KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับความสำคัญของพระพุทธศาสนา และทุกอย่าง เกี่ยวกับ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประวัติของพระพุทธสาวก สมัยพุทธกาลพระจูฬปันถกเถระ
หน้า: [1]
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: พระจูฬปันถกเถระ  (อ่าน 5655 ครั้ง)
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2008, 02:53:26 PM »

พระจูฬปันถก เป็นบุตรของธิดาแห่งเศรษฐี ในเมืองราชคฤห์ ชื่อว่า ปันถก เพราะเป็นน้องชายพระมหาปันถก จึงเติมคำว่า จูฬ ข้างหน้าเป็น จูฬปันถก ดังที่ได้กล่าวมาแล้วในประวัติของพระมหาปันถกนั้นประวัติของพระจูฬปันถกในตอนต้น พึงทราบความตามนัยที่กล่าวแล้วในประวัติของพระมหาปันถกนั้นเถิดในที่นี้จักกล่าวแต่ตอนที่มาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา ซึ่งมีความว่าเมื่อพระท่านมหาปันถกได้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้วเสวยวิมุตติสุขอยู่ใคร่จะให้ความสุขเช่นนั้นเกิดแก่จูฬปันถกบ้าง จึงไปขออนุญาตจากตา เพื่อขอให้จูฬปันถกบวช ตาก็อนุญาตให้ตามความประสงค์ พระมหาปันถกจึงให้จูฬปันถกบวช.

     ครั้นจูฬปันถกบวชแล้วเป็นคนหัวทึบมาก พระมหาปันถก สอนให้เรียนคาถาพรรณนาพระพุทธคุณเพียงคาถาเดียว เรียนอยู่ถึงสี่เดือนก็ยังจำไม่ได้ คาถานั้นว่า
     ปทุมํ ยถา โกกนุทํ สุคนฺธํ
     ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ
     องฺคีรสํ ปสฺส วิโรจมานํ
     ตปนฺตมาทิจฺจมิวนฺตลิกฺเข ฯ

แปลว่า เธอจงดูพระสักยมุนีอังคีรส ผุ้มีพระรัศมีแผ่ซ่าน ออกจากพระบวรกาย มีพระบวรพักตร์อันเบิกบาน ปานหนึ่งว่า ดอกบัวชื่อ โกกนุทมีกลิ่นหอม ย่อมขยายกลีบแล้วบานในตอนเช้า มีกลิ่นเรณูไม่จางหาย ท่านย่อมรุ่งเรืองไพโรจน์ดุจดวงอาทิตย์อันส่องสว่างแผดแสงอยู่กลางท้องฟ้า ฉะนั้น.

     ท่านพระมหาปันถก ทราบว่าท่านจูฬปันถกโง่เขลามาก จึงประณามขับไล่ออกจากสำนักของท่าน ในขณะที่ท่านเป็นภัตตุเทศก์ หมอชีวกโกมารภัจจ์มานิมนต์ภิกษุไปฉันในวันรุ่งขึ้น ท่านก็ไม่นับพระจูฬปันถกเข้าด้วย พระจูฬปันถกเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจคิดจะไปสึกเสีย จึงออกไปแต่เช้าตรู่ ได้พบพระศาสดาเสด็จจงกรมอยู่ที่ซุ้มประตู พระองค์จึงตรัสถามว่า จูฬปันถก เธอจะไปไหนในเวลานี้ พระจูฬปันถกกราบทูลว่า ข้าพระองค์จะไปสึก เพราะพี่ชายขับไล่ข้าพระองค์ พระศาสดาจึงตรัสเตือนสติท่านว่า จูฬปันถก เธอบวชเพื่อพี่ชายเมื่อไหร่ บวชเพื่อเราต่างหาก เมื่อพี่ชายขับไล่ ทำไมไม่มาหาเรา มานี่ ประโยชน์อะไรด้วยฆราวาสมาอยู่กับเราดีกว่า พระจูฬปันถกเข้าไปเฝ้าแล้วพระองค์ทรงลูบศีรษะด้วยฝ่าพระหัตถ์ แล้วพาไปให้นั่งที่หน้ามุขพระคันธกุฎี ประทานผ้าขาวอันบริสุทธิ์ให้นั่งลูบคลำทำบริกรรมว่า รโชหรณํ รโชหรณํ เมื่อท่านลูบคลำทำบริกรรมไม่นาน ผ้านั้นก็เศร้าหมองเหมือนผ้าเช็ดมือ จึงคิดว่าผ้านี้เป็นของขาวบริสุทธิ์อย่างเหลือเกิน พอมาถูกอัตภาพนี้จึงละภาวะเดิมเสีย กลายเป็นผ้าที่เศร้าหมองไป สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ เจริญวิปัสสนาพระศาสดาทรงทราบจึงตรัสสั่งสอนด้วยพระคาถา ในเวลาจบพระคาถา พระจูฬปันถกได้บรรลุพระอรหัตตผล ขณะลูบคลำผ้าบริกรรมอยู่นั้นพระศาสดาพร้อมด้วยภิกษุประมาณ ๕๐๐ รูป หย่อนอยู่หนึ่งรูป เสด็จไปยังบ้านของหมอชีวก ครั้นพอเข้าไปถวาย พระองค์ทรงปิดบาตรเสียพร้อมกับตรัสว่า ภิกษุยังมาไม่หมด ยังเหลืออยู่ที่วิหารอีก ๑ รูป หมอชีวกจึงใช้ให้คนไปตาม ในเวลานั้นพระจูฬปันถกเนรมิตพระภิกษุหนึ่งพันรูปจนเต็มวิหาร เมื่อคนใช้ไปถึง เห็นมีพระมากมายถึงพันรูปจึงรีบกลับไปบอกหมอชีวกโกมารภัจจ์ ลำดับนั้นพระศาสดาได้ตรัสกะบุรุษนั้นว่าเจ้าจงไปแล้วบอกว่า พระศาสดา ตรัสเรียกพระจูฬปันถก บุรุษ นั้นก็กลับไปวิหารอีกแล้วบอกตามคำสั่ง ภิกษุทั้งหมดพูดขึ้นว่า ฉันชื่อจูฬปันถก บุรุษคนนั้นก็กลับมาอีก กราบทูลว่า ภิกษุเหล่านั้น ชื่อจูฬปันถกทั้งนั้น พระเจ้าข้า พระศาสดาตรัสว่า ภิกษุรูปใด พูดขึ้นก่อน จงจับมือภิกษุรูปนั้นไว้ ภิกษุรูปที่เหลือจักอันตรธานหายไป บุรุษนั้นไปถึงวิหารแล้วทำอย่างนั้น จึงได้พาพระจูฬปันถก ไปสู่ที่นิมนต์ ในที่สุดแห่งภัตกิจ ท่านพระจูฬปันถกได้ทำภัตตานุโมทนา อาศันที่ท่านประกอบด้วยมโนมยิทธิ เช่นนี้ จึงได้รับการยกย่องจากพระบรมศาสดาว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ผู้ชำนาญในมโนมยิทธิ* ครั้นดำรงชนมายุสังขารอยู่โดย สมควรแก่กาลแล้วก็ดับขันธปรินิพพาน.

*มโนมยิทธิ : ฤทธิ์สำเร็จด้วยใจ คือ เนรมิตกายอื่นออกจากกายนี้ ดุจชักดาบจากฝัก
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
พิมพ์
กระโดดไป: