KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับ

การรักษาศีล เปรียบเสมือนการชำระร่างกายและใจให้สะอาด พร้อมที่จะเข้าสู่กระแสธรรม ในการปฏิบัติธรรม

เมื่อก่อนยังหาจุดหมายไม่ได้ ว่าเกิดมาเพื่ออะไร แต่เมื่อได้เข้ามาอยู่ในกระแสธรรมแล้ว จึงรู้ว่า ชีวิตนี้ต้องอยู่เพื่ออะไร
เพื่อเรียนรู้กาย ใจ จนเห็นว่า กาย ใจ นี่แระเป็นตัวทุกข์ จนสละขันธ์ 5 ไปซะ

เส้นทางที่เดินไปสู่จุดหมายไม่ง่ายนัก ต้องเบียดเสียด ต้องฆ่ากิเลส ฝืนตื่นขึ้นมาเพื่อเรียนรู้จิต จนถึงวันหนึ่งเมื่อพร้อม จะได้เข้าไปสู่กระแสธรรมแห่งเส้นทางบรมสุข ตามรอยองค์พระพุทธเจ้า ที่ที่ไม่ต้องเอาอะไรไป ที่ที่ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม ที่ที่ไม่ต้องเกิดใหม่ ที่ที่ไม่มีนิวรณ์ มาครอบงำจิตได้  

อย่างคำที่ พระบอกไว้ว่า ความสุขเป็นเหตุให้ใกล้เกิดสมาธิ

golfreeze[at]kammatan.com  ::)

ช่วงนี้ มาทำงานที่ มาเลย์เซีย ครับที่ี่นี่ ไม่ค่อยมีวัดพุทธ เลย เพราะว่าคนส่วนใหญ่จะ เป็น มุสลิม มีแต่ มัสยิด กัน

สำหรับผมก็ ยัง ภาวนาและตามรู้จิต ตลอด แล้วก็อาศัยช่วงก่อนนอน ทำสมาธิ

ระลึกถึงพระรัตนตรัย แล้วก็เริ่มหายใจ ออก เข้า จนเริ่มสงบ

จนทำให้รู้ว่า

เมื่อจิตเข้าสู่ กระแสธรรม และน้อมนำให้ระลึกถึงพระรัตนตรัย ที่ไหนในจักรวาลก็เป็น ที่ปฏิบัติธรรม ได้
 :-*

การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ก็เหมือนมีเงินทุนอยู่หนึ่งก้อน

เราจะใช้เงินทุนก้อนนั้นเพื่อเลี้ยงตัวเอง หรือจะใช้อย่างสุรุยสุร่าย ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง

ถ้าใช้ให้เกิดดอกออกผล มันก็จะเป็นเสบียงเลี้ยงตัวเองจนกว่า จะสิ้นเชื้อกิเลสตัณหา

แต่ถ้าใช้จ่ายแบบไม่รู้ค่า ก็สะสมหนี้กรรม ไปเรื่อยๆ

golfreeze[at]กรรมฐาน.com

พระมหาวุฒิชัย ท่านบอกไว้ว่า

ที่ใดมีธรรม ที่นั่นมีสันติสุข

ฟังจบแล้วละ แต่ก็ยังไม่แน่ใจเลยครับ เหมือนจะบอกให้ทำตัวเป็นธรรมชาติ แต่ไม่เป็นธรรมชาติคือระลึกรู้ใช่ไหม?

สรุปจากที่ฟังแล้วเข้าใจนะคือ นั่งไม่ต้องเกรง นั่งสมาธิแบบธรรมชาติสุดๆ(ปล่อยวาง) แต่มีข้อแม้ว่าต้องนั่งแบบรู้ตัวมีสติ ดูอารมณ์ที่มันเกิดอย่าไปจับยึด จับแล้วปล่อย ใจมันจะคิดให้มันคิด แต่ต้องระลึกรู้ว่าคิดใช่ไหมครับ  ผมเป็นพวกชอบนั่งคิดวิเคราห์วางแผนนะ ไม่รู้เข้าใจถูกไหม?

ครับผม การปฏิบัติต้องให้สติระลึกรู้ขึ้นมาเองนะครับ อย่าไปเพ่งจ้องไว้ ผมเองอ่าเป็นบ่อยๆ ชอบไปจ้องรอดูสภาวะ ถ้าเป็นอย่างนี้ จะหนักๆขึ้นมาเลย หนักหัวอ่าครับ

ส่วนการเจริญสติก็ปฏิบัติตามคำที่หลวงพ่อ บอกได้เลยครับ ว่าให้รู้ ตอน เดิน ยืน นั่ง นอน กิน ดื่ม พูด ทำ คิด อ่าครับผม

ลองดูนะครับ สู้ๆ

สติ มี 2กรณี

สติทางโลก เป็นสติธรรมดาของปุถุชน คนทั่วๆไป(รู้เรื่องทำมาหากิน)

แต่สติปัฏฐาน 4 เป็นสติที่เห็น ไตรลักษณ์(ด้วยธรรม(ชาติ)ของจิต)

(1.ทุกขัง ถูกความทุกข์บีบคั้นให้ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้

   2. อนิจจัง ต้องเปลี่ยนแปลงไปเพื่อแก้ทุกข์อยู่เสมอ ถ้าคนทั่วไป ไม่รู้ว่าทำไมต้องเปลี่ยน

       3. และ อนัตตา คือทั้ง 2 เรื่องที่กล่าวมา เรา ไม่สามารถสั่งได้ บังคับได้ บอกว่าอย่า  ทุกข์   อย่าเปลี่ยนก็ไม่ได้ จึงไม่ใช่ตัวกู-อัตตา)
 

ของกาย เวทนา จิต และธรรมารมณ์

การรู้ไตรลักษณ์ที่ท่านอ่านมานี้เป็นการรู้ด้วยสมอง

จึงมิใช่เป็นการรู้ไตรลักษณ์ ที่แท้จริง ต้องป.ธรรม ตามแนวมรรค 8 คือ มีศีล สมาธิและจึงจะเกิกปัญญาที่   จิต   มันสัมผัส ไตรลักษณืได้เอง

กว่าจะรู้ กว่าจะตื่น กว่าจะเบิกบาน ต้องทำเอง อย่างถวายชีวิตนะท่าน


แต่ ตรงนั้น เขาก็รอท่านอยู่ ด้วยอะไรละ เหมือนแม่ผู้เมตตา   รอให้ลูกที่หนีไปเที่ยวกลับบ้าน ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ก็ตาม.. ;D

เยี่ยมครับท่าน ผู้เล็งเห็นทุกข์

*แนวทางการป.ธรรม เพื่อการเข้าสู่การเป็นพระอริยะคือ
       การให้ทาน
               การรักษาศีลเป็นกำลังของนักป.ธรรม
**และต่อมากำราบจิต
ขั้น 1 ด้วยการไหว้พระ สวดมนต์
ขั้น 2 เดินจงกรม
และขั้น3 นั่งสมาธิ

ขั้น 2 และ 3 ควรทำขั้นละ 15 - 1ชั่วโมง สลับกัน

เป็นการกระทำคล้ายไฟสุมขอน มันกรุ่นๆ ๆ ๆ

ถึงจังหวะที่เหมาะพอดี๊ พอดี ไฟ(แห่งปัญญา) จะสว่างวาบ

เป็นอันว่าสอบผ่าน ป1 ทางธรรม

....เหมือนเราเรียน ป1 ระหว่างป.ธรรมก็คือกำลังเรียนอยู่ สอบข้อสอบ ผ่านแล้ว ก็เป็นอันว่า  จบ ชั้น นี้

และเข้าเรียน ป2 ต่อ............
 ;D