แสดงกระทู้
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 7
16  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมะ ที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ เพื่อเข้าใจในสัมมาทิฏฐิ / มนุษย์ทั่วไปตายเล่นๆ พระอรหันต์ตายจริงๆ แต่ตายแล้ว.... เมื่อ: พฤษภาคม 10, 2012, 06:51:56 PM
มนุษย์ทั่วไปตายเล่นๆ  พระอรหันต์ตายจริงๆ  แต่ตายแล้วจิตบริสุทธิ์โผล่ขึ้นมาแทน

      
จากคิริมานนทสูตร (สูตรต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ)

เมื่อตายแล้วก็ทิ้งอยู่เหนือแผ่นดินหาประโยชน์มิได้ ส่วนใจนั้นเป็นของติดตามตนไปอนาคตเบื้องหน้าได้ เพราะจิตใจเป็นของไม่ตาย ที่ว่าตายนั้น ตายแต่รูปร่างกายธาตุแตกขันธ์ดับเท่านั้น ถ้าจิตใจตายแล้ว ก็ไม่ต้องเกิด ไม่ต้องตายอีกต่อไป กล่าวคือ ถึงพระนิพพาน

เข้าใจว่าตายแล้วจึงจะพ้นจากทุกข์  ครั้นเมื่อตายจริง  ก็ตายแต่ธาตุแต่ขันธ์เท่านั้น  ส่วนใจนั้นไม่ตายจึงต้องไปเกิดอีก เมื่อไปเกิดอีกก็ต้องตายอีก เมื่อเป็นเช่นนี้จะพ้นทุกข์ได้อย่างไร ที่นิยมกันว่าตาย ก็คือตายเน่าตายเหม็นกันอยู่อย่างทุกวันนี้ ชื่อว่าตายเล่น  ตายไม่แล้ว  ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตาย  หาต้นหาปลายไม่ได้ ที่ตายแท้ ตายจริง หรือตายจากรูปแตกขันธ์ดับ ตายทั้งจิตทั้งใจ มีแต่พระพุทธเจ้ากับเหล่าพระอรหันต์ ตขีนาสกเท่านั้น  ท่านเหล่านี้ ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก

คำอธิบาย

พระพุทธเจ้ากับเหล่าพระอรหันต์ เมื่อพวกท่านตาย  พวกท่านตายทั้งรูปทั้งนาม คือ ขันธ์ดับ ตายทั้งรูป ทั้งจิตทั้งใจ   ความเป็นร่างกาย เป็นบุคคลนั้นสูญ  จิตสังขาร จึงพ้นพันธนาการจากกรรมต่างๆ

แต่จิตบริสุทธิ์หรือนิพพานจิตไม่สูญ  มันโผล่ขึ้นมาแทนจิตไม่บริสุทธิ์  เพราะจิตบริสุทธิ์หรือนิพพานจิตนั้น ไม่เคยเกิด  ไม่เคยแก่  ไม่เคยเจ็บ  ไม่เคยตาย  จิตบริสุทธิ์เป็นอมตะ

สรุป

มนุษย์ทั่วไปตายเล่นๆ  พระอรหันต์ตายจริงๆ  แต่ตายแล้วจิตบริสุทธิ์หรือนิพพานจิตโผล่ขึ้นมาแทน เนื่องจากจิตบริสุทธิ์อยู่ลึกสุด และโดนทับถมด้วยจิตสังขารที่ไม่บริสุทธิ์มานานแสนนาน  จิตบริสุทธิ์นี้เป็นอมตะ  ไม่เคยเกิด  ไม่เคยแก่  ไม่เคยเจ็บ  ไม่เคยตาย
17  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมะ ที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ เพื่อเข้าใจในสัมมาทิฏฐิ / Re: วิญญาณธาตุ และขันธ์ 5 เวียนว่ายตายเกิดเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์แบบนี้ เมื่อ: เมษายน 30, 2012, 12:58:54 PM
คุณเมืองแก้วถาม

จากที่ผมอ่านข้อความของท่านเช่น 6. เสร็จแล้วจิตดวงใหม่(กายทิพย์ดวงใหม่) ไปเกิด คือไปเปลี่ยนเป็นขันธ์ 5 อันใหม่ออกมา

ผมสนใจขอเรียนถามความเห้นความรู้ของท่านหน่อยครับ 1.กายทิพย์นี้จะสะสมไปเอากรรมของขันธ์ใหม่ รวมเข้าไปอีกเรื่อยๆ หรือว่ากายทิพย์ก็เกิดใหม่(ซึ่งอันนี้น่าจะผิดเพราะกรรมเก่ามันยังตามมาอีก)

และที่ท่านบอกว่า2.ถอดกายทิพย์ก่อนขันธ์5ตาย นี้ทำได้จริงหรือ 3.ถ้าจริงแล้วกายทิพย์นี้จะทรงสติสัมปะชัญญะ(ขออภัยเขียนไม่ถูกครับ)มากเพียงพอที่จะเลือกที่จะเป็นจะเลือกเกิดตามปัญญาหรือภาระกิจอย่าไรได้หรือไม่

อีกคำถามครับ แล้ว4.กายทิพย์จะเป็น หนึ่งต่อหนึ่ง หรือ แตกเป็นหลายดวงครับ(คือผมได้รู้มาว่าบางคนมาเกิดเป็นหลายคน ซึ่งอาจจะเกิดจากจิต(กายทิพย์)รับรู้มาเลียนแบบจิตอื่นกลายเป็นคนอื่น จึงทำให้เหมือนกับคนเดียวไปเกิดเป็นหลายคน)


ตอบ

1.  กายทิพย์เริ่มต้นของเรา ก็คือตอนที่จิตปภัสสรติดอวิชชา ติดกิเลส ติดตัณหา  กายทิพย์ตัวแรก ได้กลายเป็นขันธ์ 5 มนุษย์ตัวแรกของคุณ  พวกนั้นตายไปเป็นล้านๆๆชาติแล้วครับ  จึงเรียกว่าสังสารวัฏฏ์

ผมกำลังหมายความว่า  กายทิพย์ในชาติหน้าของคุณก็เป็นกายทิพย์ที่ออกมาจากกายเนื้อ(ขันธ์ 5)ของคุณในชาตินี้ กายเนื้อ(ขันธ์ 5)ของคุณในชาตินี้ก็มาจากกายทิพย์ของคุณแปลงกายลงมา

บุญกรรมของคุณในชาติก่อนๆของคุณ  ก็ต้องไปบวกกับบุญกรรมในชาตินี้ของคุณ  มันเก็บสะสมอยู่ในกายทิพย์ของคุณี่จะออกจากร่างเมื่อคุณตาย

2. ถอดกายทิพย์ทำได้จริงครับ  คุณก็ถอดกายทิพย์เล่นประจำ ก็กายฝันของคุณนั่นแหละ  เพียงแต่คุณบังคับบัญชามันไม่ได้  เพราะไม่มีสติในความฝัน  คนที่มีสติในตอนฝัน  ก็คือคนที่ถอดกายทิพย์ได้แบบมีสติ

3.  สติปัญญาของคุณในชาติหน้า  จะเกิดจากผลบุญผลกรรมของคุณในชาตินี้ 

4. หลวงพ่อฤาษีบอกชัดว่า พ่อ(พระปฐมพุทธเจ้าที่ไม่ใช่มนุษย์)ให้มาดวงเดียว  พวกที่มีหลายจิต(หลายกายทิพย์) ก็พวกที่เป็นหน่อพุทธภูมิ เช่น พระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์ ท่านมีหลายจิต(หลายกายทิพย์)  ไปเกิดเป็นหลวงปู่ดู่ หลวงปู่ทวด  หลวงพ่อโต  ในขณะที่พระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์ก็ยังอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิตเหมือนเดิม
18  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมะ ที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ เพื่อเข้าใจในสัมมาทิฏฐิ / วิญญาณธาตุ และขันธ์ 5 เวียนว่ายตายเกิดเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์แบบนี้ เมื่อ: เมษายน 29, 2012, 05:01:29 PM
วิญญาณเวียนว่ายตายเกิด  มันทำกันอย่างนี้:

1. ขันธ์ 5 = ร่างกาย+วิญญาณขันธ์ ของคุณกับผมในปัจจุบัน   มันก็คือวิญญาณธาตุ หรือจิตเดิมของคุณกับผม แปลงเปลี่ยนเป็นนามรูป(ขันธ์ 5)

2. ขันธ์ 5 = ร่างกาย+วิญญาณขันธ์ สิ่งเหล่านี้มันตายห่าไปได้  ตายหมายถึง วิญญานขันธ์ ตายดับไปพร้อมกาย 

สิ่งนี้ (ขันธ์ 5) ไม่มีเวียนว่ายตายเกิดแล้วครับ  ตายห่าตายโหงแล้ว  ก็ตายไปเลย

3. แต่ขันธ์ 5 ของคุณกับผม  ตลอดทั้งชีวิตของพวกเรา  เราเสือกไปคิดปรุงแต่ง  และไปทำดีทำชั่วตลอดเวลา  การคิดปรุงแต่งและการทำความดีความชั่วของเรา มันดันค่อยๆไปสร้างวิญญาณธาตุ หรือกายทิพย์ หรือจิตดวงใหม่ขึ้นมา

แล้วไอ้จิตดวงใหม่ของเรา  มันจะออกมาจากร่างกายและวิญญาณขันธ์ได้  เมื่อขันธ์ 5 ของเราตายห่าแล้วเท่านั้น 

4. นอกจากคนที่ฝึกจิตถึงขั้น  คนพวกนี้รวมถึงผมด้วย  สามารถถอดจิตดวงใหม่(กายทิพย์ดวงใหม่)ออกมาก่อนตายได้ 

5. สิ่งที่เวียนว่ายตายเกิดคือ จิตดวงใหม่(กายทิพย์ดวงใหม่)นั่นเอง  จิตดวงใหม่มันจะบึนทึกความทรงจำ+กรรมดีกรรมชั่วของขันธ์ 5 เดิมที่ตายห่าไปแล้ว

6. เสร็จแล้วจิตดวงใหม่(กายทิพย์ดวงใหม่) ไปเกิด  คือไปเปลี่ยนเป็นขันธ์ 5 อันใหม่ออกมา

7.  พอขันธ์ 5 อันใหม่ตายห่าอีก  ก็เกิดจิตดวงใหม่อีกดวงขึ้นมาอีก  จิตดวงใหมล่าสุด มันก็ได้บันทึกความจำ+กรรมดีกรรมชั่วที่ขันธ์ 5 ชาตินั้นก่อไว้แล้ว

8.  แล้ว...จิตดวงใหม่สุดท้าย  ก็ไปเกิดอีก คือไปเปลี่ยนเป็นขันธ์ 5 อันใหม่อีกอันออกมาอีก  แล้วมันก็ต้องรับวิบากกรรมดีและชั่วจากกรรมที่จิตดวงเดิมๆก่อไว้ในชาติก่อนๆ

9.  จนกว่าขันธ์ 5 สุดท้าย จะชดใช้กรรมดีกรรมชั่วของขันธ์ 5 ชาติก่อนๆๆๆหน้านั้น ไปจนหมดสิ้นแล้ว  มันจึงจะหมดกรรม  ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดใช้กรรมใดๆอีก

 หรือจนกว่าขันธ์ 5 มันจะเลิกคิดปรุงแต่ง เลิกก่อกรรมแล้ว  มันก็จะกลายเป้นจิตปภัสสร หรือจิตบริสุทธิ์ ดังตอนเริ่มแรกที่มันเคยเป็น

สรุป

วิญญาณธาตุ ทำให้เกิด นามรูป หรือ ขันธ์ 5   พอขันธ์ 5 ตาย  ก็ไปทำให้เกิดวิญญาณธาตุดวงใหม่  แล้ววิญญาณธาตุดวงใหม่ก็ไปทำให้เกิด  นามรูป หรือ ขันธ์ 5 ดวงใหม่ขึ้นมาอีก  ไปเรื่อยๆอย่างนี้

การวนเวียนสร้างวิญญาณ และขันธ์ 5 ไปเรื่อยๆแบบนี้ เรียกว่าเวียนว่ายตายเกิด หรือสังสารวัฏฏ์

มันจะสิ้นสุดเมื่อเราใช้กรรมเก่าๆๆๆๆๆๆๆหมดแล้ว ซึ่งมันเยอะเป็นอนันต์   ดังนั้น เราจะให้การเวียนว่ายตายเกิด หรือสังสารวัฏฏ์ของเราจบ   เราจึงต้องเลิกคิดปรุงแต่ง เลิกก่อกรรมทางใจอีก  คือ ต้องเป็นพระอรหันต์ เท่านั้น
19  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมะ ที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ เพื่อเข้าใจในสัมมาทิฏฐิ / Re: ถ้าคุณเข้าใจเรื่องนี้ คุณก็เข้าใจเรื่องบุญบาปและศีล 5 อย่างกระจ่างแล้ว เมื่อ: เมษายน 26, 2012, 11:46:52 AM
บททดสอบความเข้าใจเรื่องบาปบุญ

ดูก่อนสารีบุตร พระรามโพธิสัตว์เจ้าได้บำเพ็ญกองบารมีทั้งหลายมาช้านานเป็นอันมากแล้ว แต่กองบารมีธรรมครั้งหนึ่งนั้น ปรากฏเป็นยอดปรมัตถบารมีอันประเสริฐ

.....ในเมื่อครั้งพระศาสนาพระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระรามองค์นี้เป็นบรมโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ มีนามว่านารทมาณพ

วันหนึ่งนารทมาณพได้ทัศนาการเห็นองค์พระพุทธกัสสปสัพพัญญูบรมครูเจ้าครั้งนั้น ก็มีความโสมนัสยินดีปรีดา คิดว่าจะกระทำสักการบูชาแก่พระองค์ให้เห็นศรัทธาของอาตมา มิได้คิดแก่ชีวิตอินทรีย์ คิดแล้วจึงเอาผ้า ๒ ผืนชุบน้ำมัน พันสรีรกายตั้งแต่เศียรเกล้าตลอดปลายเท้าทั้ง ๒ แล้วก็จุดไฟขึ้นบนศีรษะเป็นประทีปกระทำสักการบูชา ถวายแก่องค์สมเด็จพระพุทธเจ้า แล้วตั้งปณิธานความปรารถนาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระภาคเป็นอันงาม อันว่าองค์อวัยวะน้อยใหญ่ในสรีรกายของข้าพระพุทธเจ้า คือเลือดเนื้อเป็นอาทิ กระทำเป็นทานถวายแก่พระองค์ในกาลบัดนี้ ปัจจโย โหตุ จงบังเกิดมีเป็นปัจจัย ให้อุปการคุณอุปถัมภกยกชูข้าพระพุทธเจ้าให้ได้สำเร็จแก่พระสร้อยสรรเพชุดาญาณ ในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเถิด

 เหตุใด ครั้งนั้นองค์สมเด็จพระพุทธกัสสปเจ้า จึงตรัสพยากรณ์ในท่ามกลางบริษัททั้ง ๔  ทำนายว่า  นารทมาณพนั้น ในกาลเบื้องหน้า  ตัวของมาณพคนนี้จะได้บังเกิดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่าพระรามสัพพัญญูในมัณฑกัปป์อันนั้น

ที่สำคัญคือว่า  องค์สมเด็จพระพุทธกัสสปเจ้า ได้กล่าวสรรเสริญชมว่า จะหามนุษย์ผู้ใดเปรียบเสมอสองหามิได้ นานไปจะได้บังเกิดเป็นสมเด็จพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง

- ด้วยผลอานิสงส์ที่ท่านมิได้เอื้อเฟื้อแก่สรีรกายของท่าน   เสียสละชีวิตของตนทำมหาบริจาค  มีเจตนาอันใหญ่ยิ่งกว่าบารมีทั้งหลายทั้งปวง

สรุปและถาม


เหตุใดการจุดไฟเผาหัวตัวเองของนารทมาณพ เป็นการฆ่าตัวตาย เป็นปาณาติบาตสุดสยองชัดๆ  จึงกลายเป็นมหากุศล มหาบริจาค  อันจะนำไปสู่ความเป็นพระรามะพุทธเจ้า ต่อจากพระศรีอารย์พุทธเจ้า 

ถ้าคุณตอบปัญหานี้ได้  เท่ากับคุณเข้าใจศาสนาพุทธอย่างกระจ่างแล้ว หลุดจากการหลองลวงของมาร
20  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมะ ที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ เพื่อเข้าใจในสัมมาทิฏฐิ / ถ้าคุณเข้าใจเรื่องนี้ คุณก็เข้าใจเรื่องบุญบาปและศีล 5 อย่างกระจ่างแล้ว เมื่อ: เมษายน 26, 2012, 11:45:45 AM
จิตเป็นผู้กำหนดบาปบุญ  กายและวาจาไม่ได้กำหนดบาปบุญ

พระพุทธเจ้าตรัสว่า "จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว"

พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่
มีใจเป็นประธาน ธรรมทั้งหลายสำเร็จได้ด้วยใจ"


ถ้ามีใจชั่วเสียแล้ว  จะ พูด หรือ ทำ ประการใดก็ตาม  ทุกข์ย่อมติดตามเขาไป  ดุจล้อหมุนตามรอยเท้าโค ที่ลากเกวียนไป

แต่ถ้ามีใจดีอยู่ จะพูด หรือ ทำ ประการใดก็ตาม  สุขย่อมติดตามเขาไปเหมือนเงาตามตัว

พระพุทธเจ้าบัญญัติว่่า การผิดศีล 5 เป็นบาป  เพราะ 95% ของการผิดศีล 5 จิตเป็นอกุศลในตอนที่พูดหรือทำสิ่งนั้น  มันจึงเป็นบาป

แต่ถ้าจิตเป็นกุศลตอนที่ผิดศีล 5 ไม่ว่าจะเป็นการพูดหรือทำสิ่งนั้นก็ตาม  การผิดศีล 5 ก็จะกลับกลายเป็นบุญแทน
 
สรุป

พระเวสสันดรยกเมียและลูกให้เป็นทาสคนอื่นเป็นบาปทางวาจา และการกระทำชัดๆ   แต่พระพุทธเจ้าบัญญัติว่่าเป็นมหากุศล  เพราะตอนที่พระเวสสันดรยกเมียและลูกให้เป็นทาสคนอื่น  จิตคิดว่า ยอมเสียสละสิ่งที่ตนเองรักที่สุดให้คนอื่น  เพื่อจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า  จะได้ช่วยมนุษย์และสรรพจิตในสังสารวัฏฏ์ให้รู้วิธีหลุดพ้นออกจากความทุกข์ได้

ถ้าเราไม่เข้าใจเรื่องจิตเป็นผู้กำหนดว่า อะไรเป็นบุญ  เป็นบาป  ไม่ใช่กายและวาจาเป็นกำหนดบุญบาป  เราก็ไม่มีวันเข้าใจพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง
21  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมะ ที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ เพื่อเข้าใจในสัมมาทิฏฐิ / จิตเป็นผู้กำหนดบาปบุญ  กายและวาจาไม่ได้กำหนดบาปบุญ เมื่อ: เมษายน 25, 2012, 10:41:17 PM
จิตเป็นผู้กำหนดบาปบุญ  กายและวาจาไม่ได้กำหนดบาปบุญ

พระพุทธเจ้าตรัสว่า "จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว"

พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่
มีใจเป็นประธาน ธรรมทั้งหลายสำเร็จได้ด้วยใจ"


ถ้ามีใจชั่วเสียแล้ว  จะพูดหรือทำประการใดก็ตาม
ทุกข์ย่อมติดตามเขาไป  ดุจล้อหมุนตามรอยเท้าโค ที่ลากเกวียนไป

แต่ถ้ามีใจดีอยู่ จะพูด หรือ
ทำประการใดก็ตาม  สุขย่อมติดตามเขาไปเหมือนเงาตามตัว

สรุป

เราใช้จิตหรือใจในการสร้างกรรมดี หรือชั่ว
แล้ววิบากกรรมจะส่งผลบาป ส่งผลบุญให้กับเรา  ตามจิตกุศล และจิตอกุศล ที่เราใช้กายและวาจากระทำลงไป  

เว็บนี้จะมีใครเข้าใจธรรมะของพระพุทธเจ้าไหมว่า จิตเป็นผู้กำหนดบาปบุญ  กายและวาจาไม่ได้กำหนดบาปบุญ

22  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ทางแห่งพระนิพพาน เดินไปอย่างไร มีวิธีปฏิบัติอย่างไร / Re: นิพพานคืออะไร เมื่อ: เมษายน 17, 2012, 11:26:06 PM
พระอรหันต์นิพพานแล้วไปไหน

 ก็กลับไปที่ๆมาเริ่มต้นสุดเลยยังไงล่ะ  เรามาจากความว่าง  ก็กลับไปสู่ความว่าง  ที่เรียกว่า มหาสุญญตา(พุทธภาวะเริ่มแรกที่ไม่มีอะไรเลย)  เราก็ต้องกลับไปยังมหาสุญญตา(พุทธภาวะเริ่มแรกที่ไม่มีอะไรเลย)

ศาสนาพราหมณ์บอกว่า  เรามาจากปรมาตมัน ซึ่งเป็นตัวรู้เดียวที่แยกตัวออกเป็นตัวรู้มากมาย(อาตมัน)

พระอรหันต์ = อาตมัน ไปนิพพาน คือ กลับเข้าไปเป็นปรมาตมัน

มึงเป็นความว่าง  มึงก็ต้องกลับไปสู่ความว่าง  แต่ไอ้ความว่างตัวนี้ มันเป็นมหาสุญญตา(พุทธภาวะเริ่มแรกที่ไม่มีอะไรเลย) = นิโรธ  ไม่มีความทุกข์อยู่เลย  พวกที่อยู่ในนิโรธจึงไม่อยากออกมาวุ่นวายเรื่องของโลกอีก

ถ้าอยากวุ่นวายเรื่องของโลกต่อไป คือ ไปช่วยคนที่มีทุกข์  ก็ต้องออกจากนิโรธ ไปเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือกายทิพย์บริสุทธิ์ ที่เรียกว่า พระอรหันต์โพธิสัตว์ ดำรงอยู่ในแดนนิพพาน ที่เป็นพุทธเกษตร หรือ สวรรค์นิรันดร
23  ห้องนั่งเล่น คุยกันสบายๆตามประสาชาวกรรมฐาน / คุยกันสบายๆ ตามประสาชาวกรรมฐาน.คอม / Re: พระพุทธศาสนาสรุปอย่างไรเกี่ยวกับมังสวิรัติ เมื่อ: เมษายน 14, 2012, 04:10:37 PM
สรุป

กูไม่กระต่าย  ไม่ใช่เต่านี่น่า  กินแต่ผักจึงจะดับทุกข์ได้

การดับทุกข์เป็นเรื่องของจิต
24  ห้องนั่งเล่น คุยกันสบายๆตามประสาชาวกรรมฐาน / คุยกันสบายๆ ตามประสาชาวกรรมฐาน.คอม / Re: รบกวนลูกศิษย์หลวงพ่อ(ฤาษีลิงดำ) และท่านผู้รู้..ที่ได้มโนยิทธิ.. ช่วยไขข้อข้องใจให้หน่อยค่ เมื่อ: เมษายน 09, 2012, 12:25:08 PM
 tippawanpt
 

พ่อดิฉันเสีย หลังท่านเสียไม่กี่วัน ท่านมาให้เห็นแล้วบอกว่าถ้าอยากรู้ว่าพ่อไปอยู่ที่ไหน ให้สังเกตจากท่านั่ง
พ่อนั่งห้อยขาบนเตียง แต่เหมือนเท้าจะวางบนอะไรสักอย่าง (แต่จริงๆแล้วไม่เห็นว่ามีอะไรมารอง)
มือวางไว้ที่หัวเข่าทั้ง 2 ข้าง แต่กำไว้


ตอนที่ผมอ่านถึงจุดนี้  จู่ๆก็ระลึกถึงว่า  ผมเคยถอดจิตออกมาดูความเป็นจริงตรงที่เตียงนอนของผม  ผมกลับมองเห็น
ตัวผมเองนอนอยู่บนความว่างเปล่า เตียงหรือหมอนก็หายไปหมด  พออ่านถึงท่อนนี้ผมก็จะตอบคุณแล้วว่า  พ่อของคุณ
บรรลุธรรมถึงขั้นเห็นอนัตตา เป็นน้องๆต์อรหันต์ แล้ว

หลังพ่อเสีย 7 วันดิฉันไปทำบุญที่ซอยสายลม แล้วได้หนังสือมาเล่มหนึ่ง .. ดิฉันเปิดอ่านด้านในทีละหน้า
แล้วชะงักครู่หนึ่ง..เพราะเจอภาพพระวิสุทธิเทพ พ่อนั่งท่าแบบเดียวกัน แต่การวางมือไม่เหมือนกัน ..
สัปดาห์ต่อมาฝันถึงพ่อ ฝันเห็นพ่อใส่กางเกงแบบเดียวกันกับพระวิสุทธิเทพ แต่เป็นสีมืดๆ ไม่ได้ใสเป็นแก้ว
เหมือนท่าน

รบกวนช่วยไขข้อข้องใจของดิฉันทีค่ะว่า พ่อไปอยู่ชั้นไหนกันแน่คะ? แล้วดิฉันจะทำอะไรได้บ้าง เพื่อให้พ่อ
ได้ไปนิพพาน

และการที่ดิฉันเปิดซีดีหลวงพ่อ(พระราชพรหมยาน)ให้แม่ฟัง พ่อเค้าจะรับรู้และฟังไปกับแม่ได้มั๊ยคะ?


พออ่านถึงท่อนนี้  ผมยิ่งมันใจใหญ่ว่า  พ่อของคุณอยู่บนเส้นทางของการเป็นอรหันต์  อาจจะเป็นโสดาบัน คือตอนนี้
เป็นเทพชั้นรองๆไปก่อน    หมายถึงว่าอาจพึ่งบารมีพระอรหันต์ท่านอื่นอยู่  เพื่อดำรงอยู่ในพุทธเกษตรของพระพุทธเจ้่า

เหมือนกับสวรรค์ชั้นดุสิต  เป็นที่อยู่ของพระโพธิสัตว์ และพระโพธิสัตว์อรหันต์ เช่น พระอรหันต์ศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์
พระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์อรหันต์  เวลาไปไหนก็จะมีเทพบริวารตามไปด้วยเต็มไปหมด  แล้วเทพบริวารเขาอาศัยอยู่ใน
สวรรค์ชั้นรองจากสวรรค์ชั้นดุสิต  ที่เรียกว่า ดุสิตา  

พ่อของคุณอยู่ในพุทธเกษตร  ซึ่งมีทั้งชั้นอรหันต์  และชั้นที่ไม่ใช่อรหันต์  ก็เหมือนอยู่ที่ สวรรค์ดุสิตาของคนธรรมดา นั่นแหละครับ

สรุป

สวรรค์ชั้นดุสิตสำหรับพระโพธิสัตว์ และพระโพธิสัตว์อรหันต์  สวรรค์ชั้นดุสิตา สำหรับบริวารที่ยังไม่บรรลุอรหันต์
สวรรค์ชั้นดุสิตาจะสนุกครึกครื้นกว่า  เหมาะสำหรับประชาชนคนธรรมดาที่ยังไม่บรรลุอรหันต์  แต่เข้าสู่ทางเดิน
หรือกระแสนิพพานแล้ว

พ่อของคณก็อยู่ในพุทธเกษตรของพระศรีศายมุนีพุทธเจ้า  ที่มีทั้งชั้นอรหันต์  และชั้นที่ไม่ใช่อรหันต์

ผมว่าในโลกใบนี้  น่าจะมีผมเพียงคนเดียว   ที่สามารถจะตอบปัญหาเรื่องนี้ของคุณได้  

และการที่ดิฉันเปิดซีดีหลวงพ่อ(พระราชพรหมยาน)ให้แม่ฟัง พ่อเค้าจะรับรู้และฟังไปกับแม่ได้มั๊ยคะ?

พ่อของคุณยิ่งกว่ารับรู้  ท่านโคตรจะรับรู้เลย  ถึงขนาดมาดลจิตให้ผมเข้ามาเว็บนี้วันนี้  และมาเปิดอ่านเรื่องของคุณ  แล้า
กล้าเปิดเผยความลับของฟ้าเรื่องพุทธเกษตรของพระศรีศายมุนีพุทธเจ้า  และสวรรค์ชั้นดุสิตา ที่อยู่สำหรับบริวารพระโพธิสัตว์
และพวกเขาก็ยังไม่บรรลุอรหันต์  ผมคิดว่า พ่อคุณเป็นเทพบริวารของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ผมถือว่า  พ่อคุณติดหนี้บุญคุณผมแล้ว  วันหลังผมจะให้พ่อของคุณพาไปเที่ยวพุทธเกษตรของพระศรีศายมุนีพุทธเจ้า เป็นการตอบแทน

ไหนๆต่อมโม้ผมก็แตกแล้ว  เลยจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง  มีอยู่ครั้งนึง มีแม่อายุประมาณ 60-65 ปี ลูกชายคนเดียวเสียชีวิต  ป้าท่านนั้นเสียใจคิดถึงลูกทุกวัน  ผมเลยไปดูให้ว่าลูกท่านยังอยู่ในปรโลกหรือเปล่า ไปพบวิญญาณลูกชายของคนป้า  วิญญาณลูกชายของคนป้า ก็พาผมไปในทางที่ผมงงว่า อยู่ไนกันวะนี่  ต่อมาจึงรู้ว่าน่าจะเป็นพุทธเกษตรแห่งหนึ่ง  แต่ตอนนั้นผมละเมิดกฎไม่ขออนุญาตเจ้าของพุทธเกษตรแห่งนั้น  เลยเข้าไปดูด้านในไม่ได้  ดูได้แต่ด้านนอก  ที่ดูร่มรื่นมาก
25  ห้องนั่งเล่น คุยกันสบายๆตามประสาชาวกรรมฐาน / คุยกันสบายๆ ตามประสาชาวกรรมฐาน.คอม / Re: ความจริงเรื่องสมมุติ วิมุติ และการสร้างโลก/จักรวาลของพวกเรา...เหล่าพระเจ้า ตอน 1 เมื่อ: เมษายน 03, 2012, 11:40:39 PM
อิอิ
อยู่ท่ามกลางมายาเหรอเจ้าค่ะ
อิอิ ...
oneness โพสต์เมื่อ 3-4-2012 19:51


กรุงแทพและโลก(อายตนะภายนอก) เป็นมายาเป็นภาพลวงตาเสมือนจริง  ร่างกายและจิตใจของคุณและผม(อาตนะภายในหรือขันธ์5) ที่เกิดแก่เจ็บตาย ก็เป็นมายา เป็นภาพลวงตาเสมือนจริงเช่นกัน  ทั้งกรุงแทพและโลก รวมทั้ง ร่างกายและจิตใจของคุณและผม = อนัตตา

แต่จิตชั้นในสุดของคุณและผม  มันมีเมืองพระนิพพาน และมีธรรมกายอมตะ ซึ่งเป็นอายตนะนิพพานภายนอกและภายในอยู่ พระพุทธเจ้าเรียกอายตนะนิพพานภายนอกและภายในว่า "อัตตา"

อนัตตา ถูกกิเลสอวิชชา ความโลภโกรธหลง  ปรุงแต่งทำขึ้น  ล้มสลายลงเมื่อผลของกิเลสอวิชชา ความโลภโกรธหลง  คือเจ้ากรรมนายเวร  มาเอาคืน

อัตตา ก็ถูกจิตที่พ้นกิเลส พ้นอวิชชา หมดความโลภโกรธหลง  ปรุงแต่งทำขึ้นมา  มันเป็นอมตะได้ เพราะพระเจ้าเป็นจิตมหาบริสุทธิ์ ที่คงอยู่ตลอดกาล เพราะความบริสุทธิ์ของจิต  ท่านไม่มีเจ้ากรรมนายเวร  เพราะพระเจ้าที่อยู่ในเมืองพระนิพพาน ล้วนไม่ทำอกุศลกรรมชั่วใดๆ

อย่างไรก็ตาม ทั้ง "สมมุติ" และ "วิมุติ"  ทั้งหมด  ก็ล้วนแล้วแต่เป็นความว่างทั้งสิ้น  เพียงแต่สมมุติโดนปรุงแต่งสร้างขึ้นมาจากความไม่บริสุทธิ์ จึงเป็นอนัตตา  แต่วิมุติโดนปรุงแต่งสร้างขึ้นมาจากบริสุทธิ์ จึงเป็นอัตตา(อมตะ)


แต่นิพพาน หรือปรินิพพาน เป็นจิตที่ไม่คิดปรุงแต่งอะไรทั้งนั้น จึงไม่มีการสร้างอะไรออกมา  แม้แต่กาลเวลา จึงเรียกนิพพาน(จิต)ในอีกชื่อหนึ่งว่า "มหาสุญญตา"

นิพพาน หรือปรินิพพาน พระพุทธเจ้าเรียกเต็มๆว่า "นิพพานจิต"  เพราะมีแต่จิตที่ไม่ปรุงแต่งเท่านั้นอยู่  ไม่มีธรรมกาย หรือกายทิพย์อยู่  เพราะทั้งคู่ยังปรุงแต่งสร้างกายขึ้นมาอยู่

ธรรมหรือจิต ที่เข้านิพพานแล้ว   ไม่ค่อยจะมีใครออกมา  พระพุทธเจ้าของเราก็ไม่ได้ออกมาจากนิพพาน  เพราะท่านได้ทิ้งธรรมกาย และสัมโภคกาย(กายทิพย์) ของท่านเอาไว้แล้วในพุทธภูมิ และพุทธเกษตร ใ้ห้ดูแลกิจการพุทธศาสนา 

ธรรมกาย และสัมโภคกาย(กายทิพย์)เหล่านั้้นก็นิพพาน หรือปรินิพพานได้เช่นกัน   เพียงแต่พวกท่านจะเข้านิพพานชั่วคราว ที่เรียกว่า"นิโรธ"เ่ท่านั้น เพราะงานของพวกท่านใน 3 ภพ  รวมทั้งในเมืองพระนิพพานมันยุ่งเหลือเกิน
26  ห้องนั่งเล่น คุยกันสบายๆตามประสาชาวกรรมฐาน / คุยกันสบายๆ ตามประสาชาวกรรมฐาน.คอม / ความจริงเรื่องสมมุติ วิมุติ และการสร้างโลก/จักรวาลของพวกเรา...เหล่าพระเจ้า ตอน 1 เมื่อ: เมษายน 03, 2012, 05:18:12 PM
ความจริงมี 2 ระดับ

1. ความจริงระดับโลกียะ หรือความจริงระดับชาวบ้าน  มนุษย์ย่อมเห็นทุกสิ่งในโลก  รวมทั้งกายใจของเขาเป็นของจริง  รับรู้แบบง่ายๆ

พอมีผู้สามารถอธิบายความรู้ระดับโลกหรือระดับชาวบ้านได้  ก็ไปเรียกเขาว่า นักปราชญ์ บ้าง  นักวิทยาศาศาตร์บ้าง ครูอาจารย์ และศาสตราจารย์บ้าง ฯลฯ

2. ความจริงระดับโลกุตตระ หรือความจริงเหนือความจริง  ความจริงระดับนี้เป็นความจริงสูงสุด  เห็นและรับรู้ได้จากการทำจิตให้สงบ  ให้ผ่องใส ตัดกิเลส ละราคะ สิ้นโทสะ และไม่หลงไหลไปกับความจริงระดับชาวบ้าน  ซึ่งเป็นของสมมุติ

ความจริงระดับโลกุตตระนี้  ผู้ที่รู้ความจริงทั้งหมดเรียกว่า พระพุทธเจ้า หรือตถาคต  ส่วนผู้ที่เข้าถึงความจริงอันนี้ เรียกว่า "พระอรหันต์"

สรุป

-ความจริงแบบชาวบ้าน รู้เห็นแบบง่ายๆ เรียกว่า "สมมุติ"
-ความจริงระดับพ้นโลก(โลกุตตระ) เรียกว่า "วิมุติ"

"สมมุติ" ทุกอย่างล้วนเป็นของมายา เป็นอนิจจัง อยู่คงทนไม่ได้ ต้องเกิดแก่เจ็บตาย

"วิมุติ" ทุกอย่างก็ล้วนเป็นของมายาด้วย เพียงแต่เป็นนิจจัง อยู่คงทนตลอดไป  ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย

อย่างไรก็ตาม ทั้ง "สมมุติ" และ "วิมุติ"  ก็ล้วนแล้วแต่เป็นความว่างทั้งสิ้น
27  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / กำลังใจ จากครูบา อาจารย์ ในการปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 / ทำกรรมฐานควบคู่กับวิปัสสนาก็ได้นะครับ เมื่อ: มีนาคม 20, 2012, 01:29:50 AM
1.ท่านใช้วิธีใดตรวจสอบว่าพระพุทธเจ้าที่ท่านเห็นนั้นจริง หรือมารปลอมตัวมา
   
2.ท่านฝึกสมาธิโดยใช้กรรมฐานกองใด


ตอบ

เมื่อจิตสงบมีสติอยู่ในฌาน   แม้เจ้าแม่กวนอิม  อวตารเป็นมนุษย์มาทดสอบผม  หรือลูกสาวพญามารมาทดสอบผมในจิต ในความฝัน  ผมก็รู้ว่า  เป็นเจ้าแม่กวนอิม และเป็นลูกสาวพญามาร

อย่างเมื่อคืน  ผมทำกรรมฐาน  แผ่เมตตาอุทิศกุศลให้สรรพวิญญาณ ทั้งสัมภเวสี เปรต และทุกจิตในอบายภูมิ  แม้แต่ในนรกอเวจี หรือนรกโลกันต์  ถ้าพลังจิตผมมีพลังส่งไปถึงที่นั้น  ก็ขอใ้ห้ทุกวิญญาณได้รับผลบุญที่ผมแผ่เมตตาอุทิศให้ด้วย   แล้วผมก็ห้าม....ไม่ให้ดวงวิญญาณใดๆ มาหาเพื่อขอบคุณผม หรือมาหา  ไม่ว่าด้วยกรณีใดๆ   เพราะผมต้องการนอนหลับให้สบาย

แต่ปรากฏว่า....มีวิญญาณตำรวจตชด.คนหนึ่งมาหาผม  แล้วเข้ามาสิงในร่างกายเนื้อของผมเฉยเลย  เขาเข้ามาทางศรีษะผม  จมลึกลงมาถึงหน้าอกผมแบบไม่มีการยำเกรงอะไรทั้งนั้น  ผมจึงถอดจิตของผมออกมา  แล้วดึงผมและตัวของเขา  เพื่่อให้วิญญาณของเขาออกมาทางศรีษะของผม "เข้ามาทางไหน ก็ออกทางนั้น"   พอเขาออกไปแล้ว  ผมก็ไม่ทำอะไรเขาทั้งนั้น  ไม่กลัว ไม่โกรธ และไม่ใช้วิชาของผม  ทำไฟเผาเขาด้วย  ผมเพียงแต่กลับเข้าร่างผม 

แต่วิญญาณตชด.ดวงนี้  ดันพยายามเข้ามาในร่างกายเนื้อผมอีกทางเอว   ผมก็ไม่ว่าอะไร  อยากจะอยู่ในร่างเดียวกับผม...ก็อยู่เลย   เพียงแต่รู้สึกแปลกๆว่า  ทำไมมีวิญญาณหน้าด้านอย่างนี้ด้วย  ก่อนผมนอนก็แผ่เมตตาใ้ห้ทุกอบายภูมิแล้ว  ห้ามแล้วว่าไม่ต้องมา  วิญญาณดวงนี้ก็ยังมาอีก  ตอนหลังเมื่อวิญญาณของเขาเบียดเข้ามา  ผมเลยต้องยอมออกจากโลกแห่ง ความฝัน 

เสร็จแล้วลุกขึ้นนั่ง  แผ่เมตตาอุทิศส่วนบุญทั้งหมดของผมที่มีอยู่  ให้ดวงวิญญาณดวงนี้ไป .... รู้สึกว่าเขาดีใจอย่างมากๆๆๆเลย   และก็จากไป 

ตอนก่อนเที่ยง   ผมก็ทำกรรมฐาน   ถามเจ้าแม่กวนอิมตรงๆเลยว่า  เจ้าแม่ส่งวิญญาณดวงนี้มาทดสอบจิตผมใช่ไหม?  ผมรู้เองในจิต  ท่านก็ยอมรับว่า "ใช่."

ผมก็เลยถือโอกาสถามพระมหาโพธิสัตว์กวนอิมต่อเลยว่า   

1.  พระพุทธเจ้าตรัสว่า บุญอุทิศให้ได้ไม่มีวันหมด  ยิ่งให้ยิ่งได้ผลบุญมากขึ้น  หมายความว่าอย่างไร?

2.  ท่านเคยแปลงร่างเป็นเปรตไปหาพระอานนท์ใช่หรือเปล่า  เพราะพระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ว่า  เปรตตนนี้เป็นอวโลกิเตศวรแปลงมา

3.  อวโลกิเตศวรเป็นพระเจ้า หรือฌานิโพธิสัตว์  แล้วกวนอิมที่ท่านเคยบอกว่า  มีกวนอิมมนุษย์ 2 องด้วยค์  นอกนั้นเป็นศิษย์หรืออวตารของกวนอิมทั้ง 2 คือ กวนอิมพันมือ และกวนอิมประทานพร  ตกลงมันเป็นยังไงกันแน่  ผมไม่ค่อยเข้าใจ

ผมว่าฟังที่ผมคุยกับพระมหาโพธิสัตว์กวนอิมเอาเอง ตั้งแต่ต้นจนจบกดีกว่า

 เจ้าแม่กวนอิม  "เธอเดาถูกแล้ว  เราเป็นคนส่งวิญญาณดวงนี้ไปทดสอบจิตเธอเอง  เราจะดูว่าจิตเธอมีความหวั่นไหว  หรือมีความรู้สึกอย่างไร  แล้วผลบุญเก่าที่เธอให้เขาไป  จริงๆมันหมด    แต่จะเกิดผลบุญใหม่ที่ดึงผลบุญเก่าทั้งหมดกลับมา  ตามด้วยผลบุญใหม่ที่เธอเสียสละบุญของเธอให้เขา"

  พลศักดิ์    ในพระสูตรหนึ่งบอกว่า  พระอวโลกิเตศวรเคยแปลงตัวเป็นเปรตไปขอส่วนบุญจากพระอานนท์  ท่านรู้เรื่องนี้หรือเปล่า

   เจ้าแม่กวนอิม  เราต้องรู้ซิ  เพราะเป็นเราเองที่แปลงตัวไป 

  พลศักดิ์    อย่างนั้นผมก็เดาถูกต้องซิว่า จะพระอวโลกิเตศวรที่เป็นสัมโภคกาย  หรือกวนอิมพันมือ หรือกวนอิมประทานพร  ก็คือท่านทั้งนั้น

   เจ้าแม่กวนอิม  ช่าย... เราจะเป็นกวนอิมพันมือ ที่มีท่าทีขึงขังน่าเกรงขามเมื่อเจอกับสิ่งที่ดุร้าย  เราจะเป็นกวนอิมประทานพร  ที่มีท่าทีสงบยิ้มแย้มแจ่มใสเมื่อเจอกับเทพหรือคนดีๆ   เราจะเป็นพระอวโลกิเตศวรที่มีหน้าตาสดสวยบริสุทธิ์ที่สุดในจักรวาล  เมื่อต้องอยู่ต่อหน้ามหาเทพต่างๆ
     
เธอเข้าใจไหมว่า  ใครดุ  ใครดี เราต้องร้ายตอบ  ดีตอบ ใครบริสุทธิ์  เราต้องแสดงความบริสุทธิ์ของเราให้ประจักษ์กับเขา


ผมไม่ได้ฝึกกรรมฐานอะไรกองไหนหรอกครับ  เราจะบริกรรมอะไรก็ได้  ให้จิตมันนิ่ง  แล้วพอจิตมันส่าย  เราก็ใช้สิ่งที่ทำให้เราวอกแวก  พิจารณาไปเลยว่า  ทำไมสิงนั้นทำให้เราวอกแวก  ทุกครั้งก็พบความจริงว่า  เราเอาจิตของเราไปคิดปรุงแต่งกับเรื่องภายนอกที่เข้ามากระทบเอง  เมื่อรู้อย่างนี้  ใจเราก็สงบเป็นสมาธิ  นี่เป็นการทำกรรมฐานควบคู่กับวิปัสสนา
28  ห้องนั่งเล่น คุยกันสบายๆตามประสาชาวกรรมฐาน / คุยกันสบายๆ ตามประสาชาวกรรมฐาน.คอม / พูดมากเสียมากพูดน้อยเสียน้อย ไม่พูดไม่เสีย นิ่งเสียโพธิสัตว์ พูดมากเหลือคณานับ.. เมื่อ: มีนาคม 18, 2012, 12:51:06 AM
พูดมากเสียมากพูดน้อยเสียน้อย  ไม่พูดไม่เสีย  นิ่งเสียโพธิสัตว์"....ปู่ทวด


พระพุทธเจ้าพูดมากที่สุดเลย  84,000 พระธรรมขันธ์ ให้เถรวาทฟัง  และพูดพระสูตรอีกมากมายให้มหายานฟัง 

พอพระพุทธเจ้าปรินิพพาน...เป็นจิตบริสุทธิ์ล้วน ไปแล้ว  ก็ออกมาเป็นธรรมกาย และกายทิพย์บริสุทธิ์ ดำรงอยู่ในพุทธภูมิพุทธและพุทธเกษตร  และยังส่งพุทธนิมิตของท่านไปประจำในพระพุทธรูปต่างๆในไทย และทั่วโลก  แม้แต่ในพระเครื่อง  ก็มีทานประจำอยู่

ทั้งนี้เพื่อท่านจะได้พูดมากอย่างเดียว  สอนให้ผู้คนเข้านิพพานให้ได้  นอกจากนี้  พระพุทธเจ้าไม่มีขันธ์ 5 คือไม่มีกายมนุษย์จะพูดแล้ว  แต่ก็ยังเข้ามาในจิตของผม  ให้ผมช่วยพูดและเขียนสอนธรรมให้กับทุกคนในเว็บศาสนาต่างๆอีก  จนกว่าผมจะโดนแบนถาวร แบบแก้ไขไม่ได้แล้ว จากเว็บศาสนาทุกเว็บ  ท่านจึงจะให้หยุดพูดหยุดเขียนได้  ด้วยเหตุนี้....


"พูดมากเสียมากพูดน้อยเสียน้อย  ไม่พูดไม่เสีย  นิ่งเสียโพธิสัตว์  พูดมากเหลือคณานับ คือ พระพุทธเจ้า....phonsak
29  การปฏิบัติของผู้ที่ได้ ฌาณ / ประสบการณ์ของผู้ที่ได้ไปนรกภูมิ / Re: นรกมีจริง! ไม่ต้องสงสัย เมื่อ: มีนาคม 09, 2012, 02:43:57 PM
คุณsaferlesครับ 


ยายของคุณตกนรกอยู่ครับ  มีคุณคนเดียวที่จะช่วยยายของคุณได้  คนอื่นในครอบครัวช่วยไม่ได้หรอกครับ  มีแต่พูด พูด พูดทั้งนั้น 

คุณต้องบวชอย่างน้อย 6 เดือน  แล้วอธิษฐานจิต ขอให้ผ้าเหลืองของคุณไปช่วยลดกรรมให้คุณยาย   แล้วคุณก็ควรปฏิบัติสมถะ
และวิปัสสนา  แล้วแผ่เมตตาทุกครั้งเมื่อเสร็จ หรือใกล้เสร็จ   สิ่งนี้จะช่วยยายของคุณได้มาก  ถ้าปฏิบัติจิตได้สงบเท่าไร  คุณยาย
ของคุณก็จะพ้นทุกข์จากการแผ่เมตตาของคุณไวขึ้นมาก

หรือเอาง่ายกว่านี้ก็ได้ครับ  คือ อุทิศกุศลจากธรรมทาน ที่คุณเอาเรื่องนี้มาเปิดเผยให้คนอื่นรู้  ให้คุณยายของคุณ 

  "สพพทานํ ธ มมทานํ ชินาติ ธรรมทานชนะการให้ทั้งปวง"

ธรรมทานจึงเป็นบุญที่สูงกว่า  การให้ทานทั้งปวง  คุณเข้าไปเว็บไหน  ก็เอาเรื่องนี้ลงในเว็บหล่านั้น  แล้วอธิฐานจิตอุทิศกุศลให้คุณยาย
30  การปฏิบัติของผู้ที่ได้ ฌาณ / ประสบการณ์ของผู้ที่ได้ไปนรกภูมิ / Re: เคยฝันครับ เมื่อ: มีนาคม 09, 2012, 02:14:54 PM
คุณmankho2001  และคุณsuffering ครับ


กฎสวรรค์ห้ามผู้ที่อยู่ในปรโลกขอส่วนบุญจากมนุษย์ตรงๆ   วิญญาณเหล่านั้นจึงมาเข้าฝัน  บอกแบบอ้อมๆให้คุณรู้ 
แม้แต่ผีอำ ผีหลอก  ผีเข้าคนจำนวนมาก ที่เรียกว่า อุปทานหมู่ ก็ล้วนเป็นการบอกแบบอ้อมๆของวิญญาณเหมือนกัน

ผลบุญอะไรจึงยิ่งใหญ่เท่าการทำสมาธิ และวิปัสสนา นั้นไม่มี  การแผ่เมตตาให้วิญญาณจากสมาธิ และวิปัสสนา
สามารถเปลี่ยนได้แม้แต่ภพภูมิของวิญญาณ
 
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 7