KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4กำลังใจ จากครูบา อาจารย์ ในการปฏิบัติสติปัฏฐาน 4ธรรมนั้นมีอยู่ทุกหย่อมหญ้าสำหรับผู้มีปัญญา จากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
หน้า: [1]
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมนั้นมีอยู่ทุกหย่อมหญ้าสำหรับผู้มีปัญญา จากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต  (อ่าน 7649 ครั้ง)
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 01:55:01 PM »



ทุกวันนี้น้อยคนจะรู้ว่าเมื่อ ๑๐๐ ปีที่แล้ว
"พระป่า"หาได้เป็นที่ยอมรับนับถืออย่างกว้างขวางเช่นปัจจุบันไม่
ตรงกันข้ามกลับถูกมองด้วยสายตาหวาดระแวง

ยิ่งพระป่าสายอีสานที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่นด้วยแล้ว
ผู้ปกครองสงฆ์ในเวลานั้นถือว่าเป็นตัวปัญหา
ที่ต้องจัดการ หรือไม่ก็ต้องขับไล่ออกไปให้พ้น
จากเขตปกครองเลยทีเดียว

เพราะมองว่าพระเหล่านั้นนอกจากอยู่อย่างไม่เป็นหลักแหล่ง
ไม่สังกัดวัดที่แน่นอนแล้ว ยังไม่สนใจศึกษาพระปริยัติธรรม
อันเป็นนโยบายสำคัญของคณะสงฆ์ขณะนั้น
มิหนำซ้ำยังชักชวนพระจำนวนไม่น้อยให้ละทิ้งปริยัติธรรม
หันมาฝักใฝ่ในวิปัสสนากรรมฐาน
ซึ่งผู้ปกครองสงฆ์จำนวนไม่น้อย
เห็นว่าเป็นเรื่องงมงายไม่เป็นเหตุผลตามหลักพุทธศาสนา

เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นที่กล่าวขานกันในเวลานั้นก็คือ
การขับไล่คณะศิษย์ของหลวงปู่มั่น
ออกจากจังหวัดอุบลราชธานีในปี ๒๔๖๙
คราวนั้นพระอาจารย์สิงห์ขันตยาคโม
ซึ่งเป็นศิษย์คนสำคัญของหลวงปู่มั่น
นำพระป่ากว่า ๕๐ รูปเดินธุดงค์มาปักกลด
ในป่าบ้านหัวตะพาน โดยมีแม่ชีและฆราวาส
นับร้อยร่วมคณะมาด้วย

เมื่อทราบข่าวเจ้าคณะมณฑลอีสาน
ได้สั่งการให้ เจ้าคณะอำเภอและเจ้าหน้าที่
จากอำเภออำนาจเจริญและม่วงสามสิบ
ขับไล่ท่านเหล่านั้นออกจากป่า
ขณะเดียวกันก็ห้ามมิให้ประชาชนใส่บาตรให้คณะธุดงค์
แต่พระอาจารย์สิงห์ปฏิเสธที่จะออกจากพื้นที่
โดยยืนยันว่าท่านเป็นชาวอุบล และไม่ได้ก่อปัญหาใด ๆ
เรื่องยุติลงได้ เมื่อเจ้าคณะจังหวัดได้มีลิขิตถึง
นายอำเภอให้ผ่อนปรนในเรื่องนี้
หลังจากที่ได้รับการร้องขอจากศิษย์หลวงปู่มั่นเช่น
พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร

เจ้าคณะมณฑลอีสานท่านนี้ คือพระโพธิวงศาจารย์(อ้วน ติสโส)
อย่างไรก็ตามเมื่อท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระพรหมมุนี
ทัศนคติของท่าน ต่อพระป่าก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ท่านหันมาศรัทธาเลื่อมใสหลวงปู่มั่นและพระป่า
สาเหตุสำคัญก็เพราะท่านได้ประจักษ์ถึงคุณค่าของสมาธิภาวนา

ก่อนหน้านั้นท่านล้มป่วยมาเป็นเวลานาน
แต่ได้รับการเยียวยาจนหายขาดจากพระอาจารย์ฝั้น
ซึ่งไม่เพียงใช้สมุนไพร
หากยังอาศัยสมาธิภาวนาในการรักษาด้วย
และยิ่งมีศรัทธาปสาทะในกรรมฐานมากขึ้น
เมื่อได้รับคำแนะนำจากพระอาจารย์ลี ธัมมธโรแห่งวัดอโศการาม
ซึ่งเป็นลูกศิษย์อีกท่านหนึ่งของหลวงปู่มั่น
อานิสงส์ของสมาธิภาวนานั้นประจักษ์แก่ท่านอย่างชัดเจน
จนถึงกับอุทานว่า "ตลอดชีวิตของเรา
เราไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่า สมาธิภาวนาจะมีประโยชน์ ถึงเพียงนี้"

ในเวลาต่อมาท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น
สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ดำรงตำแหน่งสังฆนายก
ทำหน้าที่ปกครองทั้งสังฆมณฑล
ตามกฎหมายคณะสงฆ์ในเวลานั้น
ในช่วงนี้เองที่ท่านได้พบกับหลวงปู่มั่น

หลังจากที่ได้ยินกิตติศัพท์ของท่านมานานผ่านลูกศิษย์ของท่าน
เมื่อได้สนทนาธรรมกับหลวงปู่มั่น สมเด็จ ฯ อดพิศวงไม่ได้
ในความลุ่มลึกแห่งธรรมของท่าน
ขณะเดียวกันก็แปลกใจว่า
หลวงปู่มั่นเข้าใจธรรมอย่างลึกซึ้งได้อย่างไร

ในเมื่อท่านเรียนปริยัติธรรมน้อยมาก
นอกจากไม่ได้เป็นเปรียญแล้ว
ยังไม่สำเร็จนักธรรมเอกด้วย
ในทัศนะของสมเด็จ ฯ คนเราจะเข้าใจธรรมได้
ก็ต้องผ่านการศึกษาจากตำรา
ตัวท่านเองก็ได้รับการศึกษาในทางปริยัติธรรมสูงถึงระดับเปรียญโท
แต่ก็ยังมีความรู้ทางธรรมไม่เท่าหลวงปู่มั่น
ซึ่งครั้งหนึ่งถูกมองว่าเป็น "พระจรจัด"

ด้วยความสงสัยดังกล่าว สมเด็จ ฯ จึงถามหลวงปู่มั่นว่า
ในเมื่อท่านอยู่แต่ในป่า ไม่มีตำรา จะเรียนรู้ธรรม
จนสอนพระและญาติโยม ได้อย่างไร
หลวงปู่มั่นตอบสั้น ๆ ว่า

"ธรรมนั้นมีอยู่ทุกหย่อมหญ้าสำหรับผู้มีปัญญา"

*******************************************



ขอบพระคุณข้อมูลจาก พี่เก้ https://www.facebook.com/keke.model
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
หน้า: [1]
พิมพ์
กระโดดไป: