไปทำลาย จะกลายเป็นการทำลายตนด้วยการบำรุง คือทำลายใจ เพราะการบำรุงร่างกายด้วยอาหารโดยความไม่มีสติ"
จากหนังสือประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ โดยท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
golfreeze
|
 |
« ตอบ #36 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2014, 10:58:46 am » |
|
ธาตุมนุษย์เป็นธาตุตายตัว ไม่เป็นอื่นเหมือนนาค เทวดาทั้งหลายที่เปลี่ยนเป็นอื่นได้ มนุษย์มีนิสัยภาวนาให้สำเร็จง่ายกว่าภพอื่น อคฺคํ ฐานํ มนุส(เสสุ มคฺคํ สตฺต วิสุทฺธิยา มนุษย์มีปัญญาเฉียบแหลมคมคอยประดิษฐ์ กุศล อกุศล สำเร็จอกุศล---
มหาอเวจีเป็นที่สุด ฝ่ายกุศลมีพระนิพพานให้สำเร็จได้ ภพอื่นไม่เลิศเหมือนมนุษย์ เพราะมีธาตุที่บกพร่องไม่เฉียบขาดเหมือนชาตมนุษย์ ไม่มีปัญญากว้างขวางพิสดารเหมือนมนุษย์ มนุษย์ธาตุพอหยุดทุกอย่าง สวรรค์ไม่พออบายภูมิธาตุไม่พอ มนุษย์มีทุกข์ สมุทัย
---ฝ่ายชั่ว ฝ่ายดี---กุศลมรรคแปด นิโรธ รวมเป็น ๔ อย่าง มนุษย์จึงทำอะไรสำเร็จ ดังนี้ ไม่อาภัพเหมือนภพอื่น
พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
golfreeze
|
 |
« ตอบ #37 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2014, 11:00:34 am » |
|
มนุษย์วนเวียนเกิดล้วนตาย ตายแล้วเกิด ติดของเก่า กามาวจรสวรรค์ ๑ สัตว์เดรัจฉาน ๑ มนุษย์ ๑ ท่านพวกนี้ติดของเก่า พระไตรปิฎก มีกิน ๑ มีนอน ๑ สืบพันธ์ ๑ แม้ปู่ย่าตายายของเราล้วนแต่ติดของเก่า พระพุทธเจ้าก็ดี พระปัจเจกก็ดี พระอรหันต์ก็ดี เมื่อท่านยังไม่ตรัสรู้ติดของเก่า เพลิดเพลินของเก่าในรูป เสียง กลิ่น รสของเก่าทั้งไม่มีฝั่งไม่มีแดน ไม่มีต้น ไม่มีปลาย ย่อมปรากฎอยู่เช่นนั้น ตื่นเต้นกับของเก่า ติดรสชาติของเก่า ใช้มรรค ๘ ให้ถอนของเก่า ใช้อิทธิบาท ๔ ตีลิ่มสะเทือนใหญ่ปังๆ ลิ่มของเก่าถอนคืออวิชชา ลิ่มใหม่คือวิชชาเข้าแทน ใช้ตบะความเพียรอย่างยิ่ง ที่จะถอนได้ต้องสร้างพระบารมีนมนาน จึงจะถอนได้ เพราะของเก่ามันบัดกรีกัน ได้เนื้อเชื้อสายของกิเลสพอแล้ว ย่อมเป็นอัศจรรย์ของโลกนั้นทีเดียว
พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
golfreeze
|
 |
« ตอบ #38 เมื่อ: สิงหาคม 16, 2014, 09:48:13 am » |
|
 จิตบริสุทธิ์ด้วยศีล ด้วยสมาธิความเป็นหนึ่ง มีปัญญาเกิดขึ้นพร้อม ต่อนั้นจะเกิดมโนภาพ จิตจะมีอำนาจใช้พลิกแพลงไปต่าง ๆเกิดความฉลาดรอบรู้อริยธรรม คำว่า มโนภาพ จิตมีฤทธิ์ ต่อนั้นค้นคว้าธรรมะมีหลักฐาน แต่เดินมรรคให้ถูก ปัญญาเห็นชอบ เป็นต้นนั้น เห็นร่างกายแปรปรวนไปต่าง ๆ ไม่ยึดมั่นถือมั่นในกิเลสทั้งหลาย เพราะผ่านความเบื่อหน่ายมาแล้ว ขึ้นวิปัสสนา อัพยากฤต รวมดีแล้ว ถึงวิโมกข์วิมุตติความหลุดพ้นกิเลส จิตเสวยสุขเรื่อย ๆ ไปจนกว่าเข้านิพพาน พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
golfreeze
|
 |
« ตอบ #39 เมื่อ: สิงหาคม 16, 2014, 09:48:49 am » |
|
วิชชา ๓ ของพระพุทธเจ้า ลึกลับสุขุมมาก ในยามที่ ๑ พระองค์ทำความรู้เท่าอย่างนั้น ยามที่ ๒ พระองค์ทำความรู้เท่านั้น ยามที่ ๓พระองค์ทำความรู้เท่าคือแก้วิชชาและปฏิจจสมุปบาทในของจิตในช่องแคบมารแย่งไม่ได้ มีความรู้อันพิเศษขึ้นมาว่า พระองค์เป็น สยมภู ความที่ท่านแก้อวิชชาเป็นของขั้นละเอียดยิ่งนัก บุคคลจะรู้เห็นตามนั้นน้อยที่สุด สุดอำนาจของจิต เมื่อกำหนดรู้ลงไปเป็นของว่างหมด ไม่ใช่ตัวตนสัตว์บุคคลเราเขา ไม่ใช่ผู้หญิงผู้ชาย ธาตุสูญฺโญ เป็นธาตุสูญ แล้วกำหนดจิต รู้จิต ตั้งอยู่ใน ฐีติธรรม
พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
golfreeze
|
 |
« ตอบ #40 เมื่อ: สิงหาคม 16, 2014, 09:49:09 am » |
|
นักปฏิบัติสำคัญที่สุดต้องเด็นเดี่ยวกล้าหาญ พยายามรักษาจิตให้เสมอ
พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
golfreeze
|
 |
« ตอบ #41 เมื่อ: สิงหาคม 16, 2014, 09:49:54 am » |
|
ปฏิภาคนิมิตนั้น อาศัยผู้ที่มีวาสนาจึงจะบังเกิดขึ้นได้ อุคคหนิมิตนั้นเป็นของไม่ถาวรต้องพิจารณาให้ชำนาญแล้วเป็นปฏิภาคนิมิต เมื่อชำนาญทางปฏิภาค ทวนกระแสเข้ามาเป็นตน ปฏิภาคนั้นเป็นส่วนวิปัสสนา สำหรับอุปจารสมาธิ สามารถรู้วาระจิตของผู้อื่นได้ สามารถแก้นิวรณ์ได้ แต่โมหะคลุมจิต ถ้าเจริญวิปัสสนาถึงขึ้นอัปปนาสมาธิแล้ว จะต้องทำความรู้ให้เต็มเสียก่อนจิตจึงจะไม่หวั่นไหว
พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
golfreeze
|
 |
« ตอบ #42 เมื่อ: สิงหาคม 16, 2014, 10:11:26 am » |
|
การพิจารณาธรรมให้เห็นปัจจุบันธรรม อย่าส่งจิตถึงอดีตอนาคตจะเป็นความกังวลและฟุ้งซ่านไป เพราะว่าธรรมทั้งหมดที่พระพุทธองค์ทรงแสดงออกมาจากจิตคือพระทัยที่บริสุทธิ์ทั้งนั้น การดับทุกข์นั้นก็คือการรู้เท่าทันทุกข์ ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย การพิจารณากายให้รู้เท่าทันทุกข์ ให้รู้ตามความเป็นจริง เวลาพิจารณาอย่าใส่สิ่งที่ไม่มีเข้ามา และอย่านำสิ่งที่มีอยู่ออกหรือตัดออก อันนี้จะเป็นความไม่ละเอียดในการพิจารณา การปฏิบัติตามมรรค ๘ นั้น สมาธิมรรคเป็นสำคัญมาก นอกจากนั้นเป็นส่วนปริยาย เมื่อเราปฏิบัติสังเกตด้วยธรรม และอาการของธรรมที่จิตตภาวนา ถ้าจิตเราส่งออกนอกวงกาย จิตนั้นยังไม่เป็นมหาสติ มหาปัญญา จิตนั้นจะเป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่เป็นทางดำเนินอันชอบ
พระอาจารยืมั่น ภูริทัตโต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
golfreeze
|
 |
« ตอบ #43 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2014, 10:14:17 pm » |
|
 “ท่านผู้ไม่หวังมาเกิดอีก ต้องประมวลโลกทั้งสามภพลงในไตรลักษณ์ที่หมุนไปด้วย อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ตามขั้นหยาบละเอียดของภพชาตินั้น ๆ ด้วยปัญญาจนปราศจากความสงสัย อุปาทานที่ว่ายึด ๆ ชนิดแกะไม่ออกนั้น จะถอนตัวออกมาอย่างรวดเร็วจนมองไม่ทันนั่นแล ขอ...แต่ปัญญาเครื่องตัดสิ่งกดถ่วงให้คมกล้าเถอะ ไม่มีอะไรจะเป็นเครื่องมือแก้กิเลสทุกประเภทอย่างทันสมัยเหมือนสติปัญญาเลยในสามภพนี้” พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
golfreeze
|
 |
« ตอบ #44 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2014, 10:14:59 pm » |
|
"นักปฏิบัติ ถ้ามัวแต่เมาในลาภ ในยศแล้ว การปฎิบัติก็ค่อยๆจางลงๆ ทุกที ในที่สุดก็เกิดการฆาตกรรมตัวเอง เอาแต่สบายไม่มีการบำเพ็ญกรรมฐาน ให้ดียิ่งขึ้น มีแต่จะหาชื่อเสียงอยากให้คนนับถือมากยิ่งขึ้น โดยวิธีการต่างๆ นี้คือการฆาตกรรมตัวเอง นักปฏิบัติต้องฝึกตนเองเสมอ..."
พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
|
|
|
|