
นี่ล่ะการฝึกฝนอบรมจิตใจเป็นอย่่างนั้น ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะการฝึกใจเลวที่สุดก็ไม่มีอะไรเกินใจ
เลิศที่สุดก็ไม่มีอะไรเกินใจ เกี่ยวกับการบำรุงรักษาหรือทำลายตัวเอง ใครทำลายตัวเองอยู่ในตัวก็เลวลงๆ
ใครมีการบำรุงรักษาจิตใจให้ดี ก็เรียกว่าเสริมจิตใจให้ดีขึ้นๆ
จนก้าวเข้าถึงธรรมธาตุ พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ท่านเป็นธรรมธาตุเหมือนกันหมด
ธรรมเหล่านี้ไม่ใช่สุดวิสัยของมนุษย์เรา ที่จะปฎิบัติให้รู้ตามเห็นตามจนถึงธ
รรมชาตินี้ อยู่ในวิสัยของผู้บำเพ็ญได้มากน้อย แล้วธรรมนี้จะเข้าเกี่ยวข้องไปเรื่อยๆ
เมื่อบำรุงรักษาให้เต็มที่แล้ว จิตนี้ก็เลยกลายเป็นธรรมธาตุอยู่ในท่ามกลางแห่งธาตุขันธ์
ธาตุขันธ์เป็นธาตุขันธ์ จิตที่บริสุทธิ์แล้วรับผิดชอบเป็นเรื่องธาตุเรื่องขันธ์เพียงเท่านั้น
พอธาตุขันธ์หมดสภาพพังลง อันนี้ก็ดีดผึงออกเป็นธรรมธาตุไปเลย นั่นล่ะธรรมพระพุทธเจ้าสอนจิตให้เลิศเลอขนาดนั้น
ลงจิตถึงขั้นธรรมธาตุแล้วหมดปัญหาโดยประการทั้งปวง ในโลกธาตุที่เป็นแดนสมมุตินี้ไม่มีสมมุติใดเข้าไปเกี่ยวข้องได้เลย
นั่นท่านเรียกว่า วิมุตติ จิตของท่านผู้สิ้นสุดจากเรื่องเหล่านี้แล้วก็เป็นจิตวิมุตติ บริสุทธิ์เต็มสัดเต็มส่วน นิพพานเที่ยงก็คือจิตดวงนั้น
ถ้าไม่ฝึกมันก็ไม่ได้เรื่องได้ราว ต้องฝึก ทุกอย่างต้องฝึก ตั้งแต่ล้มลุกคลุกคลานไป
นานต่อนานก็ค่อยดีขึ้นๆ ก็กลายเป็นจิตที่บริสุทธิ์ได้ เมื่อจิตบริสุทธิ์หมดสิ่งก่อกวนทั้งหลายแล้ว
นิพพานัง ปรนัง สุขัง ก็อยู่ในนั้น นิพพานเป็นสุขอย่่างยิ่ง เป็นสุขเหนือสมุมติทั้งปวง
ก็คือ จิตที่ฝึกฝนอบรมจนถึงขั้นบริสุทธิ์เต็มตัวแล้ว ก็เป็นนิพพานเที่ยงขึ้นมาที่ใจ
ใจนั้นล่ะคือนิพพาน นิพพานทั้งเป็น คือท่านผู้บริสุทธิ์ พากันปฎิบัติเอาบ้างซิ
ไม่ปฎิบัติมันไม่เห็นนะ สิ่งเหล่านี้ไม่เหนือวิสัยของมนุษย์ไปได้
อยู่ในวิสัยของผู้รักใคร่ใกล้ชิดกับธรรมจะได้นำมาเป็นขวัญตาขวัญใจอยู่เป็นสุข
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
ขอบพระคุณข้อมูลจาก : Facebook หอพระพุทธธรรมทิฐิศาสดา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ เว็บ
http://www.kammatan.com