KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับความสำคัญของพระพุทธศาสนา และทุกอย่าง เกี่ยวกับ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประวัติของพระพุทธสาวก สมัยพุทธกาลพระเมตตคูเถระ
หน้า: [1]
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: พระเมตตคูเถระ  (อ่าน 9232 ครั้ง)
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2008, 03:19:12 PM »

    ท่านพระเมตตคู เป็นบุตรของพราหมณ์ ในนครสาวัตถี เมื่อเจริญวัยแล้วได้ไปมอบตัวเป็นศิษย์พราหมณ์พาวรี ผู้เป็นปุโรหิตของพระเจ้าปเสนทิโกศล เพื่อศึกษาศิลปวิทยา ครั้นต่อมาพราหมณ์พาวรีออกบวชเป็นชฏิล ประพฤติพรตตามลัทธิของพราหมณ์ ตั้งอาศรมอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำโคธาวารี ที่พรมแดนเมืองอัสสกะ และเมืองอาฬกะต่อกัน เมตตคูมาณพออกบวชติดตามไปศึกษาศิลปวิทยาอยู่ด้วย และนับเข้าในมาณพ ๑๖ คน ที่พราหมณ์ พาวรีได้ผูกปัญหาให้ไปทูลถามพระบรมศาสดาที่ปาสาณเจดีย์แคว้นมคธ

     เมตตคูมาณพได้ทูลถามปัญหาเป็นคนที่ ๔ ว่า
ข้าพระพุทธเจ้าขอทูลถาม ทราบมาว่า พระองค์ถึงที่สุดจบไตรเพท มีจิตอันอบรมดีแล้ว ทุกข์ในโลกหลายประการล้วนมีเหตุมาจากอะไร ?

     พระบรมศาสดาทรงพยากรณ์ว่า เธอถามเราถึงเหตุเกิดแห่งทุกข์ เราตถาคตจะบอกให้แก่เธอตามที่รู้เห็น ทุกในโลกนี้มีอุปธิ คือ กรรม และกิเลสเป็นเหตุ ทุกข์ทั้งมวลล้วนเกิดมาจากอุปธิ ผู้ใดเป็นคนเขลาไม่รู้แล้วกระทำอุปธินั้นให้เกิดขึ้น ผู้นั้นย่อมประสบทุกข์ บ่อย ๆ เหตุนั้นเมื่อรู้จักเหตุว่า อุปธิเป็นตัวให้เกิดเหตุแล้ว อย่ากระทำให้อุปธินั้นเกิดขึ้น

     เช้าวันรุ่งขึ้น เมตตคูมาณพ : ข้าพระพุทธเจ้าขอทูลถามปัญหาข้อต่อไปว่า ทำอย่างไร ผู้มีปัญญาจึงจะข้ามพ้นห้วงทะเลใหญ่ คือ ชาติ ชรา และโสกปริเทวะได้ ขอพระองค์ทรงแก้ปัญหาข้อนี้แก่ข้าพระพุทธเจ้า เพราะพระองค์ทราบธรรมนั้นแล้ว ?

     พระบรมศาสดา : เราตถาคตจักแสดงธรรมที่จะพึงเห็นแจ้งด้วยตนเอง อัตภาพ คือ ร่างกายนี้ ไม่ต้องไปพิศวงตามคำของคนอื่นที่พูดอย่างนั้น อย่างนี้ เมื่อได้ทราบแล้วจะเป็นผู้มีสติ ดำเนินข้ามความอยากอันทำให้ติดอยู่ในโลกได้

     เมตตคูมาณพ : ข้าพระองค์ยินดีธรรมที่สูงสุดนั้นเป็นอย่างยิ่ง ?

     พระบรมศาสดา : เธอรู้อย่างใดอย่างหนึ่งในส่วนเบื้องบน (คือ อนาคต) ในส่วนเบื้องต่ำ (คือ อดีต) ในส่วนท่ามกลาง (คือ ปัจจุบัน) จงบรรเทาความเพลิดเพลินความยึดมั่นในส่วนเหล่านั้นเสีย วิญญาณของเธอจะไม่ตั้งอยู่ในภพ ภิกษุผู้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่อย่างนี้ มีสติไม่ประมาทเมื่อได้ทราบแล้ว ละความถือมั่นว่า "เป็นของเรา" เสียได้ เธอจะละทุกข์ คือ ชาติ ชรา และโสกปริเทวะในโลกนี้ได้

     เมตตคูมาณพ : ข้าพระพุทธเจ้า ชอบพระวาจาของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ธรรมอันไม่มีอุปธิพระองค์แสดงชอบแล้ว พระองค์คงจะละทุกข์ได้แน่แล้ว แม้ท่านผู้รู้ที่พระองค์ทรงสั่งสอนอยู่เป็นประจำ คงจะละทุกข์นั้นได้ด้วยเป็นแน่ เหตุนั้น ข้าพระพุทธเจ้าจึงได้มาถวายบังคมพระองค์ ด้วยความตั้งใจจะให้ทรงสั่งสอนข้าพระพุทธเจ้าเป็นประจำเหมือนอย่างนั้นบ้าง ?

     พระบรมศาสดา : เธอรู้ว่าผู้ใดเป็นพราหมณ์ ถึงที่สุดจบไตรเพท ไม่มีกิเลสเครื่องกังวล ไม่ติดข้องอยู่ในกามภพ ผู้นั้นแลข้ามพ้นเหตุแห่งทุกข์ดุจห้วงทะเลใหญ่นี้ได้แน่แล้ว ครั้นข้ามถึงฝั่งแล้ว ถึงที่สุดจบไตรเพทในศาสนานี้ ละธรรมที่เป็นเหตุติดข้องอยู่ในภพน้อยภพใหญ่เสียได้แล้ว เป็นคนมีความอยากสิ้นแล้ว ไม่มีกิเลสอันจะมากระทบจิต หาความทะเยอทะยานอยากมิได้ เราตถาคต กล่าวว่า ผู้นั้นแล ข้ามพ้นชาติชราได้แล้ว

     ในที่สุดแห่งการแก้ปัญหา เมตตคูมาณพก็ได้สำเร็จพระอรหัตตผล (ก่อนอุปสมบท) เมื่อจบโสฬสปัญหาพยากรณ์แล้วเมตตคูมาณพพร้อมด้วยเพื่อนมาณพอีก ๑๕ คนทูลขออุปสมบทกับพระบรมศาสดา พระพุทธองค์ก็ทรงอนุญาตให้มาณเหล่านั้นเป็นภิกษุในพระธรรมวินัยด้วยวิธี เอหิภิกขุอุปสัมปทา ท่านดำรง ชนมายุสังขารอยู่โดยสมควรแก่กาลแล้วก็ดับขันธปรินิพพาน

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
พิมพ์
กระโดดไป: