แสดงกระทู้
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7
76  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมะ ที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ เพื่อเข้าใจในสัมมาทิฏฐิ / Re: มีจุดดำ คือ ความเมตตา ดีไหม? เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2011, 02:15:50 PM
1. ก็มันจะรื้อขนสัตว์ไปหมดได้อย่างไรด้วยวิธีนี้
2. "พระโพธิสัตว์กวนอิมอีกองค์  ไม่ทราบว่าองค์เดียวกันหรือเปล่า ทรงมีมหาปณิธานอยู่ข้อหนี่งว่า "เมื่อใดที่เสียงคร่ำครวญทุกข์ร้อนของชีวิตทั้งหลายยังไม่หมดไปจากโลกนี้ เราจะไม่ขอ เข้าสู่ปรินิพพาน"


1.  ก็นั่นน่ะซิ มันจะรื้อขนสัตว์ไปหมดได้อย่างไร  กวนอิมมีอยู่ทั่วโลกถึง 700 องค์ ที่เป็นปางของกวนอิมประทานพร  และกวนอิมพันมืออีกไม่รู้เท่าไร  ก็จะไม่ได้  พระโพธิสัตว์กวนอิมที่เป็นมนุษย์จึงไม่มีทางเป็นพระพุทธเจ้า  อีกอย่างกวนอิมไม่เคยตั้งปณิธานขอเป็นพระพุทธเจ้าเลย  พอรื้อขนสัตว์ไปหมดแล้ว  ท่านก็เสร็จกิจ  เข้าสู่ปรินิพพาน

2. พระโพธิสัตว์กวนอิม ที่ตั้งปณิธานว่า "เมื่อใดที่เสียงคร่ำครวญทุกข์ร้อนของชีวิตทั้งหลายยังไม่หมดไปจากโลกนี้ เราจะไม่ขอ เข้าสู่ปรินิพพาน"  คือ  กวนอิมประทานพร  ที่ชาวจีนเรียกว่า เจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน  แต่จริงๆแล้ว เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านที่เป็นกวนอิมไม่มีอยู่จริง  เขาแต่งประวิติขึ้นมาเองเพื่อสร้างความประทับใจเท่านั้น 
77  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ทางแห่งพระนิพพาน เดินไปอย่างไร มีวิธีปฏิบัติอย่างไร / การปฏิบัิติให้บรรลุนิพพานมี 3 แบบ เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2011, 12:06:43 AM
การปฏิบัิติให้บรรลุนิพพานมี 3 แบบ

1. แบบง่ายสุด คือ เน้นเฉพาะวิปัสสนา ได้เป็นพระอรหันต์แบบสุกขวิปัสสโก  ท่านจะไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับโลกหรือปรโลกมากนัก  เพราะเรื่องราวเกี่ยวกับโลกหรือปรโลก จะรู้ได้เฉพาะเมื่อเข้าสู่ฌาน 3-4 เป็นอย่างน้อย

2. แบบยากสุด คือ เน้นเฉพาะสมถะ หรือสมาธิ  เรียกว่า เจโตวิมุติที่ไม่กำเริบ  พระพุทธเจ้าของเรา และพระศิวะ  ก็บรรลุธรรมแบบนี้  พวกท่านจึงมีอภิญญาหรือมีฤทธิ์ที่ไม่มีใครเทียบได้

3. แบบผสมผสานกันระหว่างสมถะ หรือสมาธิ กับ วิปัสสนา หรือสติปัฏฐาน ส่วนใหญ่เป็นสาวกในช่วงพุทธกาล หลังจากพุทธกาลไปแล้วก็มีจะมีน้อยลง เช่น ของเมืองไทย มี หลวงปู่มั่น  หลวงปู่ทวด หลวงพ่อฤาษีลิงดำ  หลวงปู่ปาน  หลวงพ่ดสด ฯลฯ เป็นต้น
78  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมะ ที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ เพื่อเข้าใจในสัมมาทิฏฐิ / Re: มีจุดดำ คือ ความเมตตา ดีไหม? เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2011, 11:26:40 PM
พระอชิตะจะลงมา"เกิด"อุบัติอีกเป็นชาติสุดท้ายคือพระศรีอารย์ว่างั้นเถอะ 

พระศรีอารย์มี 2  ครับ
1. พระศรีอารย์โพธิสัตว์ มีที่เกิดมาเป็นมนุษย์ = พระอชิตะ  มีที่เกิดมาเป็นฌานิโพธิสัตว์ เป็นสัมโภคกาย
2. พระศรีอารย์พุทธเจ้า พระศรีอารย์โพธิสัตว์(พระอชิตะ)เป็นหน่อพุทธภูมิ พระองค์สามารถแบ่งจิต(ภูตพระเจ้า)ลงมาเกิด เพื่อมาสร้างบารมีต่อได้

พระมหาโพธิสัตว์กวนอิม ก็ต้องมาเกิด(อุบัติ)บนโลกอีกอยู่ดีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า

เป็นความเข้าใจที่ผิด  เพราะพระมหาโพธิสัตว์กวนอิมมีทั้งที่เป็นฌานิโพธิสัตว์ และที่เกิดมาเป็นมนุษย์

1. พระอวโลติเกศวรกวนอิมที่เป็นฌานิโพธิสัตว์เคยเป็นพระพุทธเจ้ามาแล้ว  ชื่อว่า  สัทธรรมวิทยาตถาคต


ในคัมภีร์สหัสภุชสหัสเนตร อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ไวปุลยสมบูรณอกิญจนมหากรุณาจิตรธารณีสูตร
ได้กล่าวไว้ว่า

   ดูก่อนกุลบุตร พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์พระองค์นี้ มีฤทธานุภาพไพศาลเหนือการคาดคะเนตรึกคิด ในอดีตกาลล่วงมานับประมาณกัลป์มิได้ มีพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งได้   ตรัสรู้พระสรรเพชุดาญาณ พระนามว่า สัทธรรมวิทยาตถาคต ด้วยพระมหาปณิธานที่เปี่ยมด้วยมหากรุณาคุณอันยิ่งใหญ่ จึงมีพุทธประสงค์จะนิรมิตพระโพธิสัตว์จํานวนมหาศาลให้บังเกิดขึ้น เพื่อยังความสุขศานติให้สําเร็จแก่สรรพสัตว์ แต่แล้วจึงบังเกิดเป็นพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์(องค์เดียว )

       ย้ำ! สัทธรรมวิทยาตถาคต ด้วยพระมหาปณิธานที่เปี่ยมด้วยมหากรุณาคุณอันยิ่งใหญ่ มีพุทธประสงค์จะนิรมิตพระโพธิสัตว์จํานวนมหาศาล แต่แล้วจึงบังเกิดเป็นพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์(องค์เดียว )
   
   มีบทสรรเสริญสดุดีพระสัทธรรมวิทยาตถาคตใน บทมหากรุณาขมากรรม ว่า “นโมพระสัทธรรมวิทยาตถาคตเจ้าในอดีต ซึ่งคือพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ในปัจจุบัน”   

ในมหากรุณาธรณีสูตร องค์สมเด็จพระบรมศาสดาได้ทรงมีพระดำรัสสรุปความแก่บรรดา พุทธโพธิสัตว์ และทวยเทพในที่ประชุมว่า
   
   "แท้ที่จริงแล้ว พระโพธิสัตว์กวนอิมองค์นี้ ได้สำเร็จธรรมในขั้น "พุทธะ" เมื่อครั้งหลายแสนกัปป์มาแล้ว ทรงพระนามว่า "เจิ่น ฝ่า หมิง ยู ไล้" แต่ด้วยเหตุที่พระองค์ทรงตั้งพระทัยจะโปรดเหล่าพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ให้มาร่วมกันฉุดช่วยเวไนยสัตว์มากมายที่ยังหลงเหลืออยู่ในทะเลทุกข์ พระองค์จึงทรงหวนกลับจากพุทธภูมิลงสู่แดนโพธิสัตว์อีก"
   
  ย้ำ! "เจิ่น ฝ่า หมิง ยู ไล้" จึงทรงหวนกลับจากพุทธภูมิลงสู่แดนโพธิสัตว์อีกเป็นพระอวโลกิเตศวร"

2. พระอวโลติเกศวรกวนอิมที่เป็นมนุษย์บนโลกมิตินี้มี 2 องค์ คือ
- กวนอิมพันมือ องค์นี้เกิดบนโลกจริง  แต่ไม่ใช่ใบนี้  เกิดไม่รู้กี่กัปมาแล้ว
- กวนอิมประทานพร รูปที่ใช้กันทั่วไป มือจะถือกิ่งหลัว และแจกัน  องค์นี้เป็นผู้ชาย  แต่ท่านอธิษฐานขอเป็นหญิงเพื่อจะช่วยโปรดมนุษย์ด้วยกายหญิง  พระวิษณุกรรมเลยแปลงกลายเป็นวัวหรือความยก็ไม่รู้ กัดอวัยวะเพศชายของท่านขาด  ร่างกายของท่านเลยตาย  ส่วนจิตหรือกายทิพย์ของท่านเกิดเป็นหญิง  แล้วท่านยอมเสียสละจิตตกนรกแทนมารดา  การเสียสละกายและจิตของธรรม  ท่านจึงได้ธรรมกาย  กวนอิมปางนี้จึงได้ทั้งกายทิพย์และธรรมกายจากการเสียสละกายและจิตของท่าน

ผมยังไม่เห็นว่า  พระมหาโพธิสัตว์กวนอิม จะต้องมาเกิด(อุบัติ)บนโลกอีกอยู่ดีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้าทำไม  เพราะคำปณิธานของพระอวโลกิเตศวรองค์หนึ่ง  "หากยังมีสัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยากอยู่ จักไม่ขอบรรลุพุทธภูมิ"

พระโพธิสัตว์กวนอิมอีกองค์  ไม่ทราบว่าองค์เดียวกันหรือเปล่า ทรงมีมหาปณิธานอยู่ข้อหนี่งว่า "“เมื่อใดที่เสียงคร่ำครวญทุกข์ร้อนของชีวิตทั้งหลายยังไม่หมดไปจากโลกนี้ เราจะไม่ขอ เข้าสู่ปรินิพพาน”"

บรรลุพุทธภูมิ เข้าสู่ปรินิพพาน” น่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน  คือทิ้งกายทิพย์ เหลือกายธรรมเอาไว้ไปปรินิพพาน
79  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 คืออะไร สำคัญอย่างไร / สติปัฏฐาน ๔ ปิดอบายภูมิได้เพราะอะไร เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2011, 03:09:55 PM
สติปัฏฐาน ๔ ปิดอบายภูมิได้เพราะอะไร?

ตอบ  เพราะว่านรกและอบายภูมิต่างๆ ล้วนเกิดขึ้นกับจิตวิญญาณที่มีความคิดปรุงแต่งเป็นอกุศล  และกระทำกรรมลงไปด้วยความคิดปรุงแต่งที่เป็นอกุศลนั้น   เมื่อจิตวิญญาณดวงนั้นตายลงในขณะที่ตนยังไม่ได้ทำสติปัฏฐาน ๔ ให้ถึงขั้นโสดาบัน  จิตวิญญาณดวงนั้นย่อมหลงคิดว่า สิ่งที่ตนเห็นและสัมผัสในปรโลกล้วนเป็นของจริง  นรกและอบายภูมิต่างๆจึงย่อมมีสำหรับเขา 

ส่วนพระโสดาบันทำสติปัฏฐาน ๔ ถึงขั้นแล้ว  ย่อมไม่หลงเห็นสิ่งมายาเหล่านั้นเป็นของจริง  ไฟนรกจึงทำอะไรท่านไม่ได้  เพราะไฟนรกที่แท้มันเป็นของปลอม  ที่ทำให้ดูเสมือนว่าเป็นของจริง
80  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมะ ที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ เพื่อเข้าใจในสัมมาทิฏฐิ / Re: มีจุดดำ คือ ความเมตตา ดีไหม? เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2011, 01:58:26 AM
จุดดำ คือมหาเมตตา  ไม่ได้ืำทำให้เวียนว่ายตายเกิดหรอกครับ  เพราะพระโพธิสัตว์ศรีอริยะเมตตรัย ท่านบรรลุอรหันต์ไปแล้วตั้งแต่เป็นพระอชิตะแล้ว  ลองไปอ่านประวัติของพระอชิตะซิครับ  แต่หน่อพุทธภูมินั้นสามารถแยกจิตได้หลายจิต ลงไปเกิดได้ เรียกว่า "อวตาร"  หลวงปู่ดู่เรียกอวตารว่า "ภูตพระเจ้า"  

พระโพธิสัตว์ศรีอริยะเมตตรัย(อชิตะ)ท่านก็ยังเป็นพระอรหันต์โพธิสัตว์อยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิตเหมือนเดิม  แต่อวตารหรือภูตพระเจ้า  ซึ่งเป็นจิตของท่านอีกส่วนหนึ่ง ที่ปราถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าขั้นสูงสุด  เพื่อที่จะสามารถนำสรรพชีวิตเข้าสู่พระนิพพานได้มากกว่าพระพุทธเจ้าทั่วไป  ด้วยเหตุนี้ อวตารหรือภูตพระเจ้า  ซึ่งเป็นจิตอีกจิตหลายจิตของพระโพธิสัตว์ศรีอริยะเมตตรัย(อชิตะ) จึงต้องลงไปเกิดเป็นหลวงปู่ดู่ หลวงปู่ทวด และหลวงพ่อโต เพื่อสร้างบารมีเพิ่มให้เพียงพอจะเป็นพระพุทธเจ้า

สรุป  พระอชิตะ ท่านบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ตั้งแต่พุทธกาลนั่นแล้ว  แต่ท่านเป็นหน่อพุทธภูมิ(คนที่จะเป็นพระพุทธเจ้า) พระโพธิสัตว์ศรีอริยะเมตตรัย จิตอวตารต่างๆของพระศรีอริยะเมตตัยโพธิสัตว์จึงต้องลงไปเกิดอีกเพื่อสร้างบารมี

ตัวอย่าง  จุดดำ คือมหาเมตตา  ไม่ได้ืำทำให้เวียนว่ายตายเกิด   ก็อย่างจุดดำหรือความเมตตาของพระมหาโพธิสัตว์กวนอิม(สัมโภคกาย)ยังไงล่ะครับ  ท่านก็ยังเป็นพระมหาโพธิสัตว์กวนอิม(ธรรมกายที่เป็นกายทิพย์สัมโภคกายด้วย)  ไม่ต้องลงมาเกิดแล้ว  แต่มนุษย์คนใดสามารถบรรลุธรรมระดับเดียวกับท่าน  ก็จะเป็นกวนอิมเหมือนท่าน เช่น กวนอิมพันมือ(เกิดเมื่อหลายกัปมาแล้ว) และกวนอิมประทานพร(เกิดเมื่อ 4000 ปีก่อนพุทธกาล)

 -นั้นก็คือ หลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ และสมเด็จโต เป็นองค์เดียวกันกับพระอชิตะ(พระศรีอริยะเมตตัยโพธิสัตว์) แต่จิตเดียวกันทั้ง 4 จิต ลงไปเกิดคนละยุคเท่านั้น  เพื่อจะสะสมบารมี  ทำให้ ศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์ กลายเป็น ศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า

81  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมะ ที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ เพื่อเข้าใจในสัมมาทิฏฐิ / มีจุดดำ คือ ความเมตตา ดีไหม? เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2011, 08:53:50 PM
มีจุดดำ คือ ความเมตตา ดีไหม?

'ปองศักดิ์' date='07 June 2011 - 07:02 PM'
เพิ่งรู้ว่าการมีความเมตตา กรุณาในจิต คือจิตไม่บริสุทธิ์



หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ  "หน่อ พุทธภูมิ ถ้าเปรียบไปแล้ว ก็คือ พระอนาคามี เพราะกำลังจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า แต่จัดเป็นพระอนาคามีชั้นพิเศษ คือเหมือนกันแต่ท่านยังไม่เอา หลวงปู่ท่านจึงยังไม่สอนใครถึงนิพพาน เพราะถึงไม่ใช่กิจของท่าน แต่ท่านรู้ทั้งนั้น บารมีทั้ง ๑๖ อสงไขย ไม่รู้ได้อย่างไร หลวงปู่ทวด จิตท่านยังมีจุดดำอยู่ แกว่าจริงไหม"
 
ผู้เขียนตอบว่า "ถ้า ไม่มีท่านก็สำเร็จ(อรหันต์-พลศักดิ์)แล้วซิครับ แต่จุดดำนั้นเป็นจุดของความเมตตา ที่ท่านจะโปรดสัตว์ เพื่อจะให้สมกับคำว่า ศรีอริยเมตไตรย ดังนั้น จุดดำนี้ผมถือว่า มีค่าน้อยมากตัดทิ้งไปได้เลย" หลวงปู่ท่านพยักหน้ายิ้มรับ
82  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมะ ที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ เพื่อเข้าใจในสัมมาทิฏฐิ / Re: จิตคือะไรคับ.....ความหมายของจิตทางโลก กับทางธรรมเหมือนกันหรือไม่? เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2011, 01:47:59 AM
คุณcelluloseครับ


วิญญาณนั้นแหละคือ จิตสังขาร หรือกายทิพย์ จะเรียกจุติจิต หรือ ปฏิสนธิจิต ก็คือวิญญาณ หรือ จิตสังขาร หรือกายทิพย์ นั่นเอง -  สิ่งนี้เป็นเพียงเปลือกหยาบของความจริง = ผี หรือเทวา หรือพรหม ฯลฯ ที่เราเคยเป็น และจะเป็นเมื่อเราตาย...นั่นแหละคือ จิต(สังขาร)

นิพพานจิต จิตที่หมดกิเลส  - เป็นแก่นหรือเป็นชั้นในสุดของความจริง = จิตที่เป็นแก่น แม้แต่พกาพรหมยังไม่เห็น หาไม่เจอ  มัจจุราจและพยายมก็หาไม่เจอ
83  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมะ ที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ เพื่อเข้าใจในสัมมาทิฏฐิ / Re: จิตคือะไรคับ.....ความหมายของจิตทางโลก กับทางธรรมเหมือนกันหรือไม่? เมื่อ: กรกฎาคม 05, 2011, 01:23:19 AM

ความจริงเกี่ยวกับจิตที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้

สำหรับพุทธเรา การเห็นวิญญาณออกจากร่างไปสัมผัสมิติอื่นเป็นเพียงเปลือกหยาบของความจริง ยังมีเนื้อในแห่งสัจจะที่เป็นธรรมแท้ยิ่งกว่านั้น คือเห็นจิตเกิดดับต่อหน้าต่อตา ทั้งยังมีสติในชีวิตสามัญ ยังพูดคุย ยังเดินเหินอยู่ด้วยอาการเดิมนี้เอง เมื่อเกิดประสบการณ์ภายในดังกล่าวแล้ว จะมีข้อดีเหนือการถอดวิญญาณที่สำคัญคือวางทุกข์เสียได้เหมือนคนรู้ตัวว่าถือถ่านร้อนแล้วโยนทิ้ง ตลอดจนทำลายเหตุแห่งทุกข์เสียได้เหมือนคนรู้ว่าอะไรทำให้ถ่านร้อนก็ทำลายสิ่งนั้นลงเสีย

อย่างไรก็ตาม ควรทราบให้ถี่ถ้วนว่าพระพุทธองค์แสดงเรื่องของจิตไว้อย่างไรบ้าง การเลือกรับรู้เพียงแบบใดแบบหนึ่งอาจทำให้เห็นอะไรด้านเดียว หรือไม่ก็มุ่งเน้นเฉพาะด้านใดด้านหนึ่งเกินไปแบบได้หน้าลืมหลัง จัดเป็นความเห็นที่ขาดความสมบูรณ์ ซึ่งอาจเสียประโยชน์ หรือเป็นผลร้ายต่อตัวเองและผู้อื่นด้วยเงื่อนไขที่คาดเดายาก เช่นบางคนจะอ้างเฉพาะที่พระพุทธองค์สอนเรื่องข้ามภพข้ามชาติจึงจัดว่าวิญญาณเป็นอัตตา ขณะที่บางคนเห็นใครใช้คำสื่อสารง่ายๆเช่น “วิญญาณคนตายจะลอยไปสู่ภพภูมิใหม่” ก็ว่าเขาหลงผิด เพราะตามหลักที่ถูกคือหลังจุติจิตดับลง จะเกิดปฏิสนธิจิตสืบต่อทันที


วิญญาณนั้นแหละคือ จิตสังขาร หรือกายทิพย์ จะเรียกจุติจิต หรือ ปฏิสนธิจิต ก็คือวิญญาณ หรือ จิตสังขาร หรือกายทิพย์ นั่นเอง -  สิ่งนี้เป็นเพียงเปลือกหยาบของความจริง

นิพพานจิต จิตที่หมดกิเลส  - เป็นแก่นหรือเป็นชั้นในสุดของความจริง
84  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมะ ที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ เพื่อเข้าใจในสัมมาทิฏฐิ / Re: คำทำนายภัยพิบัติโลกปี 2553-2556 ของพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เมื่อ: มีนาคม 27, 2011, 06:51:06 PM
สาธุ  ขอบคุณสำหรับบทความค่ะ  ทำให้คลายความวิตกไปได้   ...
ชญาน์ทิพย์ โพสต์เมื่อ 27-3-2011 13:41



อย่าเพิ่งคลายความวิตกเลยครับ  ประเทศไทยรอดพ้นจากภัยพิบัติหนักไปได้(เบาบางมาก) ก็เพราะพวกคุณผู้มีธรรมะนั่นแหละ จะช่วยกันทำกรรมฐาน และแผ่เมตตาช่วยเหลือชาวโลก  อย่างไรก็ตาม ผู้มีจิตบริสุทธิ์ได้ฌานยังมีไม่มาก  จึงแผ่เมตตาช่วยเหลือชาวโลกไม่ได้ไกล และไม่ได้ทั่วโลก  ส่วนใหญ่อำนาจบุญของคุณจะตกอยู่ในเมืองไทย

อ้อ!  พายุและน้ำท่วมจะมีเหมือนเมื่อปีก่อน  ปีก่อนภาคเหนือและอีสาน รวมทั้งภาคใต้รอดตายจากวิกฤตไปได้ในตอนท้าย ตอนที่อุตุพยากรณ์ว่า พายุจะถล่มเข้ามาหนักอีก  จู่ๆ..พายุมันหยุดในเหนือและอีสาน น้ำเลิกท่วม   และพายุอีกลูกหนึ่งในภาคใต้  ก็เปลี่ยนทิศทางตกทะเลไปเฉยๆ เป็นผลมาจากผู้มีบุญและมีอภิญญาผู้หนึ่ง  แผ่เมตตาหยุดพายุให้   

อย่างไรก็ตาม ภัยพิบัติของโลกต้องอาศัยผู้มีบุญและมีอภิญญาเป็น 100 คน จึงจะทำให้มันไม่เกิดขึ้นได้  หรือต้องอาศัยผู้มีศีล 5 จำนวนหลายสิบล้านคน จึงจะต่อรองกับฟ้าได้
85  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมะ ที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ เพื่อเข้าใจในสัมมาทิฏฐิ / คำทำนายภัยพิบัติโลกปี 2553-2556 ของพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เมื่อ: มีนาคม 27, 2011, 12:23:37 PM
'ปองศักดิ์包青天' date='25 March 2011 เขียนถามว่า:
คุณพลศักดิ์ช่วยใช้ธรรมกายของท่าน วิปัสสนากรรมฐานดูให้หน่อยเถิดว่า ประเทศไทยในปีพ.ศ.2554 จะเกิดภัยพิบัติใดบ้างครับ?


ตอบ 


เราเห็นว่า  ภัยพิบัติจะมาจากน้ำ  น้ำแข็งขั่วโลกจะละลาย ทำให้เกิดน้ำท่วมประเทศต่างๆที่อยู่ติดชายฝั่งทะเล โดยเฉพาะที่มัลดีฟ ซึ่งเป็นเกาะสวรรค์ หรือหาดสวรรค์ จะจมลงต่ำกว่าระดับน้ำทะเลปลายปี 2554   ภาวะอากาศจะวิปลิตผิดปกติตลอดในปี 2553-2556 

ภัยพิบัติจากแผ่นดินไหว ตามหลักวิทยาศาสตร์มาจากแกนขั่วโลกเคลื่อน  แต่ความจริงแล้วเกิดจากอำนาจของผู้ทรงฤทธิ์ ที่ท่านนำวิบากกรรมผิดศีลของมนุษย์ มาลงโทษมนุษย์

ปีที่แล้ว เบื้องบนผู้ทรงฤทธิ์ ได้ให้โอกาสครั้งสุดท้ายกับมนุษย์ เพื่อตกลงกันเรื่องกรีนเฮ๊าเอฟเฟคให้ได้ โลกจะได้รอดวิกฤตจากน้ำแข็งขั่วโลกละลายและแกนโลกเคลื่อน  แต่มนุษย์ต่างเห็นแก่ตัว  เห็นแก่ประโยชน์ของประเทศตนเองเท่านั้น  ไม่เห็นแก่โลก  จึงตกลงกันไม่ได้

ความเป็นจริง...อนาคตอาจเปลี่ยนแปลงได้  อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลักเลี่ยงไม่พ้น  เพราะพระพุทธเจ้าเป็นผู้เห็นอนาคตที่ไม่เปลี่ยนแปลง  ได้ระบุไว้แล้วว่า ภัยพิบัติจะมาจากทางน้ำ (ไว้ผมจะนำหลักฐานมาแสดง)

โชคดีที่ว่า... ประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลางแห่งพุทธศาสนา  จึงรอดพ้นจากภัยพิบัติหนักไปได้(เบาบางมาก)  สิงคโปร์เป็นประเทศที่ตั้งถูกฮวงจุ้ย  ภัยพิบัติจึงเบาบางลงเช่นกัน
86  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมะ ที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ เพื่อเข้าใจในสัมมาทิฏฐิ / Re: สุดยอดวิธีหนีนรกง่ายทีสุดที่พระพุทธเจ้าสอน เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 09:17:37 PM
คุณ insane ครับ


ที่คุณเขียนว่า

ถ้าเชื่อตามและทำอย่างคุณ
โดยทำอกุศลกรรม ตลอดชีวิต
และแค่อมพระ หรือระลึกพระพุทธเจ้า เป็นสรณะตอนตาย
ก็ไม่อาจล้างอกุศลกรรม ที่มากมายกว่ากุศลกรรมได้
ก็ต้องไป ทุคติภูมิ ไปเป็นเปรต เป็นสัตว์เดียรัจฉาน   


ตอบ

1. พระพุทธเจ้าเป็นผู้ตรัสสอน  ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับผม

องค์สมเด็จพระจอมไตร ตรัสว่า

“คนที่ไม่เคยใส่บาตร ไม่เคยฟังเทศน์ ไม่เคยยกมือไหว้ นึกถึงชื่อตถาคตอย่างเดียว ตายแล้วไปสวรรค์ไม่ใช่นับร้อย นับพัน นับเป็นโกฏิ

2. ผมไม่เคยพูดว่า วิธีนี้ลบล้างอกุศลกรรมได้เลยนะครับ
3. จิตของเขาก่อนตายนึกถึงพระพุทธเจ้าตลอดเวลา  เขาจะตกนรกได้อย่างไร  คิดซิครับ
4. ตามประวัติ นายแคล้ว ธนิกุล เป็นคนที่นับถือพระรัตนตรัยมาก  แต่การทำบาปของเขามันเป็นคนละส่วน  บุญอยู่ส่วนบุญ บาปอยู่ส่วนบาป  แต่บุญก่อนตายที่ได้ถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะแล้ว จึงทำให้เขาพ้นจากอบาย แต่เมื่อพลังบุญนั้นหมดไป เช่น อีก 10000 ปี เขาก็ต้องลงมารับอกุศลธรรมอยู่ดี  ถ้าเขาไม่ทำบุญใหญ่ๆหนีกรรมอีก  ยังไงก็ต้องใช้กรรม
5. เราจะให้เขาชดใช้กรรมชั่วเดี๋ยวนี้เลย  มันทำไม่ได้ครับ  ถ้าเขายังมีกรรมดีที่ให้ผลอยู่  กรรมดีนั้นก็ยังคุ้มครองเขาอยู่ 
87  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ทางแห่งพระนิพพาน เดินไปอย่างไร มีวิธีปฏิบัติอย่างไร / Re: พระโสดาบัน เคยทำบาป จะตกนรก หรือไม่ เมื่อ: ตุลาคม 08, 2010, 11:24:15 PM


  1. พระโสดาบันทำให้ไม่ตกอบาย (เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย นรก)อีกจริง หรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร
 
  ตอบ.
 จริง ..เมื่อเจริญวิปัสสนาจนวิปัสสนาญาณขึ้นถึงญาณที่ ๑๔ โสดาปัตติมรรคจะทำหน้าที่ประหารตัวมิจฉาทิฏฐิที่นอนเนื่องอยู่ในจิตสันดานได้อย่างเด็ดขาดสิ้นเชิง มิจฉาทิฏฐินี่แหละที่เป็นตัวเชื้อให้เราต้องตกอบาย (คือ กำเนิดเตรัจฉาน เปรต อสุรกาย ตกนรก)อีก(1)       
           เมื่อเราบรรลุโสดาบันได้แล้ว ไม่ว่าในอดีตชาติหรือชาติปัจจุบัน เราได้เคยทำบาปอกุศลไว้มากมายเพียงใดก็ตาม   ก็ไม่ต้องไปชดใช้กรรมในนรกอีกต่อไป และจะเกิดในสุคติภูมิ (โลกมนุษย์,สวรรค์) ได้อีกไม่เกิด ๗ ชาติเป็นอย่างยิ่ง   สัตว์โดยทั่วไปต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ใน ๓๑ ภูมิ (คือ อรูปพรหม ๔ ชั้น รูปพรหม ๑๖ ชั้น  เทวดา ๖ ชั้น  มนุษย์ เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย และนรก(2)  หาเบื้องต้นและที่สุดไม่พบ ต้องตกอบายทุกข์ทรมานในนรกอยู่เป็นอาจิณ เหมือนบ้านเก่าทีต้องแวะเวียนไปอยู่เสมอ  แต่ ถ้าเราสามารถบรรลุโสดาบันได้ภายในชาตินี้ ก็ไม่ต้องตกอบายอีก จะไปเกิดในสุคติภูมิอีกไม่เกิน ๗ ชาติแล้วบรรลุอรหันต์ เข้าถึงความดับภพชาติโดยสิ้นเชิง ไม่เกิดใหม่อีกต่อไป  เมื่อไม่เกิดอีกก็ไม่ต้องแก่ ไม่ต้องเจ็บ ไม่ต้องตาย ไม่ต้องตกนรก, ตกอบาย และไม่ต้องเป็นทุกข์อีกแล้ว

อ้างอิง   พระไตรปิฎกภาษาไทย แปลโดยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

 ดูรายละเอียดในพระไตรปิฎก  เล่มที่ ๒๓ หน้า ๙๗     2. ดูรายละเอียดในพระไตรปิฎก  เล่มที่ ๒๓ หน้า ๖๗

 

คำว่า ประหารมิจฉาทิฏฐิ ที่นอนเนื่องอยู่ในจิตสันดานได้อย่างเด็ดขาดสิ้นเชิง  ขึ้นถึงญาณที่ ๑๔ ฟังแล้วไม่รู้เรื่อง  ผมอธิบายภาษาสมัยใหม่แบบนักเลงดีกว่า

 ประหารมิจฉาทิฏฐิ ที่นอนเนื่องอยู่ในจิตสันดานได้อย่างเด็ดขาดสิ้นเชิง  =  ข้ารู้ความจริงแล้วว่า  สิ่งที่ข้าคิดปรุงแต่งกุศลและอกุศล และทำกรรมนั้นลงไป ที่เรียกว่า ทำบุญ ทำบาป  มันดันไปสร้างภพภูมิทิพย์รอข้าอยู่ในปรโลกเป็นสวรรค์และนรก  นรกและไฟนรกมันมี เพราะจิตใต้สำนึกของข้าคิดปรุงแต่งให้มันมี  คนทั่วไปเขาไม่รู้ความจริง  และปฏิบัติจนถึงขั้นรับรู้ว่าสิ่งเหล่านั้นไม่มีไม่ได้  แต่พระโสดาบันปฏิบัติจนรู้และเห็นแล้วว่า  ทุกอย่างมันเป็นแค่มายา เป็นความว่างเปล่า  แล้วไฟนรกจะทำอะไรข้าได้  เพราะจิตข้ารู้อย่างชัดเจนแล้วว่า  มันเป็นแค่มายา เป็นความว่างเปล่า

สรุป

จิตใต้สำนึกหรือภวังคจิต  ซึ่งเป็นตัวเก็บสันดานของเรา  มันมีภพภูมิต่างๆอยู่  พระโสดาบันรู้และปฏิบัติได้แล้วว่า ทุกอย่างแม้แต่โลกของเรา หรือนรก ล้วนเป็นแค่มายาของจิต จริงๆมันเป็นความว่างเปล่า  ไฟนรก ต้นงิ้ว กระทะทองแดง ฯลฯ ต่างก็เป็นของปลอมทั้งนั้น  ใครจะเอาของปลอมมาหลอกท่านไม่ได้แล้ว  นี่แหละเป้นเหตุที่ท่านไม่มีทางตกนรก เพราะพระโสดาบันรู้แล้วว่ามันเป็นของปลอม  แต่มนุษย์ที่ยังติดกิเลส อวิชชา  ทำบาปหรือความชั่วลงไป  มันคิดว่า ไฟนรก ต้นงิ้ว กระทะทองแดง ฯลฯ เป็นของจริง  รวมทั้งวิญญาณสกปรกของมัน มันก็คิดว่าเป็นของจริง  คนบาปเหล่านี้เลยโดนไฟเผา
88  ห้องนั่งเล่น คุยกันสบายๆตามประสาชาวกรรมฐาน / คุยกันสบายๆ ตามประสาชาวกรรมฐาน.คอม / Re: เราไหว้พระพุทธรูปคือไหว้ใคร? ไหว้อะไร? เมื่อ: ตุลาคม 06, 2010, 09:24:15 PM
คุณavatarครับ


ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะครับ  หินศักสิทธิ์ เมกกะ ชิ้นนี้ ถ้าไม่ศักดิ้สิทธิ์จริง  จะไปหลอกคนทั่วโลกได้อย่างไร  แต่เพราะหินศักสิทธิ์ ศักสิทธิ์จริงๆ ฟ้าดินจึงให้คงอยู่มาทุกยุคทุกสมัย  เฉกเช่นพระบรมสารีริกธาตุในที่ต่างๆ  ถ้าไม่ใช่ของจริง  อยู่ได้ไม่นานหรอกครับ
89  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ทางแห่งพระนิพพาน เดินไปอย่างไร มีวิธีปฏิบัติอย่างไร / Re: นิพพานคืออะไร เมื่อ: สิงหาคม 27, 2010, 10:35:42 PM
คุณgolfreeze ยังไม่เข้าใจเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งว่า  นิพพานมี 2 อย่าง

1. อายตนะนิพพาน  
2. นิพพาน

1. อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย  สิ่งนี้เป็นอัตตา


พระไตรปิฎกบาลี ที.ปา.๑๓/๔๙/๘๕

"ภิกษุทั้งหลาย เธอจงเป็นผู้มีอัตตา (ตน) เป็นที่พึ่ง มีอัตตาเป็นสรณะ จงเป็นผู้มีธรรมเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นสรณะ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะอยู่เถิด "

(อตฺตทีปา ภิกฺขเว วิหรถ อตฺตสรณา อนญฺญสรณา ธมฺมทีปา ธมฺมสรณา อนญฺญสรณา)

อายตนะนิพพาน(ธรรมกาย) มีทั้งอายตนะภายในของแต่ละบุคคล(ธรรมกายแต่ละคน)  และมีทั้งอายตนะนิพพานกายนอก(ธรรมกายภายนอก) = เมืองพระนิพพาน

ในทางมหายานเรียกตัวอายตนะนิพพาน(ธรรมกาย)แต่ละบุคคลว่า "สัมโภคกาย"  และเรียกอายตนะนิพพานกายนอก(ธรรมกายภายนอก) หรือ เมืองพระนิพพาน ว่า "พุทธเกษตร"

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสถึง อายตนะนิพพาน ว่า:

" ดูกรภิกษุทั้งหลาย "อายตนะนั้นมีอยู่" ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญ
จายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ
โลกนี้ โลกหน้า พระจันทร์ และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็น
การไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิ
ได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ"

พระอวโลกิเตศวรยืนยันกับพระสารีบุตรว่า ธรรมกาย คือ อายตนะนิพพาน  บันทึกอยู่ในปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร พระอวโลกิเตศวรตรัสสอนพระสารีบุตรว่า

" ธรรมกาย ก็คือปรัชญาปารมิตาซึ่งเป็นสภาวธรรมแห่งพระตถาคตตรัสรู้ ก็คือ อายตนะนิพพานนั้นเอง ย่อมปราศจากการมาในอดีต ฤาการไปในอนาคต แลในปรัตยุบันกาลเล่าก็ปราศจากการตั้งอยู่มั่นคง "

 สรุป

 สภาวธรรมแห่งการตรัสรู้ของพระตถาคต (องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)ซึ่งเป็นแก่น คือ ธรรมกาย=อายตนะนิพพาน  ในขณะที่มหายนเรียกธรรมกายตัวนี้ว่า "สัมโภคกาย"  เป็นกายทิพย์ที่ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร   คัมภีร์เถรวาทเรียกกายทิพย์ที่ดำรงอยู่ชั่วนิรันดรว่า "กายธรรมหรือธรรมกาย"
  
 2. นิพพาน คือ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ที่มหายานเรียกว่า "อาทิพุทธ" หรือธรรมกาย

เถรวาทเรียก "นิพพาน"  ส่วนมหายานเรียกนิพพานว่า "ธรรมกาย"
อายตนะนิพพาน เถรวาทเรียก "ธรรมกาย"  ส่วนมหายานเรียกนิพพานอายตนะนิพพานว่า "สัมโภคกาย"

ธรรมกายตามความหมายของมหายาน
=  พุทธภาวะแท้ดั้งเดิมของสรรพสิ่งในจักรวาล
=  แสงสว่างสุกสกาวในความว่างเปล่า(สุญญตา)
=  ท้องฟ้าอันเวิ้งว่างสุกใสแห่งบรรยายกาศ
=  ธรรมธาตุทั้งหมด
=  อาทิพุทธ หรือพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
=  ธรรมชาติอันเปลือยเปล่าแห่งสรรพสิ่ง มีแสงสว่างในตัวเองเพราะเป็นธาตุรู้ (ธรรมธาตุ)

หลวงปู่ดู่ฯ อธิบายว่า:

"นิพพานจริงๆแล้ว เป็นความว่าง ไม่มีอะไรเลย"

หลวงปู่ดุลย์อธิบายว่า :

" โดยปราศจากรูปปรมาณู(หมายถึง ดับวิญญาณธาตุและดับนามรูปแล้ว) ความว่างนั้น จึงบริสุทธิ์และสว่าง รวมเข้ากับความว่าง บริสุทธิ์ สว่าง ของจักรวาลเดิม เข้าเป็นหนึ่งเรียกว่า นิพพาน"

ความว่างนั้น จึงบริสุทธิ์และสว่าง = ความว่างของจิตแต่ละดวง จึงบริสุทธิ์และสว่าง = อายตนะนิพพาน(ธรรมกาย)
รวมเข้ากับความว่าง บริสุทธิ์ สว่าง ของจักรวาลเดิม เข้าเป็นหนึ่งเรียกว่า นิพพาน     = อาทิพุทธ หรือพระพุทธเจ้าทุกพระองค์รวมกัน = ธรรมกายในความหมายของมหายาน

ในศาสนาพราหมณ์   นิพพานหรือโมกษะ คือ การที่อาตมันย่อยหรือชีวาตมัน  เข้ารวมเป็น  เอกภาพกับพรหมัน
ความว่างนั้น จึงบริสุทธิ์และสว่าง รวมเข้ากับความว่าง บริสุทธิ์ สว่าง ของจักรวาลเดิม เข้าเป็นหนึ่งเรียกว่า นิพพาน"

อาตมันย่อย            = อายตนะนิพพาน
เอกภาพกับพรหมัน = นิพพาน หรือ อาทิพุทธ หรือ ธรรมกายตามความหมายของมหายาน
90  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 คืออะไร สำคัญอย่างไร / Re: เถรวาท-พระศรีอาร์ยมาในปี 2500 มหายาน-พระศรีอาร์ยมาในปี 3000 เมื่อ: สิงหาคม 04, 2010, 10:29:47 PM
คุณavatar เขียน:

...ไม่แน่ว่าจะลงมาอุบัติ อันตรกัป ไหน อาจจะอันตรกัปนี้ หรือ อันตรกัปหน้า หรือ อันตรกัปหน้าโน้น...แต่ก็ไม่แน่ อาจจะอันตรกัปนี้เลยก็ได้...



คุณน่าจะเมาหมัดมั๊ง  แต่ไม่เป็นไรครับ  ผมตอบคุณได้ทุกเรื่อง  ขอให้สงสัยเป็นวิชาการก็แล้วกัน

1. อันตรกัป คือ กำหนดอายุสัตว์ ในระหว่างขึ้นลง คือ อายุทวีขึ้นและถอยลงจนถึง 10 ปี ตายแล้วเกิดธรรมสังเวช อายุเจริญขึ้นถึง 1 อสงไขยปี แล้วเกิดประมาท อายุน้อยลงถึง 10 ปีอีก

2.  ภัทรกัป หมายถึง มหากัปที่เจริญที่สุดและเกิดขึ้นได้ยากที่สุด เป็นมหากัปที่มีพระสัมมาสัม- พุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้น 5 พระองค์ ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากที่สุด และจะไม่มีมากกว่าในภัทรกัปนี้อีกแล้ว จึงทำให้สรรพสัตว์ทั้งหลายในกัปนี้มีโอกาสจะกระทำอาสวะให้สิ้นไปได้มากกว่ากัปอื่น

3.  ปัจจุบันนี้เรากำลังอยู่ในยุคของพระสมณโคดมพุทธเจ้าซึ่งเป็นพระองค์ที่ 4 ในภัทรกัปนี้ อยู่ในอันตรกัปที่ 12 ของวิวัฏฏฐายีอสงไขยกัป ในยุคหน้าเป็นสมัยของพระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า ที่จะเสด็จอุบัติขึ้นเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์สุดท้ายของภัทรกัปนี้ ซึ่งอยู่ในอันตรกัปที่ 13 จากบทที่ 1 ปฐมบทว่าด้วยศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า http://main.dou.us/view_content.php?s_id=116&page=16
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7