แสดงกระทู้
หน้า: 1 ... 60 61 [62] 63 64 65
916  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมะ ที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ เพื่อเข้าใจในสัมมาทิฏฐิ / Re: เวลาในสวรรค์และในโลกมันช้าเร็วต่างกัน ขึ้นอยู่กับเรามองอยู่ที่ไหน ไปหาที่ไหน เมื่อ: กันยายน 01, 2010, 03:31:52 PM
จากสูตรเวลายืด TIME DILATION
  
                                           ∆t = k∆t'= ∆t'/ [1-(V/C)ยกกำลัง2]ในสแคว์รูท2

ถ้าอัตราเร็ว v มีค่าน้อยกว่า c มากๆก็แสดงว่า ค่า K =  1 /[1-(V/C)ยกกำลัง2]ในสแคว์รูท2  จะมีค่ามากกว่า 1.0 ไปเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้เห็นความเร็วของเวลาใกล้เคียงกันมากจนมองไม่ออก
แต่ถ้าอัตราเร็วสูงๆ(V)ใกล้ๆความเร็วแสง(C)  ค่า K > 1.0 ทำให้ ∆t > ∆t’ คือเวลาในจุดที่เราสังเกตการณ์(เวลาในเทวโลก,พรหมโลกนรก) จะยืดออกไปจากเวลาในโลกมนุษย์ ทำให้เวลาในเทวโลก,พรหมโลก,นรกนั้นช้ากว่าเวลาในโลกมนุษย์ นั่นเอง
และถ้าอัตราเร็วสูงๆ(V)มากว่าความเร็วแสง(C)มากๆแล้ว เวลาในเทวโลก,พรหมโลก,นรก นั้นก็ยิ่งช้ากว่าเวลาในโลกมนุษย์มากขึ้นไปด้วย


 แล้วข้อสงสัยก็จะตามมาแล้วอะไรล่ะจะมีอัตราเร็วเท่ากับแสงหรือมากกว่าแสง
จิต ...ไงครับเร็วยิ่งกว่าแสงไม่รู้เท่าไหร่...จิตยิ่งเร็วมากเท่าไหร่เวลายิ่งเดินช้าลงมากเท่านั้น


นี่จึงอาจเป็นที่มาของ เวลาในเทวโลก,พรหมโลก,นรก ช้ากว่า เวลาโลกมนุษย์

เวลา ๑ วันในสวรรค์ชั้นดาวดึง(สวรรค์ชั้น๒) เท่ากับ เวลา ๑๐๐ ปีในโลกมนุษย์
เวลา ๑ วันในสวรรค์ชั้นมายา(สวรรค์ชั้น๓) เท่ากับ เวลา ๒๐๐ ปีในโลกมนุษย์
เวลา ๑ วันในสวรรค์ชั้นดุสิต(สวรรค์ชั้น๔) เท่ากับ เวลา ๔๐๐ ปีในโลกมนุษย์
เวลา ๑ วันในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี(สวรรค์ชั้น๖) เท่ากับ เวลา๑,๖๐๐ ปีในโลกมนุษย์
เวลา ๑ วันในนรกชั้น ๒ กาฬสุตตนรก เท่ากับ เวลา ๓๖ ล้านปีในโลกมนุษย์
เวลา ๑ วันในนรกชั้น ๔ โรรุวนรก เท่ากับ เวลา ๕๗๖ ล้านปีในโลกมนุษย์.....ฯ





แต่ยังมีข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งว่าถ้า C คือ อัตราเร็วแสงมีค่าเป็น 0 ล่ะ(ไม่เคลื่อนที่) จะเกิดอะไรขึ้นกับสูตรนี้

สูตรนี้ก็จะใช้ไม่ได้และไม่มีความหมาย  เพราะเมื่อแสงไม่มีความหมาย เวลาจึงไม่มีความหมายด้วย

การจะอธิบายสูตรให้เข้าใจกันนั้นเป็นเรื่องยากทีเดียว โดยเฉพาะอธิบายลงในเว็บ ๒ มิตินี้  และความรู้ผมก็น้อยด้วยอีกต่างหาก อย่าไปใส่ใจกับสูตรหรือตัวเลขต่างๆมากก็ได้ครับ พอดูเล่นๆไป..

แต่เอ...แล้วสภาพหรือสภาวะอันใดหนอ ที่แสงและเวลา ไม่มีความหมาย,ไม่มีผลกระทบและไม่มีอิทธิพลต่อสภาพหรือสภาวะนั้นได้น้า...!!  

ผมว่าคุณๆคงตอบได้ทุกคนนะครับ.... ยิ้มเท่ห์

 
917  ห้องนั่งเล่น คุยกันสบายๆตามประสาชาวกรรมฐาน / คุยกันสบายๆ ตามประสาชาวกรรมฐาน.คอม / Re: phonsak(w).........AVATAR เมื่อ: กันยายน 01, 2010, 02:45:56 AM
                                                 

                                                        TIME'S   UP
918  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมะ ที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ เพื่อเข้าใจในสัมมาทิฏฐิ / Re: เวลาในสวรรค์และในโลกมันช้าเร็วต่างกัน ขึ้นอยู่กับเรามองอยู่ที่ไหน ไปหาที่ไหน เมื่อ: กันยายน 01, 2010, 02:41:54 AM
หาเอาในโลกไซเบอร์ไม่พบหรือครับคุณลุง...เรื่อง เวลาในสวรรค์และในโลกมันช้าเร็วต่างกัน

เรื่องของพระนางมัลลิกานั้นที่ไปตกนรกอยู่ ๗ วัน(เอาเท้าแหย่ลงไปในนรก๗ วัน ,เทียบเวลาโลกมนุษย์) นั้นน่าสนใจมากครับ...ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น...?
เพราะขณะจิตของนางก่อนตายนางดันไปนึกถึงอกุศลเล็กน้อยที่ได้กระทำมาเรื่องนั้นเรื่องเดียวเอง...แต่ต่อมาหลังจากนั้นนางก็ไปเสวยสุขในเทวโลกต่อไป...
เรื่องนี้เป็นเรื่องลำบากพระทัยพระพุทธเจ้าพอสมควร(นิดๆ) ที่จะตอบคำถามพระเจ้าปเสนทิโกศลที่จะถามพระองค์ถึงพระมเหสี ว่าพระนางมัลลิกาของท่านนั้น ทำบุญมามากมายมหาศาลหลังจากตายแล้วพระนางไปอยู่ที่ใด...


พระพุทธเจ้าทรงทราบดีว่าพระนางมัลลิกานั้นที่ไปตกนรกอยู่ ๗ วัน พระพุทธเจ้าจึงได้ทรงยับยั้งกำลังใจของพระเจ้าปเสนทิโกศลเวลาเสด็จไปเฝ้าเพื่อจะถามเรื่องนี้ ก็ทรงบันดาลให้ลืมเรื่องนี้ถึง ๗ วัน เพื่อจะได้ไม่ต้องตอบคำถาม จุดประสงค์เพื่อจะไม่ให้เสียกำลังใจกันว่าทำบุญมามากมายมหาศาลยังจะต้องไปตกนรกด้วยหรือ เดี๋ยวจะเสียกำลังใจกัน


หลังจากนั้น ๗ วัน  พระเจ้าปเสนทิโกศลเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระเจ้าปเสนทิโกศลถามคำถามนี้จริงๆ"พระนางมัลลิกา หลังจากตายแล้วพระนางไปอยู่ที่ใด...?"

พระพุทธเจ้าทรงตอบ" พระนางมัลลิกาไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก มีวิมานทิพย์อันเป็นที่อยู่เสวยสุขมาก "

วาระจิตตอนดับขันธ์นั้นสำคัญอย่างยิ่งยวดครับ...

อ้าวเลยยังไม่ได้ไขปัญหาให้คุณลุงเลย

เอาสูตร"การยืดของเวลาของลอเรนตซ์"(Lorentz elastic Time) ไปคิดเล่นๆก่อนแล้วกันนะครับ...ไม่มีกระดานขาว(white board)ซะด้วย เขียนสูตรกันลำบากครับ ผมจะลองเขียนเป็นตัวอักษรดู

∆t = k∆t'= ∆t'/ [1-(V/C)ยกกำลัง2]ในสแคว์รูท2

 t  =  เวลาในจุดที่เราสังเกตการณ์(เวลาในเทวโลก,พรหมโลก,นรก)
 t' =  เวลาบนโลกมนุษย์
 V =  อัตราเร็วของจุดสังเกตการณ์เทียบกับระบบของโลก หน่วยเป็นเมตรต่อวินาที
 C =  อัตราเร็วของแสง 300,000,000 เมตรต่อวินาที
 k =  1/[1-(V/C)ยกกำลัง2]ในสแคว์รูท2
 ∆ = ผลรวม

ไม่น่าเชื่อว่าคนมีความรู้อันยิ่งกว่าพระอรหันต์ อย่างคุณลุง Phonsak ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้...สงสัยว่ายังไม่เคยท่องเที่ยวมากนัก ...สำหรับผู้ที่ผ่านและท่องเที่ยวมาโชกโชนแล้วจะเข้าใจอย่างแจ่มชัด

ผมก็ความรู้น้อย แต่จะพญายม...เอ๊ย พยายามจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆและมองเห็นภาพในลำดับต่อไป เท่าที่จะพอเปรียบเทียบได้ครับ

 



919  ห้องนั่งเล่น คุยกันสบายๆตามประสาชาวกรรมฐาน / คุยกันสบายๆ ตามประสาชาวกรรมฐาน.คอม / วิถีแห่งท่าน phonsak(w) เมื่อ: สิงหาคม 31, 2010, 02:39:50 AM
ผมอยากจะเอาชนะลุงphonsakw ไปเพื่ออะไรกัน.......?  ลุงรู้ใจผมไหม รีบเข้าฌานมา....? ปรมจารย์พระอรหันต์พลศักดิ์ ทายใจผมไปเลย....?

ถ้าทายผิดเป็นปรมจารย์พระอรหันต์พลศักดิ์ ของ เก๊....อวดอุตตริ...มั่วไปวันๆ

ถ้าทายถูก ผมจะลงไปกราบแทบเท้าท่านทีเดียวเชียว....            

ให้เวลาคุณลุงคิด ๒๔ ชม.นับจากนี้...๐๒.๓๒.๒๒น.

แล้วมาดูกันถ้าไม่มาตอบผมปรับคุณลุงแพ้อยู่ดี....ผมรู้คุณลุงอ่านคำถามจบไปแล้ว

ทายผิดกระทู้ทั้งหมดของคุณลุง จะถูกรวบรวมไว้เป็นกองเดียวกัน....จะได้ไม่เปะปะเลอะเทอะเว็บบอร์ดนะจ๊ะ.....เดี๋ยวจัดให้... ยิ้มเท่ห์

 
920  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ทางแห่งพระนิพพาน เดินไปอย่างไร มีวิธีปฏิบัติอย่างไร / Re: นิพพานคืออะไร เมื่อ: สิงหาคม 29, 2010, 11:16:16 PM
ต้องลองไปศึกษาเรื่องการจารึกพระไตรปิฎกและการสังคายนาในแต่ละครั้งก่อนนะครับ

เพราะครั้งแรกๆนั้นพระอรหันต์ทั้งนั้น และพระอานนท์เกือบไม่ได้เข้าร่วมสังคายนาด้วยเพราะท่านยังไม่ได้อรหันต์ก่อนหน้าสังคายนา...

แล้วเวลาที่คุณๆสวดมนต์ได้โดยที่ยังไม่เคยอ่านเช่นนะโมตัสสะ......ฯ คุณท่องได้ตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก ตอนนี้เอาเป็นแค่ ๕๐ ปี คุณๆคิดว่าคุณท่องเพี้ยนไปหรือเปล่าครับ นี่แค่ท่องๆตามกันมาโดยไม่ต้องดูตำรา และเมื่อบทเดียวกันท่องเป็นทำนองท่องเป็นหมู่ ใครเพี้ยนซักครึ่งก็ไม่ประสานกันแล้วครับ...และการสวดนั้นก็ล่ม คนที่ท่องเพี้ยนมีไหม,,,? มีแต่ก็จะกลับมาเข้ากับกลุ่มได้เองในภายหลังไงครับ

เพราะฉนั้น ไม่ต้องกลัวการตกหล่น หรือผิดพลาด มากนักหรอกครับ...ถึงมีก็คงน้อยยยมากๆครับ...ไม่ผิดเพี้ยนออกไปจากพุทธกาลซักเท่าใดนักหรอกครับ

นิพพานคือสภาวะจิต ที่  ไร้กิเลส  (สังโยชน์10)

ละสังโยชน์ ๑๐ คือ นิพพาน จะว่าใช่ก็ใช่ จะว่าไม่ใช่มันก็ไม่ถูก ,,,!!!

 ยิ้ม  ยิ้มกว้างๆ  ยิงฟันยิ้ม  ยิ้มกว้างๆ  ยิ้ม  ยิ้มเท่ห์

 

921  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ทางแห่งพระนิพพาน เดินไปอย่างไร มีวิธีปฏิบัติอย่างไร / Re: นิพพานคืออะไร เมื่อ: สิงหาคม 27, 2010, 12:49:35 PM
ไม่อยากตอบนักเพราะผมก็ยังไม่รู้แจ้งอะไรมาก และยังไปไม่ถึงขั้นนั้นหรอกครับ กำลังเดินๆอยู่เหมือนกันครับ
พูดไปโดยไม่รู้จริงนี้อาจทำให้สับสนได้ เอาเป็นไว้พิจารณากันเองแล้วกันนะครับ เพราะก็อ่านเอาจากพระไตรปิฎกเหมือนกัน


นิพพานไม่ได้อยู่ตรงนั้นครับ แต่เป็นเวลาที่ดับขันธ์ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


"พระผู้มีพระภาคเจ้าเข้าฌานเสด็จออกจากฌาน พิจารณาองค์ฌานแล้วปรินิพพานด้วยภวังคจิต เป็นอัพยากฤตเป็นทุกขสัจจะ."

ต้องเข้าใจว่าพระองค์เสด็จถอยออกจากการเข้าฌาณทั้งหมดแล้วแม้แต่จตุตถฌาน เมื่อออกมาแล้วก็พิจารณาองค์ฌาน คือพิจารณาในสติปัจฐาน 4 นั่นเอง เพื่อเห็นทุกสิ่งเป็นทุกขสัจจะอีกครั้งสุดท้ายก่อนเข้านิพพาน

ไม่ติดอยู่ในองค์ฌานอันใดหรือระดับใดเลย เพราะถ้ายังอยู่ในองค์ฌาณใดขณะดับขันธ์ ก็จะเกิดการสร้างภพในวัฏฏสงสารใหม่ขึ้นมาอีกทันที แล้วก็ไม่หลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสาร ๓๑ ภูมินี้ครับ

คำถามคือเรา(ไม่เกี่ยวกับพรหมโลกและเทวโลก) พิจารณาในสติปัฏฐาน ๔  กันได้ตอนไหนครับ...?





ก็ตอนเป็นมนุษย์ธรรมดานี่แหละครับ....ดีที่สุดแล้ว


สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานตอนเป็นมนุษย์ธรรมดานี่เหมือนกันครับ

 

922  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ทางแห่งพระนิพพาน เดินไปอย่างไร มีวิธีปฏิบัติอย่างไร / Re: นิพพานคืออะไร เมื่อ: สิงหาคม 26, 2010, 05:30:38 PM
ไม่มีคำบรรยายและวิเคราะห์แต่ประการใดจากผมครับ...นำมาให้พิจารณากันครับ

ขณะปลงอายุสังขาร

พระผู้มีพระภาคมีพระกายสงบ หลับพระเนตรสนิท พระอนุรุทธเถระ ซึ่งเป็นพระเถระผู้ใหญ่อยู่ในเวลานั้น และได้รับการยกย่องจากพระผู้มีพระภาคว่าเป็นเลิศทางทิพยจักษุ ได้เข้าฌานตาม ทราบว่าพระพุทธองค์เข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน
ออกจากจตุตถฌานแล้ว เข้าสู่อรูปสมาบัติ คืออากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ และสัญญาเวทยิตนิโรธ ตามลำดับ
แล้วถอยกลับมาจาก สัญญาเวทยิตนิโรธ จนถึงปฐมฌาน

และเข้าปฐมฌานไปจนถึงจตุตถฌานอีก เมื่อออกจากจตุตถฌาน ยังมิได้ทันได้เข้าสู่อากาสานัญจายตนะ พระองค์ก็ปรินิพพานในระหว่างนั้น

วันที่พระองค์ตรัสรู้ พระองค์ทรงเข้าสมาบัตินับได้สองล้านสี่แสนโกฏิ แม้ในวันเสด็จปรินิพพาน พระองค์ก็ทรงเข้าสมาบัติเหล่านั้นทั้งหมด. รวมความว่า มีผลเสมอกันโดยเสมอกันด้วยสมาบัติ.

....ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสูตร

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------


               ปรินิพฺพุตกถาวณฺณนา 

             
          ต่อแต่นี้ไป เพื่อจะแสดงข้อที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกระทำบริกรรมในพระปรินิพพาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า อถ โข ภควา ปฐมชฺฌานํ.
               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปรินิพฺพุโต ภนฺเต ความว่า ท่านพระอานนท์เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าเข้านิโรธสมาบัติไม่มีอัสสาสปัสสาสะ จึงถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานแล้วหรือ.
               ท่านพระอนุรุทธตอบว่า ยัง ผู้มีอายุ. พระเถระทราบเรื่อง.
               ได้ยินว่า พระเถระเข้าสมาบัตินั้นๆ พร้อมกับพระศาสดานั่นแล จึงรู้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าออกจากเนวสัญญานาสัญญายตนะ แล้วดำเนินไป บัดนี้ เข้านิโรธสมาบัติ ชื่อว่าการทำกาละในภายในนิโรธสมาบัติไม่มี.
               ในพระบาลีนี้ว่า ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธ เข้าเนวสัญญานาสัญญายตนะ ฯลฯ ออกจากตติยฌาน เข้าจตุตถฌาน พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเข้าปฐมฌานในฐานะ ๒๔ ทุติยฌานในฐานะ ๑๓ ตติยฌานก็เหมือนกัน เข้าจตุตถฌานในฐานะ ๑๕.
               เข้าอย่างไร.
               คือ เข้าปฐมฌานในฐานะ ๒๔ เหล่านี้ มีอสุภะ ๑๐ อาการ ๓๒ กสิณ ๘ เมตตา กรุณา มุทิตา อานาปานสติปริจเฉทากาส เป็นต้น. แต่เว้นอาการ ๓๒ และอสุภะ ๑๐ เข้าทุติยฌานในฐานะที่เหลือ ๑๓ และเข้าตติยฌานในฐานะ ๑๓ นั้นเหมือนกัน.
               อนึ่ง เข้าจตุตถฌานในฐานะ ๑๕ เหล่านี้ คือกสิณ ๘ อุเบกขาพรหมวิหาร อานาปานสติ ปริจเฉทากาส อรูป ๔. กล่าวโดยสังเขปเท่านี้.
               แต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ธรรมสามี เสด็จเข้าพระนครคือปรินิพพาน เสด็จเข้าสมาบัติทั้งหมดนับได้ยี่สิบสี่แสนโกฏิ แล้วเข้าเสวยสุขในสมาบัติทั้งหมด เหมือนคนไปต่างประเทศ กอดคนที่เป็นญาติฉะนั้น.
               ในคำนี้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากจตุตถฌานในลำดับมา เสด็จปรินิพพาน คือ ในลำดับทั้ง ๒ คือ ในลำดับแห่งฌาน ในลำดับแห่งปัจจเวกขณญาณ.
               พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากฌานแล้ว หยั่งลงสู่ภวังค์ แล้วปรินิพพานในระหว่างนั้น ชื่อว่าระหว่างฌาน ในลำดับ ๒ นั้น. พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากฌานแล้ว พิจารณาองค์ฌานอีก หยั่งลงสู่ภวังค์ แล้วปรินิพพานในระหว่างนั้นนั่นแหละ ชื่อว่าระหว่างปัจจเวกขณญาณ. แม้ทั้ง ๒ นี้ก็ชื่อว่าระหว่างทั้งนั้น. ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าเข้าฌานเสด็จออกจากฌาน พิจารณาองค์ฌานแล้วปรินิพพานด้วยภวังคจิต เป็นอัพยากฤตเป็นทุกขสัจจะ. สัตว์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ไม่ว่าพระพุทธเจ้าหรือพระสาวก อย่างต่ำมดดำมดแดง ต้องกระทำกาละด้วยภวังคจิตที่เป็นอัพยากฤต เป็นทุกขสัจทั้งนั้นแล.

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐ ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสูตร
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------


สองล้านสี่แสนโกฏิ=ยี่สิบสี่แสนโกฏิ

 
923  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ทางแห่งพระนิพพาน เดินไปอย่างไร มีวิธีปฏิบัติอย่างไร / Re: ผู้ที่ปฏิบัติธรรมแล้ว มีอาการขณะที่จิต เข้าสู่การเป็นโสดามรรคและโสดาผล เป็นฉไน เมื่อ: สิงหาคม 22, 2010, 10:37:08 AM
ตัดวงจรของปฏิจจสมุปปบาทได้โดยอัตโนมัติ  

ไม่ได้เป็นไปโดยอัตโนมัติครับ ต้องเดินไปตามทางที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสบอกไว้แล้วครับโดยถูกต้อง และจะตัดได้เด็ดขาดก็ตอนที่เป็นพระอรหันต์เท่านั้นครับ

ใจเย็นๆนะครับ ลองศึกษาเพิ่มเติมให้แจ่มแจ้งใน สติปัฏฐาน ๔ ,อริยสัจสี่, ปฏิจจสมุปบาท

สิ่งที่สุดยอดเหนือคำบรรยายเช่นนี้ ต้องละเมียด และปราณีตสุดยอดเหนือคำบรรยายเช่นกันครับ



(ระวังติดฟุ้งในธรรมไว้เล็กน้อยครับ...ด้วยความปรารถนาดีครับ)

 

 
924  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ทางแห่งพระนิพพาน เดินไปอย่างไร มีวิธีปฏิบัติอย่างไร / Re: อุโบสถศีล ศีลแห่งความสุขทั้งปวง เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 08:59:53 PM
แบบเนื้อๆครับ

 รักษา ศีลให้บริสุทธิ์

 หมั่นเจริญ สมาธิ(สมถะและวิปัสสนา)เนืองๆ

 ให้เกิด ปัญญา เพื่อตัด สังโยชน์


 
 
925  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ทางแห่งพระนิพพาน เดินไปอย่างไร มีวิธีปฏิบัติอย่างไร / Re: ผู้ที่ปฏิบัติธรรมแล้ว มีอาการขณะที่จิต เข้าสู่การเป็นโสดามรรคและโสดาผล เป็นฉไน เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 08:42:13 PM

OK...That is the RIGHT way.

ฝากให้ท่านไปพิจารณา โพชฌงค์ ๗ อีกนิดด้วยครับ  ยิ้ม

 
 
926  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ทางแห่งพระนิพพาน เดินไปอย่างไร มีวิธีปฏิบัติอย่างไร / Re: ความรู้เรื่องนิพพาน ของพระสงฆ์ในอดีต เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 12:31:33 AM

ลองอ่านและทำความเข้าใจกับกระทู้ข้างล่างครับ "นิพพานคืออะไร" จะพอเห็นภาพบ้างครับ

ก็ตอบได้หลายแนวครับ...สำหรับผมชอบแนวนี้ครับ


พระนาคเสน มหาเถระ พระอรหันต์สมัยพุทธปรินิพพานไป ๕๐๐ ปี ผู้ตอบปัญหาพระเจ้ามิลินทราชา

......ผู้ที่ยังไม่ได้นิพพานก็รู้ว่านิพพานเป็นสุข เพราะได้ยินเสียงพวกได้นิพพาน.....

..... พระพุทธเจ้ามีจริง แต่พระพุทธเจ้าปรินิพพานดับขันธ์แล้ว ไม่อาจชี้ได้ว่าอยู่ที่ไหน
เหมือนเปลวไฟที่ดับแล้วก็ไม่อาจชี้ได้ว่าอยู่ที่ไหน อาจชี้ได้เพียงพระธรรมกาย ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น........

..... นิพพานมีอยู่จริง แต่ว่าไม่มีใครอาจแสดงให้เห็นได้ว่า นิพพานมีสี สัณฐาน เล็ก ใหญ่ ยาว สั้น อย่างไร
 เปรียบเหมือน ลม ที่มีอยู่จริง แต่ก็ไม่มีใครสามารถ แสดงลมให้เห็นด้วย สี สัณฐาน เล็ก ใหญ่ ยาว สั้น ได้

...... นิพพานเป็นของไม่ควรกล่าวว่าเกิดขึ้นแล้ว หรือยังไม่เกิด จักต้องเกิด ไม่ควรกล่าวว่าเป็นอดีต อนาคต หรือปัจจุบัน
 ไม่ควรกล่าวว่า เป็นของต้องเห็นด้วยตา ได้ยินด้วยหู รู้ด้วยจมูก ลิ้นกาย อย่างใดเลย.........

......นิพพานเป็นของต้องรู้ด้วยใจ พระอริยสาวกผู้ปฏิบัติชอบแล้วย่อมได้เห็นนิพพาน ด้วยใจอันบริสุทธิ์ อันสงบประณีต อันเที่ยงตรง ไม่มีเครื่องกั้นกาง อันไม่มีอามิส ....

...... นิพพานไม่มีของเปรียบ ไม่อาจชี้รูป หรือสัณฐาน วัย ประมาณ แห่งนิพพานได้ด้วยอุปมา หรือด้วยเหตุ หรือด้วยปัจจัย หรือด้วยนัย .....

...... นิพพานธาตุ อันสงบ อันเป็นสุข อันประณีตนั้นมีอยู่ ผู้ปฏิบัติชอบ เมื่อพิจารณาสังขารตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็กระทำให้แจ้งนิพพานธาตุด้วยปัญญา.....

...... ที่ตั้งของนิพพานไม่มี นิพพานไม่ได้ตั้งอยู่ในทิศใด แต่นิพพานมี ผู้ปฏิบัติชอบ เมื่อเห็นความตั้งขึ้นและเสื่อมไปของสังขารทั้งหลายด้วยโยนิโสมนสิการแล้ว ก็กระทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน 


 
 
927  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ทางแห่งพระนิพพาน เดินไปอย่างไร มีวิธีปฏิบัติอย่างไร / Re: ผู้ที่ปฏิบัติธรรมแล้ว มีอาการขณะที่จิต เข้าสู่การเป็นโสดามรรคและโสดาผล เป็นฉไน เมื่อ: สิงหาคม 20, 2010, 12:55:56 AM
เป็นคำถามที่ตอบยากพอสมควรนะครับ...เพราะท่านจะเอาคำตอบจากผู้ปฏิบัติได้ด้วยตนเอง...

เรื่องการได้บรรลุธรรมในชั้นต่างๆนั้น...การเกิดมรรคผลตั้งแต่พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์นั้น

จะบังเกิดมรรคผลเป็นลำดับไป...บางท่านเกิดมรรคผลทั้งสี่ ในระยะเวลาอันมาก หรือบางท่านอาจเกิดมรรคผลทั้งสี่จนเป็นพระอรหันต์ในชั่วอึดใจ...(อาจจะช้าไปด้วยซ้ำ)

เรื่องการบรรลุมรรคผลในชั้นต่างๆนั้น...ต้องเข้าใจก่อนว่า...เกิดขึ้นได้ เกิดขึ้นแล้วกับตนเอง...บางท่านอธิบายให้คนอื่นฟังไม่ได้ แม้แต่พระอริยะบางองค์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ยกตัวอย่างเช่น พระปัจเจกพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ชอบได้ด้วยตัวเองแล้ว...แต่ไม่ถ่ายทอดต่อหรือไม่อธิบายให้ใครฟัง...นั้นเนื่องด้วยหลายปัจจัย

ถ้าเป็นพระด้วยแล้วการจะพูดเรื่องนี้โดยที่ตนเองนั้นยังไม่บรรลุนั้นเป็นปารชิกข้อที่๑ เลยทีเดียว คือ อวดอุตริมนุสสธรรม ต้องขาดจากความเป็นบรรชิตทันที พระพุทธเจ้าทรงห้ามไว้ ด้วยมีเหตุหลายอย่างครับ อันไม่เป็นผลดี...

ทีนี้ที่คนจะตอบคำถามนั้นจึงยากและอาจไม่มีผู้ที่จะตอบ...เพราะถ้าท่านใดที่ผ่านมาแล้วจะทราบดีด้วยตนเองและเห็นว่าไม่จำเป็นจะต้องรับรองใครแต่ประการใด

ถ้าท่านสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ทางที่ดีให้ท่านสอบถามหลวงพ่อปราโมทย์โดยตรงจะดีกว่า...เพราะผมเชื่อว่าท่านจะเชื่อในคำพูดของท่าน...คนอื่นๆว่าไปคงเท่านั้นแหละนะครับ

แต่ถ้าให้ผมตอบตามแนวทางนี้ ผมคงตอบได้บ้าง...ผิดหรือถูกประการใดโปรดพิจารณาด้วยตนเองครับ

------อาการชั่วขณะจิตเดียวคืออาการอย่างไร...?

อาการนี้คือลักษณะในการที่มีสติตั้งมั่น และ มีสัมมาสมาธิ(วิปัสสนาญาณ) เมื่อนั้นมรรคทุกองค์จะรวมประชุมลงเป็นหนึ่งเดียว ตัดสังโยชน์(๓ ตัวแรก)ให้ขาดสะบั้นลงไป ในขณะจิตนั้นนั่นเองคือโสดาปฏิมรรค และจะรู้ได้ด้วยตนเอง เมื่อถอยออกมาทบทวนสภาวะที่เกิดขึ้น เพื่อรู้แจ้งในมรรคขั้นต้น (หรือแหวกกิเลสออกมาครั้งแรกพอจะเห็นนิพพานบ้างแล้ว) เมื่อรู้แจ้งอย่างนี้แล้ว ก็คือโสดาปฏิผล ที่ติดตามมาทันทีนั่นเอง

บางท่านขณะจิตตัดสังโยชน์ได้ โลกธาตุ อาจสั่นไหว(ภายในจิตตนเอง) บางท่านอาจน้ำตาร่วงออกมาเอง โดยไม่รู้ตัว บางท่านอาจสะอื้นไห้ ในปัญญาที่รู้ความจริงของธรรม มีแต่ความสลดสังเวชในตนเอง  แต่สังเกตจากเท่าที่ได้ทราบมายังไม่มีแม้ผู้ใดเมื่อถึงจังหวะนี้จะหัวเราะออกมาดังๆ
เก่งที่สุดต่อมาคงเป็นแค่ยิ้มเล็กน้อยเท่านั้นเอง...เมื่อรู้ทันกิเลสทั้งปวงบ้างแล้ว...ไม่ใช่มาหลอกกันตลอดกัป ให้วนเวียนอยู่แต่ในวัฏฏสงสารนี้ และเห็นทางแห่งการหลุดพ้นแล้วอย่างแจ่มแจ้ง...แต่ต้องดำเนินต่อไปอีกครับ...นี่แค่ก้าวแรก

พอเข้าใจไหมครับผมคงตอบได้แค่นี้ก่อน...แต่ไม่เป็นไรครับ...บางเรื่องยังไม่รู้แจ้งด้วยตนเอง ใครอธิบายให้ตายก็ยังไม่เข้าใจหรอกครับ...ต้องผ่านและทราบด้วยตนเองครับ ตอนนั้นแค่สบตากันก็รู้แล้วครับ ไม่ต้องพูดมาก

มีคำตอบของท่านพระอาจารย์ปราโมทย์อยู่ด้วยนะครับในเว็บ kammatan นี้แหละครับ...เรื่องปัญหาในการตรวจสอบตนเอง
ท่านเขียนไว้เมื่อ ๑๐ ปีที่แล้วตอนที่ท่านเป็นฆราวาสอยู่ น่าจะอธิบายได้ดีกว่าผมครับ ตามลิ้งค์นี้

http://www.kammatan.com/board/index.php?topic=530.0


 
928  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 คืออะไร สำคัญอย่างไร / Re: เถรวาท-พระศรีอาร์ยมาในปี 2500 มหายาน-พระศรีอาร์ยมาในปี 3000 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2010, 03:17:02 PM

ครับ คุณลุง phonsak...อย่างนี้ซิครับ...ค่อยสมกับเป็น candidate พระโพธิสัตว์องค์ต่อไปหน่อย...

แต่คำถามข้อสุดท้ายยังตอบไม่แจ่มแจ้งซักเท่าใดนัก...คงบอกมาหมดแล้วจากฟ้าจริงๆ...ความจริงถ้าตอบได้เคลียร์และแจ่มแจ้งกว่านี้...ผมมีคำถามอีกต่อไป...เช่นว่า

พระชนก พระชนนี ของ พระศรีอารยเมตตรัย พระนามว่าอะไร...?

พระศรีอารยเมตตรัย ใช้เวลาในการบำเพ็ญเพียรจนตรัสรู้นานเท่าไร...? 

ตรัสรู้ที่เมืองไหนและใต้ต้นไม้ชนิดใด...?

พระอรหันต์อัครสาวกเบื้องซ้าย ขวา เป็นท่านใด...?


ฯลฯ

คำถามเหล่านี้คงต้องพับเอาไว้ก่อน...เพราะเห็นสมควรว่า คำถามลำดับแรกนั้น ท่านตอบได้ไม่แจ่มแจ้ง...คำถามที่เป็นลำดับต่อมาจึงต้องไม่แจ่มแจ้งด้วย..!

แต่ถ้าท่านอยากจะตอบคำถามเหล่านี้...โดยจับโน่น ปนนี่ และ คิดปรุงแต่งเอาเอง สรุปเอาเอง ตามสไตล์คุณลุง phonsak ก็ไม่ว่ากันหรอกนะครับ

แต่อย่าปรุงแต่งเพลินไปไกลจนคิดว่าคุณลุง phonsak นั้นจะต้องเป็นนั่นเป็นนี่ในชาติต่อไป...อย่าไปปรุงเอาเองครับ...เค้าเรียกฟุ้งซ่าน

และต้องไม่ลืมด้วยว่าคุณลุง phonsak นั้นก็เป็นเพียงแค่ "มายา" เท่านั้นเอง

 

 
929  รวมรูปภาพต่างๆเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา พาเที่ยววัด ใน Kammatan.com Gallery / แนะนำวัดเก่า พาเที่ยววัด และตำนาน ประวัติของวัด / Re: วัดร่องขุ่น ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เมื่อ: สิงหาคม 16, 2010, 12:37:18 AM
ระหว่างที่อ.ท่านบรรยาย ไม่ทราบว่าจะจบเมื่อไหร่...?
ผมเข้าไปดู วีดีโอที่ท่านบรรยายข้างในก่อน เลยปล่อยให้เด็กๆเป็นลิงปีนป่ายต่อไป โดยให้คุณภรรยาช่วยดูแลไว้ให้

สักครู่ใหญ่ๆภรรยาผมโทรมาตามบอกว่าเข้ามาอยู่ในห้องประชาสัมพันธ์แล้วกับเด็กๆ
เป็นอาจารย์เฉลิมชัยจริงๆ บอกให้ผมรีบมา ผมจึงรีบไป อาจารย์เป็นคนเปิดประตูให้เข้าไปและล็อกประตูทันที
อ.บอกคนเยอะจะวุ่นวายไม่ได้ทำอะไร ต้องมานั่งแจกลายเซ็นต์ทั้งวัน ในห้องนั้นเลยมีครอบครัวผมกับอีก ๑ ครอบครัว
ครอบครัวนี้มีคุณพ่อและลูกชาย วัยรุ่นแล้ว เห็นเค้าชอบภาพวาด อ.และซื้อสมุดภาพเล่มละ ๒๐๐๐ กว่าบาท
ว่าจะให้อ.เซ็นต์ให้ลูกท่านจะไปเรียนต่ออังกฤษ อ.ก็เซ็นต์ให้ สำหรับผมก็บอก อ.ผมซื้อภาพ อ.มาไม่แพงมากหรอกครับเซ็นต์ให้ผมหน่อย
อ.ท่านก็เมตตาเซ็นต์ให้ ด้านล่างของภาพ พร้อมเขียนคำอวยพรให้ครอบครัวผมด้วย
ต่อมาภาพนี้ผมนำไปใส่กรอบไว้และนำไปติดไว้ในห้องเอนเตอร์เทรนของผม
หลังจากนั้นได้คุยกับท่านอาจารย์แบบตัวต่อตัวอีกซักประมาณ ๑๐-๑๕ นาที

เรื่องที่คุยกันก็สบายๆนะครับ ผมเล่าให้ฟังซักเล็กน้อยก็ได้ครับ...

ผมถามอ.ว่าภาพในผนังโบสถ์เมื่อไหร่จะเสร็จสมบูรณ์ครับและมีคนช่วยอ.วาดหรือวาดอยู่คนเดียวครับ

ท่านว่าวาดไปเรื่อยๆแต่มีศิษย์ช่วยไม่ต้องห่วง เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เรื่อยๆไม่รีบร้อนตามอารมณ์
(ผมนึกเอาว่าเมื่อผมเกษียณไม่มีอะไรทำผมจะมาขอเป็นศิษย์ช่วย อ.วาดต่อ)


ศิลปะ อ.แหวกแนวไม่เหมือนใครที่ผ่านๆมาในศิลปะในแนวศาสนา บางพวกก็ว่าท่านเวอร์แหวกแนวเกินเหตุ

ท่านบอกไม่สนหรอกที่เป็นเอกลักษณ์อย่างนี้จะทำให้เป็นศิลปกรรมประจำรัชกาลที่เก้า ใครไปเจอศิลปกรรมในแนวนี้ พระพุทธรูป,วัด,ลายไทยแบบใหม่ เค้าจะนึกถึง.. อ๋อ...สมัย ร.๙ นั่นเองแบบนี้

แล้ววัดเมื่อไหร่จะเสร็จสมบูรณ์ครับเห็นยังมีก่อสร้างต่อไปอีกหลายแห่งรอบๆนี้

ก็รุ่นเราคงไม่ได้เห็นหรอกนะท่านว่าและมองมาทางพวกเด็กๆ พวกนี้อาจทันดูแต่คงแก่มากแล้วนะถ้าถึงตอนนั้น
...อีก ๙๓ ปีหวังไว้คงเสร็จ....


ยังมีอีกหลายเรื่องครับ พอแค่นี้ก่อนดีกว่า

เอาพอมีเรื่องเล่าสู่กันฟังครับ...
930  รวมรูปภาพต่างๆเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา พาเที่ยววัด ใน Kammatan.com Gallery / แนะนำวัดเก่า พาเที่ยววัด และตำนาน ประวัติของวัด / Re: วัดร่องขุ่น ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เมื่อ: สิงหาคม 16, 2010, 12:29:32 AM
.........วัดร่องขุ่น ที่เชียงราย ........

ผมชอบแนวการวาดภาพของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ มากครับ มักจะเป็นเกี่ยวกับพุทธศาสนา และลายเส้นตลอดจนการลงสี
เป็นไปในแนวทางที่ผมชอบ เมื่อ ๑๕-๑๖ ปีที่แล้วเจอภาพที่ท่านวาด ผม โอ้โฮ ไอ้หมอนี่มันวาดได้สวยถูกใจในแนวทางผมเลย มันต้องอย่างนี้แหละ
เพราะส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดที่วาดภาพในแนวพุทธศาสนาจะดูแข็งกระด้างและลงสีหนักจนมองดูแล้วรู้สึกอึดอัด

นี่แหละหมอนี่แหละที่ผมต้องการ สงสัยคงจะดังต่อไปในภายภาคหน้า ผมคิดในใจ...?

มันเป็นจริงไปแล้วแหละครับหลังจากนั้นปี สองปี ท่านดังระเบิดระเบ้อ ขึ้นทำเนียบศิลปินแนวหน้าของเมืองไทยไปแล้ว

วันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๐ วัดท่านคนเป็นหมื่นครับทั้งคนไทยและคนต่างชาติ อลังการงานสร้าง สืบสานศิลปกรรมในแนวทางพุทธศาสนา ให้คนได้ทึ่งและอึ้งในศิลปะของท่าน
และพลอยโน้มน้าวคนให้ใฝ่ในธรรมได้อย่างแยบคายมาก

ผมและครอบครัวชมวัดและซื้อภาพวาด เสื้อ หนังสือ และของที่ระลึก ว่าจะกลับแล้ว
ดั๊นลืมของวางไว้ ที่นั่งพักข้างโบสถ์ รีบวิ่งไปดูอีกทีหายไปแล้ว...เลยทำใจ...
ส่วนเด็กๆปวดฉี่กัน เลยไปเข้าห้องน้ำทองคำของท่าน ระหว่างรอว่าจะเลยเข้าไปดูนิธิทัศน์ท่านข้างในต่อ
ถามพวกพนักงานที่ช่วยงานวัดอยู่ ว่า อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ มาวัดหรือเปล่าครับวันนี้
เค้าบอกว่ามาครับ อาจจะอยู่แถวๆนี้เพราะอาจารย์แกปลอมตัวมาไม่อยากให้คนจำได้

จังหวะนั้นมีโฟนเอ้าท์ (ไม่ใช่โฟนอินนะครับ)ประกาศท่านผู้ใดลืมของไว้ข้างโบสถ์มารับของคืนได้ที่ประชาสัมพันธ์นะคะ
เอ๋...นั่นมันของผมหรือเปล่านะ ผมจึงเดินเข้าไปในประชาสัมพันธ์ ติดกับห้องน้ำทองคำนั่นแหละครับ
ปรากฎว่าเป็นของผมจริงๆครับ ดีใจมากครับนึกว่าจะต้องซื้อใหม่เสียแล้ว เลยขอบคุณกันเป็นการใหญ่
พอสมควรแล้วจึงออกจากห้องประชาสัมพันธ์ ระหว่างเปิดประตูออกมา สวนกับชายคนนึงแก่ๆใส่ชุดม้อฮ่อมเดินเข้าไปพอดี
ระหว่างรอเด็กๆฉี่ ก็ได้ฟังเสียงคนบรรยายรายละเอียดของวัด ว่าทำไมทางขึ้นโบสถ์ต้องผ่านขุมนรก มีเปรตมากมาย
บันไดมีกี่ขั้นหมายถึงอะไร ยอดฉัตรนั้นมีเก้าชั้นมีความหมายอย่างไร และอีก ฯ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบชวนน่าฟัง
ผมคิดว่าคนที่จะรู้เรื่องได้ดีขนาดนี้ สงสัยจะต้องเป็น อ.เฉลิมชัย เท่านั้นแหละ แต่คิดว่าเสียงอาจารย์น่าจะโผงผางกว่านี้
คิดอีกทีก็แล้วคนที่เข้าไปห้อง สวนกับเราเมื่อกี้นั่นน่าจะเป็น อ.เฉลิมชัย เป็นแน่แท้
เลยบอกลูกๆว่าอ.เฉลิมชัย อยู่ในห้องข้างใน คราวนี้เด็กๆลูกๆผมซึ่งเค้าวาดภาพและเล่นกีฬาได้เก่งอยู่แล้ว(อาจจะเก่งกว่าผมอีก)
เค้ารู้จักอ.เฉลิมชัย และชื่นชมอยู่แล้ว (หญิง ๑๐ ชาย ๖ ขวบ)เป็นลิงเลยครับ ปีนป่ายกระโดดกันอยู่ข้างๆห้องประชาสัมพันธ์เพื่อมองดูอาจารย์กัน
มองยากหน่อยครับเพราะเป็นกระจกสะท้อนแสงและอาจารย์ปลอมตัวเป็นคนจนแก่ๆ

 
หน้า: 1 ... 60 61 [62] 63 64 65