KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับ
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
พฤศจิกายน 01, 2024, 07:32:44 AM

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ความสำคัญของวันออกพรรษา => http://www.kammatan.com/board/index.php?topic=92.0
8399 กระทู้ ใน 1467 หัวข้อ โดย 1854 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: Moon888
* หน้าแรก | ช่วยเหลือ | ค้นหา | เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก
+  KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับ
|-+  ธรรมมะกับมนุษย์ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน
| |-+  นั่งสมาธิ แนว กสิณ10 คืออะไร
| | |-+  สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ ใจที่ว่านั้นคือโลกแห่งจิตใต้สำนึก(ภวังค์จิต)
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ ใจที่ว่านั้นคือโลกแห่งจิตใต้สำนึก(ภวังค์จิต)  (อ่าน 17031 ครั้ง)
phonsakw
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 1
**

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 2
กระทู้: 94


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: สิงหาคม 27, 2011, 02:05:00 PM »

สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ  ใจที่ว่านั้นคือโลกแห่งจิตใต้สำนึก(ภวังค์จิต)


คุณ อัคนี เขียน:


       ดินแดนสวรรค์มิห่างหาย          ฝังอยู่ภายในกายของเรานี่
   มิต้ิองดั้นด้นหาองค์เจดีย์              ใจเรานี่คือที่สถิตย์เอย.......

คุณaro เขียน

สวรรค์ คือ ดินเเดนแห่งความมหัศจรรย์
ดินเเดนที่เต็มไปด้วยสิ่งที่สวยงาม มีผู้คนที่สมบูรณ์แบบ
และคงสภาวะของความบริสุทธิ์ของจิตวิญญาณ

คุณ unn เขียน:
นรกอยู่หนใด..........5555


เนื่องจากผมเคยถอดจิตไปทั้งสวรรค์นรกมาเป็นร้อยๆครั้ง   ผมจึงพบความจริงว่า:

สวรรค์และนรกล้วนอยู่ในใจทั้งนั้น  ใจที่ว่าคือจิตใต้สำนึก หรือภวังค์จิตของพวกเรา  

ใจ (จิตใต้สำนึก หรือภวังค์จิตของพวกเรา) มันมีภพภูมิซ่อนอยู่มากมาย  คนที่ชอบทำแต่บุญกุศุล และรักษาศิล 5  จิตใต้สำนึก หรือภวังค์จิตของเขา ก็จะนำไปพบภพภูมิสวรรค์ตามระดับจิตของเขา  คนที่ชอบทำแต่บาปกุศุล ไม่รักษาศิล 5  จิตใต้สำนึก หรือภวังค์จิตของเขา ก็จะนำไปพบภพภูมินรกและอบายภูมิ

พระพุทธเจ้านั่งอยู่ใต้ต้นโพธิ์  ท่านไปดูนรก สวรรค์  พรหมโลก ดูจักรวาล และดูโลกต่างๆ(โลกธาตุ)ได้ทั่วหมด  พระพุทธเจ้าไปดูจากไหน  ก็ดูในจิตใต้สำนึก หรือภวังค์จิตของตัวท่านเอง  ซึ่งซ่อนภพภูมิเหล่านั้นไว้  ไม่เปิดเผยแก่ผู้ทำสมาธิไม่ถึงฌาน 3-4
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 27, 2011, 02:07:51 PM โดย phonsakw » บันทึกการเข้า
phonsakw
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 1
**

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 2
กระทู้: 94


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2011, 05:29:50 PM »

จิตส่วนหนึ่ง(ไม่รู้เรียกอะไร) ยังอยู่กับ ร่างกายเรา เวลาที่เราหลับหรือถอดจิต เพื่อควบคุมการทำงานของร่างกาย

จิตที่อยู่กับร่างกายของเรา เพื่อควบคุมการทำงานของร่างกาย
  เรียกว่า วิญญาณขันธ์  จิตหรือกายทิพย์ ที่ออกจากร่างกายไปเรียกว่า วิญญาณธาตุ หรืออทิสมานกาย



และ เวลาที่เราฝัน ส่วนที่ทำหน้าที่สร้างความฝัน ตอนนั้น สติเราจะไม่มี (เวลาฝันจะไม่มีสติ) แล้วมันจะฝันไปตาม ข้อมูลที่บรรจุอยู่ใน "จิตส่วนที่บรรจุข้อมูล"
.....ถ้าเรา shutdown มัน โลกลวงตา มันก็จะ "หายไป"  เรื่อง สวรรค์ และ นรก ก็เช่นเดียวกัน

ไม่ใช่แค่ สวรรค์ และ นรก ที่เป็นสิ่งลวงหรือเป็นมายา สวรรค์ และ นรก นั้นหายไปได้ เมื่อเรามีสติรู้ ไฟนรกก็ทำอะไรเราไม่ได้  เพราะมันเป็นของปลอมที่ดูเสมือนจริงมาก  จิตไปยึดว่ามันเป็นจริง  ไฟนรกจึงเผาเขาได้  ถ้าไม่ยึด ไม่คิดปรงแต่ง  ไฟนรกก็เผาเขาไม่่ได้  เพราะมันว่างเปล่า

แม้แต่โลกของเราก็ล้วนเป็นเป็นสิ่งลวงหรือเป็นมายา  เพียงแต่มนุษย์มีธาตุ 4 และมีระบบประสาทที่เรียกว่าวิญญาณขันธ์ ไปเชื่อมโยงกับวิญญาณธาตุ(กายทิพย์) พอเราถูกไฟเผา  เราจึงเจ็บปวด
บันทึกการเข้า
phonsakw
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 1
**

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 2
กระทู้: 94


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2011, 05:38:40 PM »

mamboo สงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง อยากถามคุณ จขกท. ในฐานะที่ เคยถอดจิตบ่อยๆ อิอิ ^^

 
มีอยู่ครั้งหนึ่ง...

mamboo นอนหลับอยู่บนเตียง ตอนกลางคืน ก็หลับเหมือนคนปกติทั่วไปนี่แหละ

แล้ว mamboo ก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ.. ตอนเข้าห้องน้ำก็ไม่ได้เปิดไฟในห้องนะ เปิดแค่ไฟในห้องน้ำ..

พอเข้าห้องน้ำเสร็จ ก็ปิดไฟห้องน้ำ แล้วก็เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง ไปที่หน้ากระจก แล้วหยิบเอากระป๋องแป้งเด็กแคร์มาทา (ระหว่างนี้ก็ไม่ได้เปิดไฟในห้องนะคะ มันก็เป็น มืดๆ แต่ด้วยความที่ สายตาเรามันชินแล้ว ก็เลยมองเห็นสิ่งของในห้องได้ลางๆ บวกความเคยชิน เลยทำให้หยิบกระป๋องแป้งได้)

เสร็จแล้ว พอทาแป้งเสร็จ กำลังจะเดินกลับไปนอนที่เตียง..

อยู่ดีๆ mamboo ก็ ทรุด.. คือ ทรุดลงมาคุกเข่ากับพื้นเลย.. แล้วสักพัก mamboo ก็รู้สึก หนักหัว มากๆๆๆๆ หนักมากๆๆจนทรงตัวไม่ไหว.. แล้วอยู่ดีๆ หัวของ mamboo มันก็ทิ่ม! ลงไปกับพื้นเลย ><

พอหัวของ mamboo ทิ่มลงไปกับพื้นแล้ว.. มันหนักมาก เหมือนมีคนเอาก้อนหินมายัดใส่ในหัว (จริงๆเหมือนเป็นลูกเหล็กหนักมากกว่า ไม่เหมือนก้อนหินหรอก หนักมาก)

แล้วสักพัก ขณะที่หัวมันทิ่มอยู่กับพื้น ตัวของ mamboo มันดันลอยขึ้น.. (คือหัวติดพื้น แต่ตัวลอย)

ตอนนั้น พอตัวมันลอยขึ้น mamboo คิดว่า.. mamboo ตายแล้วล่ะ ><

 เพราะคนเรา ตัวมันจะลอยขึ้นจากพื้นได้อย่างไร แล้วหัวมันหนัก ทิ่มอยู่พื้นแบบนี้ ><

 

ตอนนั้น มันเร็วมาก ใจของ mamboo ก็คิดถึงพ่อกับแม่ มากๆๆๆๆ แบบว่ายังไม่ได้ตอบแทนพระคุณของท่านเลย T-T

 ตอนนั้นไม่ได้กลัวตายเลยนะคะ เพราะมันไม่มีความเจ็บปวด มันแค่ งง และ หนักหัว และยังไม่อยากตาย(ไม่ได้กลัวตาย แต่ยังไม่อยากตาย เพราะคิดว่า พ่อกับแม่ต้องเสียใจมากๆแน่ๆที่เราต้องมาตายก่อนวัยอันควรแบบนี้ แถมตายอนาถอีกต่างหาก --' ตายคาห้องพักแบบไม่ทราบสาเหตุ แล้วเราก็ยังไม่ได้ตอบแทนพระคุณของท่านเลย T-T พ่อแม่มีบุญคุณมากมาย ยังไม่ได้ตอบแทนเลย.. ทำไมตายเร็วจัง)

 คือตอนนั้น มันจะแบบ คิดเร็วๆมากๆๆ แล้วก็รู้สึกเสียใจมากๆ mamboo ตัดสินใจ(แบบคิดอะไรไม่ออก เพราะไม่ค่อยมีสติแล้ว) นึกถึง หลวงพ่อโต พรหมรังสี และท่องบทสวดมนต์บทเดียวที่ mamboo ท่องได้ตลอดชีวิต คือ พระคาถาชินบัญชร..

mamboo อธิษฐาน ขอให้หลวงพ่อโตช่วย mamboo ด้วย mamboo ยังไม่พร้อมที่จะตายตอนนี้ แล้ว mamboo ก็สวดพระคาถาชินบัญชร

 เสร็จแล้ว สวดไปได้ประมาณ 4 บท .. ที่รู้สึกว่า หนักหัว และ ตัวลอย มันก็ หายไป O.O

mamboo ก็งงสิ่ O.O ไม่หนักหัวแล้ว ตัวไม่ลอยแล้ว O.O นี่เรา ตายไปแล้ว หรือยังอยู่หว่า ฮืม O.O!!

 

แล้วสักพัก(แค่แป้บเดียว) mamboo ก็เหมือน รู้สึกตัวแล้วลืมตาขึ้น O.O อ้าว!!! "นี่เรา นอนอยู่บนเตียงหรอเนี่ย ?? O.O"

 
แล้ว mamboo รีบหันไปมอง พื้นที่ตรงกลางห้อง ที่ mamboo เคยหนักหัวและหัวทิ่มลงพื้นแล้วตัวลอย .. ก็ไม่มีอะไรนะ ><

 

ตอบคุณmamboo

 
ก็คุณมี 2 คนยังไงล่ะครับ คนหนึ่งเป็นร่างกายของคุณ ที่เรียกว่า ขันธ์ 5 (รูปขันธ์ สัญญาขันธ์ เวทนาขันธ์ วิญญาณขันธ์) มนุษย์และสัตว์ที่ตายไป ก็คือเจ้าขันธ์ 5 มีวิญญาณขันธ์ รวมอยู่ด้วย ตาย การตายของร่างกายหรือขันธ์ 5 ตาย มันได้ปลดปล่อยตัววิญญาณธาตุ หรือกายทิพย์ หรืออทิสมานกายออกมา

เมื่อคุณยังไม่ได้ตายขันธ์ 5 ใช้การไม่ได้ชั่วคราว วิญญาณธาตุ หรือ ผีของคุณ มันออกจากร่าง อาการหนักหัวของคุณ คือ หัวร่างกายของคุณ มันไปขวางทางหัวที่เป็นผีของคุณไม่ให้ออกจากร่างได้ ในกรณีของคุณ ส่วนอื่นของร่างกายผีของคุณมันออกไปได้แล้ว แต่หัวผีดันไม่ออก (หัวผีติดหัวคน)

 
ที่รู้สึกว่า หนักหัว และ ตัวลอย มันก็ หายไป ก็เพราะหัววิญญาณ(หัวผี)กับหัวมนุษย์มันกลับเข้ามารวมรางกันแล้ว ผมเคยตัวลอย ครั้งแรกเอาหัวผีออกไม่ได้ ครั้งหลังๆออกได้ เลยลืมตาผีออกดู ปรากฏว่า ลอยขึ้นมาเกือบชนเพดานแล้ว เลยตกใจ! วิญญาณธาตุหรือผีของผมเลยกลับร่างเข้าร่างกายเนื้อเลย
บันทึกการเข้า
phonsakw
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 1
**

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 2
กระทู้: 94


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2011, 08:38:17 PM »

ว่าแต่..

ผี ณ ที่นี้ มันเป็นแบบเดียวกับ กายทิพย์ ไหมคะ ?? >< แสดงว่า ผีที่ออกมาจากร่าง ออกมาสู่โลกมนุษย์(โลกที่เราอาศัยอยู่นี้) ใช่ไหมคะ ?? ^O^

1. ผีก็คือกายทิพย์ คือพรหม คือเทวดานางฟ้า คือเปรต คือสัตว์นรก คือสัมภเวสี เรียกชื่อต่างกันไปตามแต่บุญกุศลที่เขาทำไป
2. ผีที่ออกมาสู่โลกมนุษย์ได้ เขาออกมาจากประตูมิติสู่โลกมนุษย์ ไม่เช่นนั้นเขาก็ต้องอยู่ในปรโลก(โลกแห่งความฝัน) พ่อแม่ปู่ย่าตายายฯลฯของเรา พวกเขาไม่เคยตาบ เพียงแต่เปลี่ยนที่อยู่ไปอยู่ในโลกบ้าง บางครั้งก็อยู่ในพรหมโลก อยู่ในปรโลกภพภูมิอื่นๆ บางครั้งก็อยู่ในโลกธาตุอื่นตามทฤษฎีจักรวาลคู่ขนาน

(แบบว่า ปกติ มีแต่ไปโลกความฝันที่สร้างขึ้นเอง ไม่เคยออกมาโลกมนุษย์แบบนี้เลยค่ะ >< เคยแต่แบบ มือมันหลุด แขนหลุด ขาหลุด อันนี้เป็นบ่อย เคยเห็นมือทิพย์ตัวเองด้วย แบบพยายามจะลุก แล้วลุกไม่ขึ้น เลยพยายามจะยกมือขึ้น มันกลายเป็น มือโปร่งๆแสงขึ้นมาแทน(ทะลุผ้าห่มออกมาเลย) แต่ออกมาทั้งตัวเนี่ย ไม่เคยค่ะ >< ถ้าจะเคยก็คงเป็นเหตุการณ์ที่เล่าไปอ่ะแหละ แบบไม่รู้ตัว >< แหง่มๆ)

พระพุทธองค์บอกวิธีให้มนษย์เข้าไปในประตูมิติสู่ทุกภพภูมิ และทุกจักรวาล ทุกโลกธาตุ แม้กระทั่งประตูมิติที่เข้าไปในภพภูมิในอดีตและอนาคตให้เราแล้ว แต่ก็มีแค่คนส่วนน้อยจะเข้าประตูมิตินั้นได้ ประตูนั้นคือภวังค์จิต=องค์แห่งภพ

สมาธิ หรือสมถะกรรมฐาน เป็นกุญแจเป็นประตูลับสู่ทุกภพภูมิ ภวังค์ ก็คือประูตู

วิปัสสนากรรมฐาน เป็นกุญแจเป็นประตูลับสู่ภพภูมินิพพาน จุดกึ่งกลางระหว่างรูปพรหมและอรูปพรหม ก็คือประูตู
บันทึกการเข้า
phonsakw
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 1
**

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 2
กระทู้: 94


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2011, 11:02:59 PM »

"สวรรค์และนรกล้วนอยู่ในใจทั้งนั้น ใจที่ว่าคือจิตใต้สำนึก หรือภวังค์จิตของพวกเรา"

หมายความว่า จิตใจของเราเป็นผู้สร้างสวรรค์ หรือนรก ขึ้นมาหรือครับ ถ้าจิตคนนั้นจดจ่อกับสิ่งใดก่อนตายก็จะไปที่นั้นงั้นหรือ ?


 
ไม่ช่ายอย่างนั้น จิตใจของเราเป็นผู้ นำเราเข้าไปสู่สวรรค์ หรือนรก ชั้นใดชั้นหนึ่ง เพื่อรวมอยู่กับคนที่ทำดีทำชั่วในระดับเดียวกับเรา


อย่างนั้นสัตว์ต่าง ๆ ที่ทำตามสัญชาติญาณในการดำรงชีวิตจะไปที่ไหน ? เมื่อในจิตของสัตว์เหล่านั้นไม่มีทั้งความดี ความชั่ว สัตว์เหล่านั้นทั้งฆ่าและถูกฆ่าก็เป็นไปตามธรรมชาติของมัน

 อะไรจะเป็นสิ่งกำหนดให้สัตว์เหล่านั้นไป สวรรค์ หรือนรก หรือไปเกิดใหม่ ถ้าไม่มีการสะสมกรรมหรือชดใช้กรรมมา และเมื่อในจิตใจของสัตว์เหล่านั้นไม่มีกุศลหรืออกุศลกรรมก่อนตาย



สัตว์เป็นผู้มาใช้กรรมของเขา แต่ถ้าสัตว์นั้นทำสิ่งที่ดีหรือสิ่งที่ชั่วเกินสัญชาตญานของมัน ตายไปแล้ว ภพภูมิของมันจะเปลี่ยนไปทันที  ถ้าไม่มีอะไรที่ดีชั่วเกินสัณชาตญานของมัน  มันก็ต้องใช้กรรมของมันต่อไป  ดังเช่น หลวงปู่มั่นต้องเกิดเป็นสุนัขหลายสิบชาติ  ระลึกชาติได้ทีไร  ก็เป็นหมาทุกที
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!