แสดงกระทู้
หน้า: [1]
1  ธรรมมะกับมนุษย์ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน / นั่งสมาธิ แนว กสิณ10 คืออะไร / ทำไมจึงต้องนั่งสมาธิ?? เมื่อ: มิถุนายน 02, 2009, 11:52:25 AM
ตามพุทธประวัติขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้นั้น  พระพุทธเจ้าได้เข้าวิปัสนา(อาจจะพิมพ์ไม่ถูก)หรือที่เรียกว่านั่งสมาธิ  พระพุทธเจ้าได้ใช่เวลาหลายปีในการนั่งสมาธิ  แต่ในที่สุดพระพุทธเจ้าก็ตรัสออกมาว่า  นี่ไม่ใช่ทางหลุดพ้น   และตามพุทธประวัตินั้น  หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว  พระพุทธเจ้าก็ได้ออกฉุดช่วยคน  โดยการเผยแพร่พระธรรมคำสอน  หลักจากนั้นตามพุทธประวัติ  พระพุทธเจ้าไม่ได้นั่งสมาธิเพื่อหาหนทางของการหลุดพ้นอีก  แต่ที่เราเห็นพระพุทธเจ้ายังนั่งสมาธิอยู่  เพราะพระพุทธเจ้าท่านย้อนมองส่องตน  คืออะไร  ย้อนมองส่องตนก็คือ การที่เรานั้นได้ย้อนมองตนเอง  มองถึงสิ่งที่เราทำ 
มีอยู่ครั้งนึงที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสถามกับภิกษุรูปนึงว่า  "นั่งสมาธิไปเพื่ออะไร"  ภิกษุรูปนั้นตอบไปว่า "เพื่อแสวงหาทางหลุดพ้น" พระพุทธเจ้าจีงตรัสเป็นปริศนาธรรมว่า  "ถ้าหากท่านกำลังนั่งเกวียนอยู่  ถ้าเกวียนไม่เดิน  ท่านจะตีวัว  หรือว่าตีเกวียน"  พระภิกษุเข้าใจทันที่ เพราะ เกวียนก็คือ"กายสังขาร"  วัวก็คือ"จิตญาณ"  แต่ภิกษุก็ยังมีความข้องใจอยู่ว่าทำอย่างไรถึงจะไปนิพพานได้  พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสถามกับภิกษุว่า  "เมื่อท่านละกายสังขารไป  ท่านสามารถเอาอะไรไปได้มั่ง" ภิกษุตอบว่า"จิตญาณ  และกรรมขอรับ"   "แล้วถ้าเจ้าละสังขาร  และอยากเข้าสู่นิพพาน  เจ้าจะต้องละสิ่งใด"  ภิกษุตอบว่า "กรรมขอรับ" "ใช่แล้ว  เพราะว่านิพพานก็คือความว่าง หรืออีกนัยหนึ่งคือเอกภาพ  จะเข้าสู่นิพพานได้จะต้องมีเพียงหนึ่งเท่านั้นก็คืจิตญาณ  หากมีกรรมหนัก  กรรมนั้นก็จะดึงเจ้าให้เข้าสู่ในวัฏฏะสงสารต่อไป"  ภิกษุจึงถามต่อว่า "แล้วเราจะรู้ได้ไงว่ากรรมเราหนักหรือไม่"  พระพุทธเจ้าจึงทรงแนะวิธีว่า  "งั้นเอาแบบนี้  เจ้าจงเตรียมตุ่มใส่น้ำมา 1 ใบ  วันไหนที่เจ้าทำความดีให้ใส่น้ำลงไป 1 ช้อน  วันไหนที่เจ้าทำไม่ดี  ให้เจ้าใส่เกลือลงไป 1 ช้อน  ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ  แล้วเจ้าลองชิมดู  หากว่าน้ำเค็มก็แสดงว่าเจ้านั้นกรรมหนัก  หากว่าจืด  ก็แสดงว่าเจ้านั้นได้ว่างแล้ว  อันว่านิพพานนั้นคือความว่าง  นั่งสมาธินั้นไม่ใช่ว่าไม่ดี  แต่หากเจ้านั่งหลับหูหลับตาอยู่แบบนี้ตลอดเวลา  แล้วพระธรรมคำสอนนี้จะถึงแก่เวไนยได้หรือ  การสร้างบุญมีอยู่ 3 ทาง เจ้าก็รู้  ทรัพเป็นทาน  วิทยาธรรมเป็นทาน  และแรงกายเป็นทาน  หากเจ้ายังนั่งสมาธิอยู่เป็นนิจ  แล้วเจ้าจะได้สร้างทานข้อได้  การฉุดช่วยคนบุญกุศลมหาศาล  ฉุดช่วยคน  เห็นคนอื่นเหมือนเห็นตัวเรา  ทำข้อผิดพลาดไปแก้ไข  นี่ถึงจะเป็นวิถีแห่งนิพพานที่แท้จริง" 


ร่วมศึกษานะครับ
2  รวมรูปภาพต่างๆเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา พาเที่ยววัด ใน Kammatan.com Gallery / บทความดีๆ เกี่ยวกับธรรมะ / พระที่วิเศษที่สุดในโลกหล้านี้ เมื่อ: มิถุนายน 02, 2009, 10:57:47 AM
มีชายผู้หนึ่ง  เป็นผู้ที่ชอบสะสมพระและของขลังเป็นอย่างมาก  ไม่ว่าพระที่ไหนดัง ของขลังที่ไหนมีชื่อ  ไม่ว่าจะราคาเท่าไร ชายผู้นี้ก็จะทำทุกวิธีให้ได้พระ และของขลังนั้นมาให้ได้  อยู่มาวัน ชายผู้นี้ก็ได้ยินข่าวว่า มีพระสงฆ์รูปหนึ่ง  ท่านเก่งในเรื่องคาถาอาคมเป็นอย่างมาก
สามารถหยั่งรู้เรื่องต่างๆได้  ชายผู้นี้จึงได้ออกเดินทางเพื่อไปตามหาพระสงฆ์รูปนี้  โดยทิ้งผู้หญิงแก่ๆคนนึงไว้ที่บ้าน ตลอดเวลาที่ชายผู้นี้ออกไปข้างนอก  หญิงแก่ๆคนนี้ก็จะคอยชะเง้อมองว่า  ชายคนนี้จะกลับมาเมื่อไรเค้าจะได้ทานข้าวมาหรือยัง จะเจออันตรายใดๆหรือไม่  แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้ความกังวลของหญิงแก่ๆผู้นี้คลายลงได้ เรามาย้อนดูชายผู้นี้  เค้าเดินทางไปเรื่อย โดยที่ไม่รู้ว่ามีใครสักคนนึงคอยนึกถึงแต่เค้าอยู่ จนได้เจอกับพระสงฆ์ที่เค้าร่ำรือกัน  ชายผู้นี้จึงเข้าไปกราบนมัสการพระสงฆ์รูปนั้น  พระสงฆ์จึงได้ถามชายผู้นี้ว่าา  "ท่านเดินทางมาหาเรา ด้วยกิจอันใดหรือ" ชายผู้นี้จึงตอบว่า "กระผมทราบมาว่า  ท่านเป็นพระชื่อดัง ที่สามารถหยั่งรู้ฟ้าดิน และมีคาถาอาคมที่สูงส่ง  ดังนั้นท่านต้องมีของดี" พระสงฆ์จึงถามไปว่า "แล้วท่านก็มาที่นี่เพื่อที่จะขอของดีที่ว่านั่น  ใช่หรือไม่"  ชายผู้นี้ก็ตอบว่า "ใช่ครับ  ท่านจะให้กระผมบูชาไปได้หรือไม่" พระสงฆ์จึงตอบว่า  "เราในตอนนี้ไม่มีพระที่วิเศษหลงเหลืออยู่แล้ว  แต่ท่านสิ  ท่านยังมีพระที่วิเศษที่สุดในโลกอยู่"  "จริงหรือครับ  กระผมมีพระที่วิเศษขนาดนั้นอยู่เหรอครับ"  ชายผู้นี้ถามด้วยความสงสัย  พระสงฆ์จึงตอบว่า  "ใช่แล้ว  ท่านมีพระที่วิเศษอยู่แล้ว  พระที่ท่านมีอยู่นั้น  เป็นพระโพธิสัตว์ที่ศักธิ์สิทธิ์ที่สุดในโลกนี้" ชายผู้นี้ก็ถามไปด้วยความสงสัยอีกครั้งว่า "แล้วพระที่ว่านั้น  อยู่ตรงไหนของโต๊ะพระหรือครับ  แล้วมีลักษณะเป็นอย่างไร" พระสงฆ์จึงตอบไปว่า "เมื่อท่านกลับไปแล้ว  ท่านก็จะเจอด้วยตัวของท่านเอง  พระที่วิเศษของท่างองค์นี้ จะมีผมสีขาว ใส่เสื้อผ้าเก่าๆ รองเท้าขาด" ชายผู้นี้จึงได้เดินทางกลับไปที่บ้านของตอนเอง  เพื่อหาพระที่พระสงฆ์รูปนี้พูดถึง ระหว่างการเดินทาง  ชายผู้นี้ก็คิดมาตลอดว่า  เรามีพระแบบนั้นด้วยเหรอ  ผมขาว เสื้อผ้าเก่าๆ รองเท้าขาดๆ  ชายผู้นี้คิดมาตลอดทาง  จนกลับมาถึงบ้าน  เค้าก็รีบไปดูในห้องพระ  แล้วก็หาพระที่มีลักษณะตามที่พระสงฆ์รูปนั้นบอก  เค้าหาเท่าไรก็หาไม่เจอ  พระที่มีผมสีขาว ใส่เสื้อผ้าเก่า  สวมรองเท้าขาด  ในใจเค้าก็คิดว่า พระสงฆ์รูปนั้นจะต้องโกหกเค้าแน่ๆ   เค้าจึงตั้งใจจะกลับไปถามพระสงฆ์รูปนั้นอีกครั้ง  ทันใดที่เค้าเปิดประตูห้องพระ  เค้าก็พบกับผู้หญิงแก่ๆคนนึง  ที่มีผมสีขาว  ใส่เสื้อผ้าเก่าๆ  สวมรองเท้าขาด  หญิงแก่คนนี้เข้ามาถามเค้าว่า  "จะไปไหนอีกหรือ กินข้าวมาหรือยัง"  เพียงแค่นี้  ชายผู้นี้ถึงกับคุกเข่า  แล้วก้มลงกราบที่เท้าของหญิงแก่คนนี้  ซึ่งเป็นแม่ของเค้าเอง  แม่ที่เค้าไม่เคยใส่ใจสักครั้ง  แม่ที่คอยดูแล เป็นห่วงเป็นใยเค้า  แต่เค้าไม่เคยที่จะสนใจเลยสักครั้ง แม่ที่เมื่อก่อนคอยอุ้มชูเค้า  เคยใส่เสื้อผ้าสวยๆ ผมดกดำ  แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคนแก่คนหนึ่ง  ที่สวมเสื้อผ้าเก่าๆ  ผมสีขาวๆ  เป็นเพราะว่าเค้าไม่เคยใส่ใจเลย  ชายผู้นี้จึงกราบลงกับเท้า  แล้วก็บอกกับแม่ว่า "พระโพธิสัตว์ของลูก  พระที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของลูก  ลูกคอยแต่จะค้นหาพระจากนอกบ้าน  โดยลืมไปว่า ยังมีแม่  แม่ที่เป็นพระโพธิสัตว์ของลูกรออยู่ที่บ้าน  ลูกไม่เคยดูแลแม่เลย  ทำให้แม่ต้องสวมใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ขาดๆ  แม่ครับ  แม่ผู้เป็นพระโธสัตของลูก  จากนี้ลูกจะไม่ออกไปหาพระที่วิเศษจากข้างนอกอีกต่อไปแล้ว  เพราะตอนนี้ลูกรู้แล้วว่า  ลูกมีพระที่วิเศษที่สุดในโลก อยู่ที่บ้านนี้  เป็นพระโพธิสัตว์ที่ในชาตินี้ลูกไม่อาจจะหาที่ไหนได้อีกแล้ว"
พอพูดจบชายผู้นี้ก็ได้กอดกับหญิงแก่ที่เป็นแม่ของตน  ด้วยจิตสำนึกของลูกที่กลับตัว

พระที่วิเศษที่สุดนั้น  หาใช่พระที่ผ่านพิธีการปลุกเสกที่ยิ่งใหญ่ไม่  แต่พระที่วิเศษที่สุดนั้น  ก็คือพระที่คอยเลี้ยงดูและอุ้มชูเรามา คือ  พ่อและแม่ของเรานั่นเอง
หน้า: [1]