KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับธรรมมะกับมนุษย์ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน ธรรมมะจากพระสงฆ์ สุปฏิปันโน เป็นข้อคิด และแนวทาง เพื่อเป็นแรงใจในการปฏิบัติภาวนาธรรมะที่ถ่ายทอด โดย หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช สวนสันติธรรม ชลบุรี
หน้า: 1 [2] 3
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมะที่ถ่ายทอด โดย หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช สวนสันติธรรม ชลบุรี  (อ่าน 47651 ครั้ง)
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #15 เมื่อ: เมษายน 17, 2016, 09:05:58 PM »



หลวงพ่อไม่รู้หรอกว่าศาสนาพุทธจะอยู่เมืองไทยนานแค่ไหนนะ
แทนที่เอาเวลามาคอยตามพันแข้งพันขาหลวงพ่อ
" ..เอาเวลาไปภาวนา... "
อย่ามาผูกพันอยู่กับครูบาอาจารย์แบบลูกแหง่นะ
ไม่ใช่ลูกวัวลูกควายนะ คอย พันขาพ่อขาแม่ไปเรื่อย..ไม่ใช่
สอนให้เป็นลูกมนุษย์ ผู้มีใจสูง
ต้องเข้มแข็ง ต้องพัฒนาตัวเองนะ
ฝึกตัวเองแล้วก็ช่วยผู้อื่น
เนี่ยรักษาสืบทอดไป
-------------
ค่อยเรียน ค่อยปฎิบัติไปนะ
พวกเราฟังแล้วไปปฏิบัติ
รู้เรื่องแล้วเนี่ย เข้าใจดีแล้วนะ ไปอ่านปริยัติ
มันจะช่วยให้เราแม่นขึ้น
ตอนนี้ถ้าไปเรียนปริยัติก่อน จะภาวนายาก
มันจะคิดมาก
ภาวนาอย่างนี้มันไปคิด นี่ขึ้นวิถีจิตอย่างนี้แล้ว
นี่วิถีจิตชนิดนี้ นี่ชนิดนี้
มันฟุ้งนั่นแหละนะ..ฟุ้ง
ภาวนาไปก่อน จับหลักให้แม่น
ธรรมะทั้งหมดนะอยู่ในกรอบของอริยสัจทั้งนั้นเลยนะ
" ธรรมะทั้งหมดเลย อยู่ในกรอบของอริยสัจ
ถ้าหลุดออกจากกรอบอริยสัจนะ ไม่ใช่แล้วล่ะ "
อย่างนั่งสมาธิแล้วเห็นผี
เห็นโลกพระนิพพาน เห็นอะไรอย่างเนี้ย
ไม่เกี่ยวกับอริยสัจแล้วนะ มันเตลิดเปิดเปิงไปแล้ว
ถ้ารู้ทุกข์เนี่ยนะ
รู้ทุกข์.. ทุกข์คือรูปกับนามนะ รู้ไป ใช้ได้
**********
พระธรรมเทศนาบางช่วงบางตอน
หลวงพ่อ ปราโมทย์ ปาโมชฺโช (-/\-)
แผ่นที่ ๖๔ File ๕๙๐๒๒๐
วัดสวนสันติธรรม
วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #16 เมื่อ: เมษายน 19, 2016, 09:32:55 PM »

อย่าเว้นวรรค.....
การปฏิบัติเหมือนพายเรือทวนน้ำ
ถ้าเว้นวรรคหยุดเมื่อไหร่ จะถอยหลัง
พอถอยหลังหลายๆ หน จะหมดแรง
หมดกำลังใจ สู้ตาย อย่าหยุด
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #17 เมื่อ: เมษายน 24, 2016, 06:31:38 PM »

" ให้เมตตาตัวเองก่อน "
อย่าเบียดเบียนตัวเองนะ
เช่น การทำผิดศีล ๕ อย่าไปทำ
ไปกินเหล้านี่เบียดเบียนตัวเองนะ
ทุกครั้งที่กินเหล้าเข้าไป
เซลล์ในสมองต้องตายไปส่วนหนึ่ง
ถูกแอลกอฮอล์ทำลาย
ทำลายแล้วทำลายเลยไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว
ฉะนั้นจะเสื่อมลงไปเรื่อย ๆ
นี่มันเบียดเบียนตัวเอง
สงสารตัวเองนะ .. อย่าไปกินเหล้า
สงสารตัวเอง .. อย่าไปเป็นชู้กับเขา อย่าไปมีกิ๊ก
สงสารตัวเอง .. อย่าตลบตะแลง
ปลิ้นปล้อนหลอกลวง
สงสารตัวเอง .. อย่าไปรังแกคนอื่น
รักตัวเองได้ก็รักคนอื่นบ้าง
คนอื่นเขาก็รักชีวิตของเขา
สัตว์อื่นเขาก็รักชีวิตของเขา
ค่อยๆ ทำความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมา
แผ่เมตตาให้ตัวเองแล้ว
ก็ค่อยๆ แผ่ไปถึงคนอื่น สัตว์อื่น
ต่อมาเราก็เมตตาคนใกล้ๆ ตัวในบ้านเรา
สามีเรากลับบ้านดึก เราโกรธแล้ว
ก่อนจะโกรธต้องสืบสวนก่อน
ทำไมกลับดึก
บางทีก็จำเป็นต้องกลับดึก
นี่คอยมองในแง่ดีบ้าง
หรือบางทีคนอยู่ด้วยกันทำผิด
เป็นไปได้ไหมอยู่ด้วยกันทำผิด
เป็นไปได้อย่างยิ่ง
โดยเฉพาะคนทุกคนมีโอกาสทำผิดทั้งนั้นแหละ
เขาพลาดพลั้งทำผิดไป
ก็มองด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจบ้าง
ไม่ใช่อาฆาตแค้น

กราบหลวงพ่อปราโมทย์ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
Cr.หนังสือประมวลธรรมเทศนา เล่ม ๓
หน้าที่ ๑๘๕ - ๑๘๖
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #18 เมื่อ: เมษายน 24, 2016, 06:33:22 PM »

บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #19 เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2016, 05:57:43 PM »

บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #20 เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2016, 12:13:12 PM »

วิธีปฏิบัติของหลวงพ่อ
หลวงพ่อภาวนาด้วยวิธีอย่างนี้
ตกค่ำ ไหว้พระสวดมนต์ ทำสมาธิ เดินจงกรม
เป็นข้อวัตรก็ทำไปทุกวัน
วันไหนเหน็ดเหนื่อยฟุ้งซ่านมาก
ก็ทำเพื่อความสงบ
วันไหนจิตใจสงบดีแล้ว เราไหว้พระสวดมนต์
รู้ความเปลี่ยนแปลงของกายของใจไปเรื่อยๆ
อย่างเราเห็นปากมันอ้ามันหุบ
เห็นร่างกายมันสวดมนต์ ใจเราเป็นคนดู
เรารู้สึกเลยตัวที่กำลังอ้าปากอยู่นี้
ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา
หรือเรานั่งภาวนา หายใจเข้าหายใจออกอยู่
ใจหนีไปคิดก็รู้ทัน ใจไปเพ่งลมหายใจรู้ทัน
ใจเป็นอย่างไรรู้ทัน
หรือบางทีจิตรวมเข้าไปนะ
เห็นแต่สภาวธรรมบางอย่างที่มันไหวๆ อยู่ภายใน
ไม่รู้ว่าคืออะไร
พอจิตเรารวมเข้าภายใน
เราเห็นข้างในมีความกระเพื่อมไหวอยู่
แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร ก็ไม่จำเป็นต้องรู้
เราก็รู้สภาพไหวๆ นั้นไป
พอเรารู้สภาพไหวๆ แล้วจิตเราถลำลง
เราก็รู้ทันว่าจิตถลำลงไป
เราดูความเคลื่อนไหวภายในแล้วจิตเกิดสงสัยว่าอันนี้คืออะไร
รู้ว่าสงสัย
การภาวนานี่จะไม่เว้นวรรคเว้นตอนนะ
ค่อยๆ ฝึกอย่างนี้

กราบพระพุทธเจ้าด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
กราบหลวงพ่อปราโมทย์ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
Cr.หนังสือประมวลธรรมเทศนา หน้าที่ ๓๓๐
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #21 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2016, 01:29:59 PM »

ที่ไหนมีกายมีใจอยู่นะ ก็มีธรรมะอยู่
เพราะธรรมะก็คือกายกับใจเรานี่เอง
กายก็เรียกว่ารูปธรรม ใจก็เรียกว่านามธรรม
เป็นธรรมะ

งั้นเรียนธรรมะนะ ไม่ต้องเรียนที่อื่นหรอก
ให้เรียนที่กายที่ใจของตัวเอง
มีสติรู้กายรู้ใจไปเรื่อยๆ อย่าลืมมัน
ไม่มีอะไรมาก...ง่าย

มีสติรู้กายรู้ใจลงปัจจุบัน

งั้นเราคอยรู้สึกนะ รู้สึกตัวไว้เรื่อยๆ
แล้วก็ขยันดู ไม่ใช่นานๆ รู้สึกทีนึง
นานๆ รู้สึกทีนึง เวลาส่วนใหญ่ก็หลงผิดไป

นี้บางคนนะสงสัยว่า......
เอ้..ภาวนานานแล้วไม่ได้ผลสักที

คือเราสะสมทั้งความรู้ถูกความเข้าใจถูก
แล้วก็สะสมความเข้าใจผิดไปด้วยพร้อมๆกันแหละ
สลับกันไป

แต่ถามตรงๆนะ คนไหนที่อยากบรรลุเร็วๆ
หลวงพ่อถามตรงๆ
วันหนึ่งๆ นะ จิตเป็นกุศลมาก
หรือจิตเป็นอกุศลมากกว่ากัน
จิตรู้สึกตัว หรือจิตหลงมากกว่ากัน
หลงใช่มั้ย..? หลงไป ๕ นาที
แล้วรู้สึกแว๊บนึง นึกออกมั้ย..?
หลงไป ๑ นาที รู้สึกแว็บนึง นี่เก่งมากแล้วนะ
หลงไป ๑๐ วินาที รู้สึกแว๊บนึง
เนี่ยถ้าเทียบสัดส่วนกันสิ เทียบกันไม่ติดหรอก

ยังดีว่า.....
ธรรมะนะ มันไม่ใช่ว่า.....
ต้องรู้ตัว ๑ นาที แล้วไปล้างความไม่รู้ตัว ๑ นาที
มันไม่ใช่ขนาดนั้น

. . . . . . . . . . .

ตลอดเวลาที่ผ่านมานะ
เราสะสมแต่ความรู้ผิดความเข้าใจผิด
ตั้งแต่เกิดมาเราก็รู้สึกตลอดใช่มั้ย..มีตัวเรา ๆ
ในนี้มีเราอยู่คนนึง

ร่างกายนี้ยังหน้าตาเปลี่ยนไปเรื่อยๆนะ
ตอนเด็กๆ ก็หน้าตาอย่างนึง
โตขึ้นมาหน้าตาอย่างนึง
แต่ในนี้มีเราอยู่คนนึงซึ่งไม่เคยเปลี่ยนเลย
รู้สึกในใจเรานี้เอง..คือเป็นตัวเรา

ไม่ว่าทำอะไรตลอดมา
ก็ทำเพื่อสนองความมีตัวเราตลอด
เพื่อย้ำกับตัวเองว่า ฉันยังอยู่ๆ
ไม่ว่าทำอะไรนะ ลองไปสังเกตดู
มันเพื่อย้ำตัวเองเท่านั้นนะว่า ฉันยังอยู่นะ ฉันยังอยู่ในโลก

อย่างบางคนนะ ต้องการให้มีเพื่อนฝูงยอมรับ
ทำไมต้องการมีเพื่อนฝูงยอมรับ..?
เพื่อจะได้ประกาศยืนยันว่า ฉันยังอยู่นะ
ฉันยังมีตัวมีตนอยู่ในโลกจริงๆ
ทำไมฉันต้องใช้กระเป๋าหลุยส์วิตตอง
เพื่อฉันยังอยู่ ฉันยังมีอยู่

ทุกสิ่งทุกอย่างนะ ไม่ว่าทำอะไรนะ
เบื้องหลังมันนะ เพื่อจะประกาศ เพื่อจะยืนยัน
เพื่อจะย้ำกับตัวเองนะ ว่าฉันยังอยู่

..... งั้นไม่มีอะไรเลยที่รักมากกว่าตัวเอง
รักตัวเองที่สุดเลย หวงแหนตัวเองที่สุดเลย
ตลอดเวลาก็สะสมมาแต่สิ่งเหล่านี้

ต่อเมื่อมาหัดเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
มามีสติรู้กายรู้ใจไป ตามความเป็นจริง
พึ่งจะเห็นบ้างว่า.....
ว่ากาย(รูปธรรม)...ไม่ใช่ตัวเรา
เวทนา... คือความรู้สึกสุขรู้สึกทุกข์ ไม่ใช่เรา
สัญญา... คือความจำได้ ความหมายรู้ ไม่ใช่ตัวเรา
ตัวสังขาร.. คืิอความปรุงดีปรุงชั่วทั้งหลาย..ไม่ใช่ตัวเรา

นี้ต้องมีสตินะ
มีใจตั้งมั่น(สัมมาสมาธิ)ขึ้นมา แล้วก็เห็น
แต่ยังไม่เห็นว่าจิตไม่ใช่ตัวเรา
รู้สึกมั้ย..? เห็นสิ่งโน้นสิ่งนี้ไม่ใช่ตัวเรา
เหลืออันนึง เหลือจิตเป็นตัวเราอยู่

. . . . . . . . .

..... กระทั่งการภาวนา
บางคนทุ่มเทการภาวนาแทบเป็นแทบตายนะ
เบื้องลึกลงไปนะ ก็คือเพื่อรักษาความเป็นตัวเราไว้อีก
ภาวนา เราต้องทุ่มเทนะ สู้ตายนะ
เพื่อวันนึง..เราจะได้ดี
นี่ภาวนาเอาดีนะ

..... ภาวนา ถ้าชุ่ยกว่านั้นนะ
ภาวนาเอาชื่อเสียง
ภาวนาเพื่อให้คนเค้ายอมรับว่าเราเป็นนักภาวนา
เห็นมั้ย..ให้สังคมยอมรับ
เพื่อประกาศอัตตาให้เราเป็นนักภาวนา

..... บางคนก็ภาวนาหาลาภสักการะ มีทรัพย์สมบัติมาก
มีเยอะนะ ภาวนามีทรัพย์สมบัติมาก มีของมาก
ก็เพื่อประกาศอัตตา

นี่ไม่ว่าเราทำอะไรนะ
ถือศีลก็ภูมิใจ ว่าฉันเป็นคนมีศีลนะ แกไม่มีศีล
มีฉันมีแกขึ้นมาอีกแล้ว มันประกาศอัตตา

ไม่ว่าทำอะไรนะ กระทั่งทำความดี

ภาวนาเนี่ย
ฉันนั่งโต้รุ่งได้ คนโน้นนั่งไม่ได้ สู้ฉันไม่ได้
ฉันอดข้าวได้ทีนึงตั้ง ๗ วัน ฉันเก่งกว่า
เนี่ย แต่ละอย่างๆ หรือฉันเดินจงกรมได้ทน
เดินได้จนเท้าแตก..ภูมิใจ

"... ถ้าทำความเพียรจนเท้าแตก..อันนั้นดีนะ
แต่ถ้าทำสนองอัตตาจนเท้าแตก
อันนั้นกิเลสยิ่งหนา.."

งั้นกระทั่งภาวนานะ ก็อดจะเพื่อเซิร์ฟอัตตาไม่ได้

. . . . . . . . .

..... ยากมากนะที่เราจะภาวนาจนกระทั่งทะลุลงมา
แล้วยอมรับความจริงได้ว่า.....
"กายนี้ใจนี้ ไม่ใช่ตัวเราหรอก" ตัวเราไม่มี

พวกเราบางคนมาหัดภาวนา
เริ่มเห็นความจริงแล้ว..ว่าตัวเราไม่มี

คนที่มาเรียนกับหลวงพ่อตอนนี้
แล้วเห็นว่าตัวเราไม่มีเนี่ย เยอะแล้ว
แต่ยังยอมรับไม่ได้

พอรู้สึกว่าตัวเราหายไปเนี่ย
บางคนกลัวเลย บางคนรู้สึกเวิ้งว้าง รู้สึกโหวงๆ
ตายแล้วชีวิตนี้ไม่มีที่พึ่งที่อาศัยแล้ว
ตัวเราหายไปแล้ว

บางคนเบื่อ.....
เบื่อทุกสิ่งทุกอย่างในโลก
น่าเบื่อ ตัวเราหายไปแล้ว ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร
แต่พอตัวตนเกิดขึ้นแล้วภูมิใจ ดีใจ ตัวตนมาแล้ว
.

..... งั้นภาวนานะ บางคนจะเห็นเลย
ในความเป็นจริงแล้ว ขันธ์ ๕ คือกายนี้ ใจนี้
ไม่ใช่ตัวตนหรอก
ความเป็นตัวเป็นตนนะมันผุดขึ้นมาเป็นคราวๆ
มันปรุงขึ้นมาเป็นคราวๆ มันคิดขึ้นมาเป็นคราวๆ
พอเห็นมัน ถ้ามีสติรู้ทันมัน
มันก็จะสลายตัวไป ว่างเปล่าจากความเป็นตัวตน

. . . . . . . . . . .

*** เนี่ยภาวนาไปจนวันหนึ่งใจยอมรับนะ
ไม่มีตัวตนก็ไม่กลุ้มใจ ไม่เบื่อหน่ายนะ ไม่ทุกข์ร้อน เห็นจริงๆ เอ้อ..จริงๆกายนี้ ใจนี้ ไม่ใช่ตัวเราหรอก
ถ้าเห็นอย่างนี้ มากเข้าๆนะ
วันนึงปัญญามันแจ้ง ยอมรับความจริง
ไม่ใช่ยอมรับด้วยเหตุด้วยผลแล้ว
"แต่ยอมรับด้วยใจ"

ตรงที่ยอมรับความจริงด้วยใจนี้
ก็เรียกว่ามีดวงตาเห็นธรรม ยอมรับธรรมะแล้ว
ตัวเราจริงๆไม่มีหรอก

พอตัวเราไม่มีแล้ว ใครมันทุกข์..?
มีความทุกข์มั้ย..? ...มี
ใครมันทุกข์..?
กายมันทุกข์ ใจมันทุกข์ แต่ไม่ใช่เราทุกข์
หรือขันธ์มันทุกข์ไม่ใช่เราทุกข์
มีความทุกข์แต่ไม่มีผู้ทุกข์
เนี่ยพวกเป็นพระโสดาบันจะรู้สึกอย่างนี้
มีความทุกข์แต่ไม่มีผู้ทุกข์

ส่วนยังเป็นปุถุชนอยู่ มีความทุกข์
แล้วก็มีเราผู้เป็นทุกข์ด้วย
พอความทุกข์อยู่ที่กาย ก็ร่างกายของเราเป็นทุกข์
ใจเราเป็นทุกข์ ตัวเราเป็นทุกข์ รู้สึกอย่างนี้
.

..... งั้นภาวนาต้องใจเย็นๆนะ
กว่าใจจะยอมรับความจริงเนี่ย มันยอมรับได้ยาก
ที่ยอมรับยาก "เพราะเห็นน้อยไป"
เห็นความจริงน้อยไป ต้องเห็นนานๆ เห็นบ่อยๆ
เห็นซ้ำแล้วซ้ำอีก ว่าตัวเราไม่มี ๆ

ความเป็นตัวตน
เกิดจากความคิดปรุงแต่งขึ้นมาเป็นคราวๆ
เมื่อไหร่ขาดสตินะ ก็หลงว่า มีตัวเราๆ
นี้วันๆหนึ่งนะ ขาดสติเยอะ-- ขาดสติเยอะ รู้สึกตัวน้อย

.....เพราะฉะนั้น
ทั้งวันนะ ส่วนใหญ่ก็คือมีแต่ตัวตนทั้งนั้นเลย
งั้นต้องอดทน อย่าใจร้อน
ไม่ใช่ภาวนา ดูปุ๊บๆ ปั๊บๆ แล้วก็ยอมรับความจริง
จิตยอมรับแล้วว่าตัวเราไม่มี มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก

มีเหมือนกันบางคนภาวนาเร็ว
ใช้เวลาไม่กี่เดือน ภาวนาเร็ว
อันนั้นเค้าเคยลำบากมามากแล้ว
เคยภาวนามามากแล้ว
ชีวิตนี้เกิดมาเลยภาวนาได้เร็ว ภาวนาได้ง่าย

_/|\_ _/|\_ _/|\_

#หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ 27
File : 511031A

พระธรรมเทศนาระหว่างนาที 0:24 -- 9:08

ดาวน์โหลดไฟล์เสียงธรรมะได้ที่
Dhamma.com
.....
กราบคุณพระรัตนตรัยด้วยความเคารพอย่างสูง
กราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #22 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2016, 01:31:21 PM »

บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #23 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2016, 08:40:26 PM »

" พ่อแม่มีบุญคุณมากที่สุดเลย
เพราะพ่อแม่ให้ตาหูจมูกลิ้นกายมาให้เรา "
พระพุทธเจ้าสอนเอาไว้นะ
ว่าพ่อแม่มีบุญคุณมากที่สุดเลย
เพราะพ่อแม่ให้ตาหูจมูกลิ้นกายมาให้เรา
ให้โลก ให้เราสัมผัสกับโลกได้
เหมือนพ่อแม่ให้โลกกับเรา
ฉะนั้นบุญคุณของพ่อแม่นี่มากมาย

กราบพระพุทธเจ้าด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
กราบหลวงพ่อปราโมทย์ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
Cr.หนังสือประมวลธรรมเทศนา หน้าที่ ๕๔๗
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #24 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2016, 07:50:32 AM »

เราใช้สภาวะร่างกายของมนุษย์ธรรมดาที่เรามีนี่แหละ

เราใช้จิตใจของมนุษย์ธรรมดาอย่างที่เรามีนี่แหละ

เป็นของดีของวิเศษ เป็นต้นทุนที่เรามีอยู่

เป็นต้นทุนที่ดีมากๆเลยนะ ในการภาวนา

ร่างกายของเราที่ไม่เอาไหนนี่แหละ

เป็นต้นทุนของการภาวนา ไม่สุขมากไป ไม่ทุกข์มากไป

จิตใจของเราก็เป็นต้นทุนการภาวนาที่ดี

มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่สุขเกินไป ไม่ทุกข์เกินไป

ไม่ดีเกินไป ไม่ชั่วเกินไป หมุนเวียนเปลียนแปลงไปเรื่อยๆ
...........................

นอบน้อมกราบสาธุ สาธุ สาธุ
ในพระธรรมโอวาท...หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช เจ้าค่ะ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #25 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2016, 10:07:32 AM »

ถ้าผิดแล้วอย่าไปคิดซ้ำ

อยู่ในโลกนะ พระพุทธเจ้าบอกว่า
อยู่ในโลกนะ จะประพฤติธรรม
จะถือศีลให้บริสุทธิ์หมดจดนี่ยาก
เพราะโลกมันสกปรก
แต่ว่าเมื่อเราทำผิดศีลผิดธรรมไปแล้วเนี่ย
" อย่าไปคิดซ้ำ "
เราต้องแบ่งเวลาเราเป็นช่วงเล็กๆ
นาทีนี้เราพลาดไปแล้ว โกหกไปแล้ว
เวลาที่เหลืออีกสามชั่วโมง ไม่ได้โกหก
เห็นไหม ส่วนที่ดีมีเยอะนะ
แต่เราก็ไม่มองส่วนที่ดี เรามองแต่ส่วนที่เลว
เหมือนเรามีผ้าขาวหนึ่งผืน สะอาดขาวทั่วผืนเลย
มีอะไรเปื้อนอยู่นิดเดียว เราจะดูแต่รอยเปื้อน
เราไม่ดูว่าผ้าส่วนใหญ่มันสะอาด
เราจะไปวนเวียน โอ้ย เปื้อนอยู่นั่น เปื้อนอยู่นั่น
คิดซ้ำอยู่อย่างนี้แหละนะ
ให้ดูนะ
ส่วนที่ดีมันเยอะกว่าส่วนที่ไม่ดี
จะไม่ให้มันไม่ดีเลยเนี่ย ไม่ได้
อยู่กับโลกมันก็เป็นอย่างนั้นแหละ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #26 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2016, 11:48:30 AM »

ชิงธงในสงครามใหญ่ ครั้งสุดท้ายของชีวิต

หนึ่ง ถือศีล ๕
สอง ฝึกในรูปแบบ
สาม การเจริญสติในชีวิตประจำวัน ตัวนี้ล่ะ ตัวแตกหัก
ถ้าเราซ้อมมาดี ทำในรูปแบบ คือการซ้อมที่จะปฏิบัติ
เหมือนนักมวยเข้าค่ายซ้อม
การเจริญสติในชีวิตประจำวัน คือการขึ้นชกมวยจริงๆ
ขึ้นเวทีจริงแล้ว จะแพ้จะชนะ เดี๋ยวก็รู้
หรือเหมือนทหาร ตอนที่ทำในรูปแบบเหมือนการซ้อมรบ
ตอนที่ปฏิบัติในชีวิตประจำวัน คือการออกสนามรบ
แล้วสนามรบที่ทุกคนจะต้องเจอครั้งสุดท้าย
เป็นสนามรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลย
ในชีวิตเราแต่ละคน คือวาระที่ใกล้จะตาย
วาระนั้นครูบาอาจารย์บอกว่าสงครามใหญ่ครั้งสุดท้ายตอนนั้น
เป็นสงครามที่ไม่แพ้ก็ชนะ ไม่มีเสมอ
ครูบาอาจารย์บางองค์ท่านสอนถึงขนาดนี้
ว่าที่เราฝึกกันแทบเป็นแทบตายก็เพื่อนาทีสุดท้ายนี่ล่ะ
ไปชิงธงกัน ว่าจะชนะหรือจะแพ้
แต่ถ้าเราบรรลุมรรคผลแล้ว ตรงนี้ไม่มีความหมาย
แต่เรายังไม่บรรลุมรรคผลนี่ ไปชิงเอานาทีสุดท้าย
ว่าจิตดวงสุดท้ายของเราจะเป็นกุศลหรือจิตอกุศล
แล้วจิตที่เป็นกุศลอกุศล..บุญบาปนั่นล่ะ
จะพาเราไปสูภพภูมิใหม่
อย่าไปนึกว่าตายแล้วสูญ มันมองไม่เห็นเอง
ฉะนั้นเรามาฝึกภาวนาเข้า บางคนก็เห็น บางคนก็รู้อยู่
มันไม่ใช่ตายแล้วสูญไป
สงครามใหญ่ครั้งสุดท้ายกำลังรอเราอยู่ข้างหน้า
ต้องเจอแน่นอน
เพราะฉะนั้นเราฝึกตัวเองให้พร้อม
คนไหนที่จะพร้อม ?
คนที่มั่นใจในความดีของตนเองจะพร้อม
ถ้าเราไม่มีความมั่นใจในคุณงามความดีของตัวเอง
นาทีสุดท้ายจะไม่มีความพร้อมเลย
จะมีแต่ความกลัว ความหวั่นไหว
กลัวอะไร ?
กลัวความสูญเสียในสิ่งที่มีอยู่
กลัวว่าจะต้องไปเจอสิ่งซึ่งไม่ดี ไม่ดีอย่างเก่า
นี่ ใจมันจะกังวล
แต่ถ้าใจเรามีศีลมีธรรมสืบเนื่องไปเรื่อยๆ ไม่กลัวหรอก
มันมีความมั่นใจในตัวเอง
ทำสงครามด้วยความมั่นใจ กับทำสงครามด้วยความลังเลใจ
ฝีมือไม่เท่ากันหรอก
ฉะนั้นฝากเราฝึกนะ


ส่วนหนึ่งของพระธรรมเทศนา
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
ณ วัดสวนสันติธรรม
วันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
จากซีดีแสดงธรรม แผ่นที่ ๖๒ ไฟล์ 581108A
Cr. ธรรมะโดนใจ ๔ หน้า ๖๐-๖๒
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #27 เมื่อ: ธันวาคม 30, 2016, 09:07:05 PM »

"ปัญหาที่เกิดขึ้น ก็ส่วนปัญหา แต่ใจไม่ทุกข์"
โลกเต็มไปด้วยปัญหา
คนเต็มไปด้วยความทุกข์
ถ้าคนไม่มีสติปัญญาก็จะแยกไม่ออกว่า
ปัญหากับความทุกข์เป็นคนละส่วนกัน
โลกมันไม่เที่ยง มันเคลื่อนไปเรื่อยๆ
ปัญหาก็เกิดขึ้นตลอดเวลา
เช่น สุขภาพ เรารักษาเอาไว้ดีแล้ว ไม่นานก็ป่วย
เพราะมันไม่เที่ยง
ในชีวิตเต็มไปด้วยของไม่เที่ยง
ถ้าใจยอมรับความจริงได้
ว่าทุกอย่างในโลกนี้ไม่เที่ยง
ใจก็จะไม่ทุกข์
"ปัญหาที่เกิดขึ้น ก็ส่วนปัญหา แต่ใจไม่ทุกข์"
ถ้ายอมรับความจริงไม่ได้ว่าโลกมันไม่เที่ยง
เกิดปัญหาขึ้นมา ใจจะทุกข์
มันอยู่ที่ว่าใจเรายอมรับได้หรือยอมรับไม่ได้
กราบหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
ด้วยความเคารพอย่างสูง
_/|\_ _/|\_ _/|\_
Cr. อริยสัจเพื่อความพ้นทุกข์ หน้า ๓๐
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #28 เมื่อ: มกราคม 06, 2017, 08:41:26 AM »

ในโลกนี้บกพร่องอยู่ตลอดเวลา
ไม่เคยเต็ม ไม่เคยอิ่ม
"..พยายามเจริญสติให้มากๆ ไว้
อะไรเกิดขึ้นในชีวิตเราเมื่อไรเราไม่รู้หรอก
อย่างความตายจะมาถึงเมื่อไร เราไม่รู้นะ
เราไม่ตาย คนใกล้ตัวเราอาจจะตายก็ได้
เพราะฉะนั้น ชีวิตนี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
เศรษฐกิจก็ไม่แน่นอนนะ
ทางด้านสังคมก็มีโรคระบาด มีอะไรอย่างนี้อีก
มันมีความไม่แน่นอน การเมืองก็กระเพื่อมไหว
ทุกอย่างมีแต่ความไม่แน่นอน
บนความไม่แน่นอนนี้
สิ่งที่จะช่วยเราได้คือ ธรรมะ
ธรรมะจะช่วยให้จิตใจของเรามั่นคง
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ใจเราก็ยังอยู่ของเราได้
ไม่กระเพื่อมขึ้นกระเพื่อมลง
คนซึ่งมีความทุกข์นี่เพราะว่าใจไม่มีปัญญา
ความทุกข์มันมาได้ เพราะใจเรายอมรับสภาวะ
ที่กำลังปรากฏต่อหน้าต่อตาไม่ได้ เช่น
เราจะต้องเจ็บป่วย เรายอมรับไม่ได้
ความทุกข์ทางใจมันก็เกิดขึ้น
เราจะต้องแก่ ยอมรับไม่ได้ว่าจะต้องแก่
ความทุกข์ทางจิตใจก็เกิดขึ้น จะต้องตาย
ยอมรับไม่ได้ก็ทุกข์อีก
จะต้องพลัดพรากจากคนที่รัก
จะต้องเจอสิ่งที่ไม่รัก อะไรอย่างนี้
จะต้องผิดหวังในชีวิตบ้าง
ถ้าเรายอมรับความจริงได้ว่า
ชีวิตมันเป็นอย่างนี้แหละ
ทุกอย่างผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
ผ่านมาแล้วผ่านไปตลอดเวลา
ยอมรับความจริงตรงนี้ได้ ใจก็ไม่ทุกข์
ที่ใจมันทุกข์เพราะมันไม่ยอมรับความจริง
อยากฝืนความจริง เช่น
อยากมีความสุขถาวร อยากสงบถาวร
อยากดีถาวร อะไรดีๆ อยากจะให้ถาวร
อะไรไม่ดีก็อยากให้มันไม่มีถาวร
อยากถาวรเหมือนกัน แต่ถาวรในเชิงลบ
ไม่มี อยากไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย
ไม่พลัดพราก ไม่ทุกข์
เรามาหัดภาวนา
ไม่ใช่เพื่อว่าเราจะได้ไม่ต้องเจอ ความเจ็บ
ความแก่ ความตาย ความพลัดพราก ความไม่สมหวัง
แต่เราภาวนาเพื่อให้เห็นความจริง
ความจริงในโลกนี้มันบกพร่องอยู่ตลอดเวลา
มันไม่สมอยากหรอก
มีแต่ความไม่สมอยากเกิดขึ้นตลอดเวลา
อยากอย่างนี้มันไม่ได้ อยากอย่างนี้มันได้
ได้มาแป๊บเดียวก็หายไป อยากอย่างอื่นอีกแล้ว
ในโลกนี้บกพร่องอยู่ตลอดเวลา
ไม่เคยเต็ม ไม่เคยอิ่ม เรามาหัดภาวนา
มาดูของจริง ดูลงในกาย ดูลงในใจ
กายกับใจเป็นสิ่งที่เราเห็นว่าเป็นตัวเรามากที่สุด
เรารักที่สุดคือกายกับใจนี้
มาภาวนาก็มาดูลงที่กายที่ใจแล้วจะเห็นเลย
ทุกอย่างที่ปรากฏขี้นที่กายที่ใจนี้
เป็นของชั่วคราวทั้งหมดเลย..."

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๒
CD ศาลาลุงชิน ๓๑
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #29 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2017, 08:50:50 AM »

ถ้าเข้าใจแล้ว
เราจะลดเวลาการที่จะปฏิบัติลงไปได้เยอะเลย
บางคนไม่รู้หลักของการปฏิบัตินะ
ทุ่มเทปฏิบัติตลอดชีวิต ไม่ได้ผล

บางทีไปติดในภาวะอันใดอันหนึ่ง
คิดว่าทำอย่างเนี้ย แล้วจะหลุดพ้น
มันเสียเวลาเป็นชาติๆเลย
บางทีเสียเวลาเป็นกัปป์เลยนะ

.
ถ้าเราฟังธรรมให้รู้เรื่องซะก่อนนะ
แล้วลงมือปฏิบัติเนี่ย
ภพชาติมันจะสั้นลง น้อยลง วัฏฏะมันจะสั้นลง
งั้นลงมือปฏิบัติต่อเมื่อรู้เรื่องแล้ว รู้หลัก

.
ถ้าสังเกตให้ดีนะ
ท่านสอนเริ่มจากสัมมาทิฐิ

จะเจริญมรรคเนี่ย
สัมมาทิฐิเป็นเบื้องต้น(ความเห็นที่ถูกตรง)
สัมมาสมาธิเป็นเบื้องปลาย (ความตั้งใจมั่น)

นึกออกมั้ย
ทำไมเริ่มจากสัมมาทิฐิก่อน..?
ต้องเรียนให้รู้หลัก รู้วิธีปฏิบัติก่อน
พอรู้วิธีปฏิบัติแล้วนะ ก็ตั้งใจที่จะปฏิบัติเอา
มีความดำริชอบ วางใจให้ถูกก่อน
รู้วิธีปฏิบัติ แล้วดำริผิดนะ ไปไม่รอด

อย่างพวกเราบางคนนะ
มาฟัง รู้วิธีปฏิบัติแล้ว ดำริที่จะอยู่กับโลก
หมกมุ่นอยู่กับกาม
วันๆ คิดแต่จะหาความเพลิดเพลิน
ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย
นี่มีความดำริไม่ถูก มีกามวิตก
ตรึกไปในกาม ตรึกไปในทางไม่ถูกต้อง

ต้องคิดออกจากกาม
คิดออกจากความวุ่นวายขัดเคืองทั้งหลาย
รู้หลักแล้วก็วางใจให้ถูก

พอวางใจถูกแล้ว ก็ลงมือรักษาศีล
ก็มา สัมมาวาจา (การพูดจาชอบ)
สัมมากัมมันตะ (การทำการงานชอบ)
สัมมาอาชีวะ (การเลี้ยงชีวิตชอบ)
(กลุ่มของศีล ในอริยมรรคมีองค์ ๘)

ทำไม เริ่มสัมมาวาจาก่อน นึกออกมั้ย
ทำไม เน้นมาที่สัมมาวาจาก่อน..?
ก่อนจะภาวนา พูดมากปากพล่อย
ใจมันจะสงบได้ยังไง
ยิ่งปากเสีย ว่าคนโน้นว่าคนนี้ ด่าคนโน้นคนนี้
ไม่มีทางหรอกที่ใจจะสงบ

แล้วก็ถือศีลส่วนที่เหลือ
ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม
นี่ สัมมากัมมันตะ

การดำรงชีวิต มีสัมมาอาชีวะ(การเลี้ยงชีวิตที่ชอบ)
เลี้ยงชีวิตในทางที่ถูกที่ควร
ไม่เบียดเบียนตัวเอง ไม่เบียดเบียนคนอื่น

อาชีพบางอย่าง
ก็เบียดเบียนตัวเอง บางทีก็เบียดเบียนคนอื่น
ก็เลือกอาชีพที่ดี
อย่างพวกค้าอาวุธ พวกอะไรพวกนี้นะ
ค้ายาพิษ ค้ามนุษย์ อะไรอย่างนี้ ไม่ดี
นี่ มิจฉาอาชีวะ (การเลี้ยงชีวิตที่ผิด)

เห็นมั้ย เป็นการปรับพฤติกรรมของเรา
ปรับสิ่งแวดล้อมที่รอบๆ ตัวเราก่อน
อาศัยความเห็นที่ถูก
อาศัยความดำริ ความตั้งใจที่ถูก
ลงมือรักษาศีล

รู้วิธีปฏิบัติ มีความดำริ ที่ถูกต้อง
ที่จะออกจากสิ่งพัวพันทั้งหลาย
ลงมือรักษาศีล
ถัดจากนั้น ก็เรื่องของการฝึกจิตใจแล้ว
เรื่องของการฝึกจิตใจ
มีความเพียรชอบ มีสติ มีสมาธิ

.
การฝึกจิตนั้น มีความเพียรชอบ

ฝึกยังไง มีความเพียรชอบ..?
ขยันเดินจงกรม เรียกว่าเพียรชอบมั้ย..?
เดินจงกรมวันละห้าชั่วโมง เรียกว่าเพียรชอบมั้ย..?
หรือนั่งสมาธิ วันละสิบชั่วโมง
เป็นความเพียรชอบรึเปล่า..?
ไม่ใช่

คำว่า
ความเพียรชอบ ของพระพุทธเจ้านะ
เพียรละอกุศลที่มี เพียรปิดกั้นอกุศลใหม่ ไม่ให้เกิด
เพียรทำกุศล ให้เกิด
เพียรรักษากุศลที่เกิดแล้วเนี่ย
ให้คงอยู่ ให้งอกงามขึ้นไป
(สัมมาวายามะ)

งั้นความเพียรชอบเนี่ย
เป็นเรื่องของกุศลกับอกุศล เท่านั้นเอง

งั้นเดินจงกรมหามรุ่งหามค่ำ
ด้วยใจที่โลภ อยากบรรลุมรรคผล
กิเลสไม่กระเทือนเลยนะ สนองกิเลส
อันนั้น ไม่ใช่ความเพียรชอบ
อันนั้น เป็นอัตกิลมถานุโยคทันทีเลย

.
แต่ถ้าเดินจงกรมอยู่
แล้วรู้วัตถุประสงค์นะ
เดินสังเกตกิเลสไป
เดินสู้กับกิเลสของตัวเองไปนะ
กิเลสมันขี้เกียจ ก็ไม่ยอมขี้เกียจ ลุกขึ้นเดิน
อย่างนี้ เรียกว่ามีความเพียร
ทุกก้าวที่เดิน ก็มีความเพียรอยู่

เพราะฉะนั้น
"ขาดสติเมื่อไหร่ ขาดความเพียรเมื่อนั้น"
งั้นเดิน งุดๆๆๆไป กลุ้มใจ
จิตใจไม่สบายเลย จมอยู่กับกิเลส
เนี่ย ไม่ได้ปิดกั้นกิเลส ไม่ได้ละกิเลส
ไม่ใช่ความเพียรชอบ เพราะไม่มีสติ

.
ถ้ามีสติแล้ว
ทำไมกลายเป็นความเพียรชอบได้..?
เพราะทันทีที่เกิดสตินะ
อกุศลที่มีอยู่นะ จะดับ
อกุศลใหม่ที่จะเกิดนะ เกิดไม่ได้
ทันที ที่มีสตินะ กุศลได้เกิดขึ้นแล้ว
มีสติเนืองๆ กุศลเจริญงอกงาม

งั้นเมื่อไหร่มีสติ
เมื่อนั้นมีความเพียร
มันอยู่ในกลุ่มเดียวกันนะ
สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ
(อยู่ในกลุ่มของสมาธิ--ผู้ถอดความ)

.
มีความเพียรไปเรื่อยๆนะ
จิตใจตั้งมั่นขึ้นมาคอยรู้คอยดู
ดูธาตุดูขันธ์มันทำงาน
เรียนรู้ความจริงของมันเรื่อยไป มีสติ

สติตัวนี้คือสติปัฏฐาน
สติระลึกรู้รูป(กาย) สติระลึกรู้นาม(ใจ)
เป็นไปเพื่อลดละกิเลส อันนี้เรียกว่า
มีความเพียรที่ถูกต้อง มีสติที่ถูกต้อง

.
มีสติเดินไม่ตกถนน ขับรถไม่ตกทาง
อันนั้น ไม่ใช่สัมมาสตินะ
(เป็นสติที่ใช้อยู่กับโลก--ผู้ถอดความ)

.
สัมมาสติเนี่ย
ท่านอธิบายไว้ด้วยสติปัฏฐาน
คือ สติระลึกรู้รูป-นาม(ขันธ์ ๕)

พอมีสติระลึกรู้รูป-นามแล้วเนี่ย
อย่างเราเห็นความโกรธเกิดขึ้น ใจไม่ชอบ
เห็นความโลภเกิดขึ้น ใจไม่ชอบ
เห็นกุศลเกิดขึ้น ใจชอบ
เนี่ยจิตมันยินดียินร้ายขึ้นมา

หรือเราเห็นความสุขเกิดขึ้น ใจมันชอบ
เห็นความทุกข์เกิดขึ้น ใจไม่ชอบ
จิตมีความยินดียินร้ายขึ้นมานะ
ให้เรามีสติรู้ทันเข้าไปอีก

.
เห็นมั้ย
มีความเพียร มีสติ
ระลึกรู้รูปนามทั้งหลายไป
แล้วถ้าจิตเกิดยินดียินร้ายขึ้นมา รู้ทันมัน
ทันที ที่รู้ทันมัน ความยินดียินร้ายดับลง
สัมมาสมาธิจริงๆ ก็จะเกิดขึ้น สมาธิจริงๆ จะเกิดขึ้น

งั้นสมาธิในสติปัฏฐานเนี่ย ไม่ใช่แค่เข้าฌาน
จุดสำคัญ ของสมาธิในสติปัฏฐานเนี่ย
คือความเป็นกลาง
"ตั้งมั่นอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเป็นกลางด้วย"
ไม่หลงยินดีไม่หลงยินร้าย

เวลายินดี อะไรเกิดขึ้น
จิตกระเพื่อมมั้ย ยินดี
จิตกระเพื่อม เสียสมาธิมั้ย..?
เสียสมาธิ

เวลากระทบสิ่งที่ไม่ชอบใจ
จิตยินร้าย จิตกระเพื่อมมั้ย..?
เวลายินร้ายเกิดขึ้น จิตกระเพื่อม
ก็เสียสมาธิไป

พอจิตไม่มีความยินดียินร้าย
จิตไม่กระเพื่อมขึ้นกระเพื่อมลงนะ
จิตทรงสมาธิอยู่

ทรงสมาธิอยู่
เจริญสติปัฏฐานไป ในขณะนั้นแหละ
กำลังมีความเพียรแผดเผากิเลสอยู่

ในขณะนั้น
ศีลก็ดีนะ สมาธิก็ดี การดำริ ก็ดำริถูก
ขณะนั้น การดำริ ก็ดำริถูก (สัมมาสังกัปปะ)
ขณะนั้นก็เห็นถูก (สัมมาทิฐิ)
เนี่ยองค์มรรค ค่อยๆประมวลตัวเข้ามา

สุดท้าย
อาศัยกำลังของสมาธินั่นแหละ
พอเราเจริญทุกสิ่งทุกอย่างไปเต็มที่แล้ว
ศีล สมาธิ ปัญญา รวมตัวกันนะ
รวมด้วยอำนาจของสมาธิ
อริยมรรคมีองค์ ๘ ประการเนี่ย
รวมลงในจิตดวงเดียวกัน ในขณะเดียวกัน
ในที่เดียวกัน ที่จิต ด้วยกำลังของสัมมาสมาธิ

งั้นสัมมาสมาธิเนี่ย
ท่านเทียบเหมือนภาชนะ
เป็นที่รองรับ องค์มรรคทั้งเจ็ดที่เหลือ
ให้ประชุมลงที่เดียวกัน ในขณะจิตเดียวกัน
คือประชุมลงที่จิต

งั้นสัมมาสมาธิ
ต้องเป็นสมาธิ ที่จิตตั้งมั่นอยู่ที่จิตเท่านั้นเองนะ

.
_/|\_ _/|\_ _/|\_

#หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

วัดสวนสันติธรรม 31 ตุลาคม 2558

CD สวนสันติธรรม 62
File : 581031

ดาวน์โหลดไฟล์เสียงธรรมะ
Dhamma.com
.....
กราบคุณพระรัตนตรัยด้วยความเคารพอย่างสูง
กราบพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
หน้า: 1 [2] 3
พิมพ์
กระโดดไป: