KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับ

ธรรมมะกับมนุษย์ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน => ธรรมมะจากพระสงฆ์ สุปฏิปันโน เป็นข้อคิด และแนวทาง เพื่อเป็นแรงใจในการปฏิบัติภาวนา => ข้อความที่เริ่มโดย: golfreeze ที่ ตุลาคม 02, 2012, 03:06:46 PM



หัวข้อ: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ ตุลาคม 02, 2012, 03:06:46 PM
(http://www.kammatan.com/gallary/images/20121002150405_luangpu_thon.jpg)

ให้ดูแลให้แลกันอย่าทอดทิ้ง

"อะไรที่เราจะช่วยกันได้ ให้ดูแลให้แลกันอย่าทอดทิ้ง
เห็นคนทุกข์อย่านิ่งดูดาย ถ้าเราช่วยเขาได้ก็ช่วยซะ
หัวใจเราจะบานออกใหญ่โต เวลาทำอะไรให้มีเจตนาหวังดีต่อกัน
ให้เขามีความสุข เราก็จะสุขด้วย ความเหนียวแน่น ตระหนี่ถี่เหนียว
มันเป็นอุปสรรคขัดขวางใจเรา สัตว์เดรัจฉาน มีแต่แย่งกัน
เป็นมนุษย์ต้องแบ่งปันกัน น้ำใจอย่างนี้เรียกว่า น้ำใจเทวดา
เป็นมนุษย์ ใจสูง อย่าใจดำ คนทำลายทรัพยากรแผ่นดิน
ไม่เห็นอกเห็นใจกันเลย เราต้องทำใจเราให้เป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์
คือให้มี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขากันทั่วทุกคน
จงนำไปใคร่ครวญ พิจารณาด้วยปัญญาอันชาญฉลาดของตนเทอญ"


หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
วัดศรีอภัยวัน จ.เลย


หัวข้อ: Re: ให้ดูแลให้แลกันอย่าทอดทิ้ง ธรรมะโดยหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ มกราคม 25, 2013, 09:37:38 AM
(http://www.kammatan.com/gallary/images/20130125093500_luangpu_thon.jpg)

ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร


วัดศรีอภัยวัน
ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย



๏ อัตโนประวัติ


“อย่ามีอคติ...อย่าลำเอียงกับใครเลย และอย่าขึ้นๆ ลงๆ อย่าเอารัดเอาเปรียบกันอีกเลย”

ความตอนหนึ่งจากธรรมโอวาทของ “พระราชญาณวิสุทธิโสภณ” หรือ “หลวงปู่ท่อน ญาณธโร” ที่คอยอบรมสอนสั่งสาธุชนให้ปฏิบัติตาม ด้วยกุศโลบายอันแยบคายในการแสดงพระธรรมเทศนา ให้ผู้ฟังนำไปขบคิดพินิจพิจารณาด้วยปัญญา

ท่านเป็นพระเถราจารย์ผู้ใหญ่สายวิปัสสนาธุดงค์กัมมัฏฐาน เป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านจิตตภาวนา การเทศนาธรรม และวิทยาคมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร มีนามเดิมว่า ท่อน ประเสริฐพงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พุทธศักราช 2471 ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีมะโรง ณ บ้านหินขาว ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายแจ่ม และนางทา ประเสริฐพงศ์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด 19 คน ท่านบุตรคนที่ 6 ปัจจุบัน สิริอายุได้ 79 พรรษา 59 (เมื่อปี พ.ศ.2550) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดศรีอภัยวัน บ้านหนองมะผาง ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย และเจ้าคณะจังหวัดเลย (ธรรมยุต)

ขอบพระคุณข้อมูลจาก : http://www.watsriaphaiwan.org/luangpoo


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ กรกฎาคม 08, 2013, 07:57:45 PM
เราได้อาศัยร่างกายที่มีแต่ของเน่าๆ เปื่อยๆ มาทำประโยชน์ไปวันๆ เท่านั้นเอง
ยังน่าปลื้มใจที่อาศัยไหว้พระสวดมนต์ รักษาศีล ทำบุญให้ทาน ทำสมาธิภาวนา
ทำคุณความดีเพื่อประโยชน์ตนบ้าง เพื่อประโยชน์ผู้อื่นบ้าง ยังน่าปลื้มนะ"
- ให้ทำความดีเยอะๆ ทำบุญให้ทาน นั่งสมาธิ และรักษาศีลให้บริสุทธิ์ให้มากๆ
- อย่าได้ประมาทเลย พยายามทำให้ต่อเนื่อง มันจะแก่กล้าขึ้น
- การทำอย่างที่ว่ามานี้ เขาเรียกว่าอบรมบ่นอินทรีย์ให้แก่กล้า
- สร้างบุญบารมีให้ใหญ่โต"

- คำสอน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร -


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ ธันวาคม 12, 2013, 10:40:06 PM
" หมากัดขาเรา เราอย่าไปกัดขาหมาตอบ
ถ้าไปกัดคงน่าเกลียดจริงๆ
หมากัดขาเราก็รักษาแผลไป
ไม่ต้องไปกัดขาหมาตอบ
เช่นเดียวกัน ถ้ามีคนอื่นตำหนิเรา
เราอย่าไปตำหนิเขาตอบ
ใครทำให้เราโกรธ
เราอย่าหลงไปโกรธเขาตอบ
ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก "

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
วัดศรีอภัยวัน อ.เมือง จ.เลย


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ ธันวาคม 21, 2013, 11:20:29 AM
สนิม กินเหล็ก กิเลส กินใจ
โลภ โกรธ หลง เป็น "กิเลส" ที่ยุให้รำ ตำให้รั่ว
จองเวรจองกรรม ไม่สื้นสุด ไม่มีเหลือ

เราอย่าไปโทษคนอื่น กิเลสของเราเองนี่แหละ
ทำลายจิตใจของตัวเรา ทำลายคุณสมบัติ
ของจิตใจของเราให้เสื่อม จากคุณงามความดี
ไปเกิดในภพที่ต่ำ ลำบาก ตรากตรำ

ตนเตือนตน เตือนตนเอง ระวังกันไว้ให้ดีนะ
สนิม มันกินเหล็ก กิเลส มันกินใจ

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ พฤษภาคม 01, 2014, 08:46:53 AM
“..กิเลสเป็นเหมือนสนิมเกาะกินใจมนุษย์อยู่ตลอดเวลา หากปล่อยให้มันเกาะกินจิตใจไม่รู้จักระวังรักษา
ใจของเราย่อมหมดคุณภาพ เป็นใจเสื่อมโทรม กิเลสมันร้อน มันเป็นไฟ ต้องระวังอย่าลุอำนาจกิเลส
อันจะทำให้กระทบกระเทือนผู้อื่นเขา..”

โอวาทธรรมคำสอนพระราชญาณวิสุทธิโสภณ(หลวงปู่ท่อน ญาณธโร) วัดป่าศรีอภัยวัน ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย

ครั้งหนึ่ง หลวงปู่ท่อน ท่านได้มีโอกาสพบหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บูรพาจารย์สายพระป่า
และได้รับโอวาทอันทรงคุณค่าอย่างหาที่เปรียบมิได้จากหลวงปู่มั่น “ให้เร่งทำความเพียร มิให้ประมาท ชีวิตนี้อยู่ได้ไม่นานก็ต้องตาย”
หลวงปู่ท่อน ยังได้มีโอกาสไปกราบเยี่ยมศึกษาธรรมจากครูบาอาจารย์หลายท่าน
อาทิ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม, หลวงปู่หลุย จันทสาโร, หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี, หลวงพ่อมหาปิ่น ชลิโต เป็นต้น

ปัจจุบัน ท่านพำนักจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าศรีอภัยวัน และในวันเสาร์ที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๗ ที่จะถึงนี้
หลวงปู่ท่อน ท่านมีอายุครบ ๘๖ ปี ในวันเสาร์ที่ ๓ และอาทิตย์ที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ที่จะถึงนี้
 จะมีงานบุญมุทิตาจิตวันคล้ายวันเกิดองค์หลวงปู่ท่อน ญาณธโร เจริญอายุวัฒนมงคลครบ ๘๖ ปี
ณ วัดศรีอภัยวัน ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย ซึ่งจะมีพระกัมมัฏฐาน พ่อแม่ครูอาจารย์ พระเถระ มหาเถระ
จำนวนมากทั้วทิศานุทิศ ทั้งใกล้และไกล เพื่อมาร่วมงานฯ ในวันเสาร์-อาทิตย์ที่จะนี้
จึงขอเรียนเชิญท่านญาติธรรมทุก ๆ ท่าน ร่วมสร้างบุญกับ ท่องถิ่นธรรม พระกรรมฐาน
โดยการเป็นเจ้าภาพตั้งโรงทานในงานมุทิตาสักการะ ๘๖ ปี องค์หลวงปู่ท่อน ญาณธโร ซึ่งเป็นโรงทานกาแฟสด
, ข้าวมันไก่ , ข้าวขาหมู และซาลาเปา เพื่อถวายพ่อแม่ครูอาจารย์ และแจกเป็นทานแก่ผู้มาร่วมงานฯ

โดยตั้งโรงทานแจกตั้งแต่วันเสาร์ที่ ๓ พฤษภาคม ถึงวันอาทิตย์ที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๗ นี้
รวมระยะเวลา ๒ วัน โดยใช้ชื่อโรงทานในนาม “คณะศิษย์พระเดชพระคุณหลวงปู่ชอบ ฐานสโม”
ซึ่งท่านพระอาจารย์อำนวย กันตจาโร วัดป่ากกโพธิ์วังก่ำ อ.ด่านซ้าย จ.เลย
ลูกศิษย์ของพระเดชพระคุณหลวงปู่ชอบ ฐานสโม เป็นผู้ดูแลโรงทานในครั้งนี้


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ พฤษภาคม 01, 2014, 08:51:36 PM
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน ตำบลนาอ้อ อำเภอเมือง จังหวัดเลย

เรื่อง..กรรมประมาทธรรมพระเถระ

ปลายเดือนมีนาคม ๒๕๔๐ หลวงปู่ท่อนท่านให้มาเฝ้าวัดให้ท่าน พักอยู่กับหลวงปู่ท่อนที่วัดศรีอภัยวัน หลวงปู่ท่อนเล่าให้ฟังตอนท่านบวชได้สาม-สี่พรรษา ท่านเคยประมาทพระเถระผู้เฒ่าองค์หนึ่ง ซึ่งตอนนั้นหลวงปู่ท่อนท่านบอกถ้ามองลักษณะภายนอกพระเถระผู้เฒ่าองค์นี้ท่านดูไม่น่าเลื่อมใส หลวงปู่ท่อนท่านจึงนึกประมาทพระเถระผู้เฒ่าองค์นี้ในใจ..

หลังจากท่านประมาทในภูมิธรรมของพระเถระผู้เฒ่าองค์นี้แล้ว ต่อมา ปรากฏว่าเวลาท่านภาวนา จิตของท่านจะลงไม่ถึงความสงบเหมือนแต่ก่อน ทั้งที่แต่ก่อนเวลาภาวนาจิตของท่านจะลงพรวดถึงฐานจิตของสมถะภาวนาได้โดยง่าย นับแต่วันที่ท่านประมาทในธรรมของพระเถระผู้เฒ่าท่านนี้มา จิตของท่านก็กระด้างกระเดื่องในธรรมเพราะกรรมประมาทในธรรมของพระอริยะที่ตนไม่รู้ กรรมนี้จึงส่งผลให้ท่านจิตมัวใจหมองเพราะอกุศลกรรม..

ท่านบอก บางครั้งเราต้องเอาสติเข่นบังคับจิตให้ลงสู่ความสงบ ไม่ต่างอะไรกับเราเอามือข่มลูกฟุตบอลเพื่อให้มันจมลงไปในน้ำ พอปล่อยมือออกแล้วลูกฟุตบอลนั้นก็จะเด้งขึ้นตามแรงกด ท่านอุปมาภายนอกเพื่อเทียบภายในให้ฟัง..

ท่านบอก จิตเราตอนนั้นสงบลงไม่จริง จิตอยู่ได้แค่อุปจาระจร เฉียดไปเฉียดมา อยู่อย่างนั้น ครั้นจะลงถึงสว่างสดใสในชั้นสมถะ ทำอย่างไรมันก็ไปไม่ถึงดั่งที่ตนเองเคยเป็นมา..

ท่านบอกพอท่านภาวนาจิตสงบลงพอวับแวม จะปรากฏเป็นเงาดำทรงกลมขนาดประมาณเท่ากระด้งหรือถาดพาข้าวมาขวางกั้นจิต จิตของท่านจะเป็นลักษณะแบบนี้อยู่นานร่วมเดือน ท่านสงสัยในอาการที่จิตของตนเองเป็นแบบนี้ ท่านเองก็ไม่สามารถหาเหตุผลเพื่อแก้ไขจิตของตนเองได้ในขณะนั้น หลังจากหลวงปู่ท่อนท่านกลับจากเที่ยววิเวกแถวเขตอำเภอท่าลี่ ท่านจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับ พระคุณเจ้าหลวงปู่คำดี ปภาโส ที่ วัดถ้ำผาปู่ ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย เพื่อให้พ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงปู่คำดีท่านช่วยแก้ไข..

ตอนนั้นหลวงปู่ท่อนท่านบอกหลวงปู่คำดีแค่อาการของจิตที่ตนเองกำลังเป็นอยู่ ท่านยังไม่ได้บอกหลวงปู่คำดีว่าท่านได้นึกประมาทพระเถระผู้เฒ่าองค์หนึ่ง หลวงปู่คำดีท่านชี้ชัดให้ท่านฟังว่า..

“ ท่านท่อน ที่จิตของท่านเป็นแบบนี้ในเวลาภาวนา มันเกิดจากกรรมที่ท่านได้ไปประมาทท่านผู้รู้ธรรม กรรมนี้จึงส่งผลบาปรบกวนจิตของท่านในเวลาที่ท่านภาวนา ให้ท่านระลึกดูซิว่าท่านได้ไปประมาทธรรมท่านผู้หนึ่งผู้ใดไว้หรือไม่ ถ้าท่านหลงไปประมาทพลาดพลั้งท่านผู้รู้ธรรมแล้ว ก็ให้ท่านรีบไปขอขมาท่านเสีย อย่าทิ้งวันทิ้งคืนไว้นานมันไม่เป็นผลดีกับจิตท่าน จิตท่านมันจะวิบัติมากไปกว่านี้ ”..

พอหลวงปู่คำดีท่านว่ามาแบบนี้ หลวงปู่ท่อนท่านบอกตอนนั้นเราใจเสียหมดเลย คิดแวบออกได้ทันทีว่าเราเคยประมาทภูมิข้างในของหลวงพ่อ...ว่าท่านไม่รู้จริง ตอนนั้นตนเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีเพราะพระเถระผู้เฒ่าท่านนี้ก็พึ่งจะมรณะภาพไปได้ไม่นาน เราจึงกราบเรียนเรื่องนี้กับหลวงปู่คำดีเพื่อให้ท่านช่วยหาหนทางแก้ไขให้ตนเอง..

หลวงปู่คำดีท่านบอกว่า “ เมื่อท่านมรณะภาพไปแล้วก็ให้ท่านท่อนไปกราบขอขมาที่สถูปกองฟอนของท่าน ให้ท่านท่อนน้อมจิตน้อมใจกราบขมาขออภัยกับท่านพระเถระ ถ้าท่านทำแบบนี้แล้วกรรมของท่านก็จะพ้นไปได้เอง เพราะกรรมนี้ไม่ใช่เวรจองกรรม ”..

หลวงปู่ท่อนท่านจึงเดินทางไปกราบสถูปธาตุพระเถระผู้เฒ่าที่ท่านเคยประมาทล่วงเกิน ท่านน้อมกราบขอขมาลาโทษกรรมที่ตนเองได้เคยประมาทพลาดพลั้งต่อพระเถระผู้เฒ่า..

หลวงปู่ท่อนท่านบอก “ พอจิตใจเราเบาแล้ว เราก็นั่งภาวนาอยู่ข้างเชิงตะกอนที่เผาสรีระพระผู้เฒ่าเพื่อน้อมถวายท่าน เรานั่งภาวนาไม่นานจิตเราก็ลงพรวดสว่างไสวขึ้นมาทันที จิตแต่ก่อนเคยเป็นอย่างไร ทุกอย่างก็กลับมาคืนมาเหมือนเดิม ”..

“ พอจิตอิ่มในความสงบแล้ว เราถอยออกมาพิจารณาในอกุศลธรรม ปัญญาก็พิจารณาละบาปอกุศลในจิตออกทันที เวลาพิจารณาปัญญาไหลออกพรวดๆดั่งสายน้ำหลากลงจากภูเขา จิตปิดบาปอกุศล จิตใจมีความเชื่อมั่นใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และกรรมอย่างหนักแน่นไม่เสื่อมถอย ตั้งแต่นั้นมาจิตเราก็ไม่เคยเสื่อมอีกเลย จิตยืนได้ด้วยกำลังของตนเอง "..

" ธรรมเป็นอกาลิโกกำหนดคาดหมายไม่ได้ พอความสมบูรณ์ของบุญวาสนามาถึงพร้อมกับความเพียรแล้ว ทุกอย่างมันจะเกิดขึ้นเองคาดหมายเวล่ำเวลาไม่ได้ ”..

หลวงปู่ท่อนท่านบอก กรรมประมาทในท่านผู้ทรงธรรมนี้เห็นผลในทันตา อย่างน้อยจิตใจมัวหมอง มีฤทธิ์ก็เสื่อมฤทธิ์ มีฌานก็เสื่อมฌาน มุ่งหวังความสงบได้ยาก ตายไปก็ตกอบายภูมิ ถ้ารู้ตนรู้ตัวว่าตนเองเป็นแบบนี้ก็ให้รีบแก้ในปัจจุบันทันทีอย่าทิ้งไว้นาน พอตายไปแล้วมันแก้ไขไม่ได้ มันสายไปแล้วต้องรับผลกรรมเพียงอย่างเดียว หนักหรือเบาขึ้นอยู่กับการกระทำกรรมของตน..


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ กันยายน 06, 2014, 10:45:01 AM
ผู้เจริญ ย่อมไม่เบียดเบียนใคร
ไม่อาฆาตใคร ไม่พยาบาทใคร
ให้อภัย แก่คนทุกจำพวก
ไม่เอาเรื่องเอาราวอะไร กับใครเลย
ต้องพร้อมที่จะ ให้อภัยอยู่เสมอ
อย่างนี้ ใจเราสบาย
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ กันยายน 06, 2014, 10:47:57 AM
(http://kammatan.com/gallary/images/20130812172112_banner_1.jpg)

เห็นธรรมคือเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทำอย่างไรเราจะพ้นจากกองทุกข์
เห็นว่าของทุกอย่างไม่ใช่เรา เป็นอนัตตา แม้ร่างกายที่อยู่ร่วมกันก็ไม่ใช่เราเลย
มันอยากเจ็บมันก็เจ็บ มันอยากแก่มันก็แก่ มันอยากตายมันก็ตาย ห้ามมันไม่ฟัง
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นไม่กลัวตาย หายเมื่อไรช่างมัน ทำความดี...ดีกว่า...

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ กันยายน 06, 2014, 11:11:33 AM
"..มัวแต่ห่วงโลกอยู่ เลยไม่ได้ไปพระนิพพาน ผู้จะไปพระนิพพานได้
ท่านไม่ห่วง ไม่มีห่วงโลกห่วงใดๆ ทั้งนั้น เรื่องรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
ท่านตัดขาดพรวดไปเลย ไม่มีอีกแล้ว เรียกว่าตัดกิเลสตาย คลายกิเลสหลุด
ถึงวิมุตติมรรคผลนิพพาน สว่างโร่ไม่มืดอีกแล้ว.."

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ ตุลาคม 01, 2014, 09:03:02 PM
การทำความเพียร ไม่ใช่ เดินจงกรมหรือนั่งสมาธิ
ไม่ใช่ ทำทั้งวันทั้งคืนหรอก ...
ถ้ายังเดินคิด นั่งคิด ก็จัดว่า เป็นความเพียรไม่ได้ เรียกว่า "ฟุ้งซ่าน"
น้ำใส น้ำนิ่ง จะเห็นปลา เห็นทรายชัด
ถ้าน้ำกระเพื่อม ก็ไม่เห็น
เปรียบกับจิตที่เป็นหนึ่ง "หยุดนิ่ง" ย่อมรู้หมด
มีอะไรรู้หมด รู้จิตผู้อื่น ต้องทำให้เป็นวสี จึงจะรู้ได้ตลอด
ผู้ใดได้รับความสงบมากๆ คนนั้นรวย
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ ตุลาคม 01, 2014, 09:10:00 PM
"..มัวแต่ห่วงโลกอยู่ เลยไม่ได้ไปพระนิพพาน ผู้จะไปพระนิพพานได้ ท่านไม่ห่วง ไม่มีห่วงโลกห่วงใดๆ ทั้งนั้น เรื่องรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ท่านตัดขาดพรวดไปเลย ไม่มีอีกแล้ว เรียกว่าตัดกิเลสตาย คลายกิเลสหลุด ถึงวิมุตติมรรคผลนิพพาน สว่างโร่ไม่มืดอีกแล้ว.."
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ มกราคม 17, 2015, 10:43:58 AM
เกิดเป็นมนุษย์ ใช้ร่างกายให้คุ้มค่า
ทาน ของเราดีหรือเปล่า ?
ศีล ของเราดีหรือเปล่า ?
ภาวนา ของเราตั้งใจมั่นหรือเปล่า ?
ถ้าไม่แน่วแน่ ยังวอกแวก ไม่เป็นอันเดียว
มันก็งมโข่งไปเรื่อย
ถ้าเราแน่วแน่ในใจเต็มที่ ไว้วางใจตนเอง
เป็นที่เชื่อมั่นในตัวเอง ไม่เกี่ยวข้องอะไร
มีดวงจิตดวงเดียวเท่านั้น
เวลาตาย ยิ้มตาย ไม่กลัวอะไรเลย

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ มกราคม 17, 2015, 10:44:51 AM
เพียรแผดเผากิเลสในใจของเรานี่แหละ
มันปรุงไป แต่งไป
มีความรัก มีความชัง
ความยินร้าย ความยินดี
ดีใจ เสียใจ ร้องไห้หัวเราะ
เหล่านี้มันเป็นกิเลส ไม่นึกไปตามมัน
แผดเผามันไปเลย
เอาอยู่กับพุทโธนี่แหละ
หายใจเข้าเป็นพุท หายใจออกเป็นโธ
เรื่องอื่นอย่ามาปรุงเรา
เราไม่ไป ถ้าไปก็เรียกว่าตามใจมัน
ใส่ฟืนใส่เชื้อเพลิงให้มัน
ไอ้พวกกิเลสก็ได้กำลัง
ถ้าไม่ไปตามมันก็น้อยลง น้อยลงจนไม่มีเลย
ไม่มีนึกคิดไปทางนอกเลย เรียกว่าเอาชนะมันได้

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ มกราคม 17, 2015, 10:45:27 AM
มีสติแนบกับความรู้ ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
พิจารณาลมหายใจเป็นไตรลักษณ์
หรือพิจารณากายคตาสติ
คือ พิจารณาร่างกายมองกระดูก
เอามันจุดเดียวก็ได้ ไม่ต้องนึกต้องคิด
มันจะแจ้งมันเอง
เห็นหมดในร่างกาย
แจ้งในความไม่มีอะไรเป็นเรา มีแต่ของสกปรก
เอาให้เห็นความโง่ บรมโง่ของเรา
ของมันเน่า มันเปื่อยมีแต่ของสกปรก
เราหลงรักหลงยึด จนจะตายกับของไม่เที่ยง
แถมไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
มีแต่ของโสโครก

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ มกราคม 17, 2015, 10:46:25 AM
เหล็ก โลหะ เมื่อทิ้งเอาไว้ หรือนำเอาไปฝังดินเป็นเวลานาน ๆ
เมื่อขุดดู เหล็กนั้นมันก็ไม่เหลือ เพราะสนิมมันกินจนหมดไม่มีเหลือ
ใจมนุษย์ของเราก็เหมือนกัน หากทิ้งเปล่าไว้ ไม่ดูแลรักษา คบกับกิเลส
โลภ โกรธ หลง ราคะ โทสะ โมหะ รัก ชัง หัวเราะ ร้องไห้ เหล่านี้
ใจมนุษย์ของเรามันก็ไม่เหลือ หมด ! กลายเป็นสัตว์เดรัจฉาน
เป็นมนุสสติรัจฉาโนไป ต้องระวังอย่าไปคบกิเลส
มันเป็นเพื่อนชั่ว เพื่อนช่างยุ
เราอย่าไปคบ อย่าไปเป็นทาสของมัน
สนิมกินเหล็ก กิเลสกินใจนะ ให้ระวังให้ดี !

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ มกราคม 17, 2015, 10:49:33 AM
(http://kammatan.com/gallary/images/20150117104756_luangpu_thon.jpg)

มีสติแนบกับความรู้ ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
พิจารณาลมหายใจเป็นไตรลักษณ์
หรือพิจารณากายคตาสติ
คือ พิจารณาร่างกายมองกระดูก
เอามันจุดเดียวก็ได้ ไม่ต้องนึกต้องคิด
มันจะแจ้งมันเอง
เห็นหมดในร่างกาย
แจ้งในความไม่มีอะไรเป็นเรา มีแต่ของสกปรก
เอาให้เห็นความโง่ บรมโง่ของเรา
ของมันเน่า มันเปื่อยมีแต่ของสกปรก
เราหลงรักหลงยึด จนจะตายกับของไม่เที่ยง
แถมไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
มีแต่ของโสโครก

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร


ขอบพระคุณข้อมูลจาก : FB K.Supani Sundarasardula


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ มกราคม 18, 2015, 09:21:58 AM
เรามาอาศัยกายนี้ทำคุณงามความดี
ร่างกายนี้ไม่ได้อยู่กับเรานานเท่าไรนะ
มันคร่ำคร่าชราภาพไปเรื่อย
มันเดินตามทางมันไปอยู่แล้ว ห้ามมันไม่อยู่
มันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ใช่เรา
ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล
มันเป็นสภาพสูญห้ามไม่อยู่
ดังนั้นจงรีบทำความเพียรให้อาสวะกิเลสมันสิ้นไปโดยเร็ว

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ มกราคม 18, 2015, 09:22:25 AM
โลกใบนี้ ไม่เคยให้ความสมหวังกับใคร มีผู้หญิงคนไหนบ้าง ไม่ร้องไห้ ...
เผ็ดร้อน แสบสัน เจ็บปวด รวดร้าว แค่ไหนก็เจอมา ผ่านมาหมดแล้ว ...
อย่าไปเสียเวลาอีกเลย ... อุทิศตัวให้เป็นประโยชน์สูงสุด ของการเกิดดีกว่า

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ มกราคม 18, 2015, 09:22:55 AM
เป็นนักภาวนา ให้ภาวนาเอาให้รู้อย่างเดียว ใจเรามันชั่ว
ปัญญาตัวรู้นี่แหละทำให้เราฉลาด อย่าเอาหลายอย่าง
เอาตัวรู้อย่างเดียว จับปลาหลายมือ มันก็คว้าน้ำเหลว
จับรู้อย่างเดียว หายใจเข้าก็รู้ หายใจออกก็รู้

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ กรกฎาคม 17, 2015, 01:17:04 PM
การแผ่เมตตาต้องแผ่เป็นอัปปมัญญาถ้ามีว่าคนนี้รัก ให้มากๆ คนไม่ชอบใจ ไม่ให้แสดงถึงความมีอคติ ต้องให้เท่าเทียมไม่เจาะจง ให้หมด ใจจึงเป็นกลาง ให้หมดแหละ แผ่เมตตาให้เต็มดวง พ่อแม่จะได้บุญน้อยลงไปไหม ไม่หรอก เหมือนพระอาทิตย์ส่องโลก มันก็สว่างไปหมดทั่วทุกมุมโลกทุกคนก็เห็นความสว่างเท่ากันหมด

จากหนังสือ บันทึกธรรมจากหลวงปู่
พระราชญาณวิสุทธิโสภณ (หลวงปู่ท่อน ญาณธโร)


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ กรกฎาคม 17, 2015, 01:25:30 PM
เวลาภาวนาต้องไม่มีตัวไม่มีตนไม่มีอะไรเป็นอาการว่างไปหมด
แต่ความรู้ไม่ว่างให้ย้อนเข้ามาพิจารณาธรรมะว่า
เราตกอยู่ในกองทุกขัง อนิจจัง อนัตตา เราเป็นผู้รู้ผู้เดียว
แม้ที่สุดก็ไม่มีเราในรู้นั้น ไม่ยึดมั่นยึดถืออะไรอีก วางหมด มันเบาไม่หนักแล้ว

จากหนังสือ บันทึกธรรมจากหลวงปู่
พระราชญาณวิสุทธิโสภณ (หลวงปู่ท่อน ญาณธโร)


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ เมษายน 10, 2018, 08:32:29 PM
(http://www.kammatan.com/th/wp-content/uploads/2018/04/หลวงปู่ท่อน.jpg)

ปัจฉิมวาระของหลวงปู่ท่อน
.
จากบันทึกของพระธนู ฐานวฑฺฒโน คิลานุปฏฺฐาก และสทฺธิวิหาริกฺ รุ่นสุดท้าย
.
ต่อไปนี้ข้าพเจ้าขอบันทึกความทรงจำอันเกิดขึ้นมีขึ้น ในเหตุการณ์อันสูญเสียพ่อแม่ครูบาอาจารย์อันเป็นที่เคารพแห่งวงการพระกรรมฐาน ดังนี้
เช้าวันเสาร์ที่ ๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ วันนั้นเป็นวันธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา หลังจากข้าพเจ้าได้ฉันภัตตาหารเสร็จ ก็ได้เดินเข้าไปยังห้องที่หลวงปู่พักรักษาอาการอาพาธ ในโรงพยาบาลวิชัยยุทธ ซึ่งเป็นกิจวัตรยามเช้าปกติธรรมดาเหมือนเช่นทุกวัน
พอถึงเวลา ๙ นาฬิกา หมอได้มาอาราธนานิมนต์หลวงปู่ เพื่อไปทำการเอ็กซเรย์สมอง เสร็จแล้วก็ได้นำท่านกลับขึ้นมาพักยังห้องพักดังเดิม ตามด้วยบรรดาพยาบาลได้ขอตรวจคลื่นสมองท่านภายในห้องด้วยเครื่องมือทางการเเพทย์ ในเวลานั้น สังเกตดูสีหน้าของท่านดูซีดเผือดกว่าปกติ ไม่มีน้ำมีนวลให้ปรากฏเห็นเช่นเคย คาดว่าท่านคงเหนื่อยล้า หลังจากที่คณะพยาบาลได้ตรวจคลื่นสมองเสร็จแล้ว ได้แจ้งว่า ขั้นตอนต่อไป จะได้อาราธนาท่านไปทำการฟอกไต และฟอกเลือด โดยอาราธนาท่านลงไปชั่งน้ำหนักที่ ชั้น ๘ เพราะว่าตาชั่งจะมีมาตรฐานกว่าเครื่องที่เคยนำมาชั่งที่เตียง ทีเเรกข้าพเจ้าคิดว่าจะไม่ติดตามลงไป แต่ข้าพเจ้าก็เกิดสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก จึงต้องตามลงไปด้วย
ขณะที่นำท่านลงไปชั่งน้ำหนักที่ชั้น ๘ นั้น ข้าพเจ้าสังเกตเห็นอาการของท่านดูไม่ค่อยดีนักเพราะ ท่านจะนิ่งสงบ จนเป็นที่ผิดสังเกต เมื่อชั่งน้ำหนักเสร็จ ผลน้ำหนักท่านชั่งได้ ๖๒ กิโลกรัม ซึ่งแตกต่างจากวันที่ทางพยาบาลมาดำเนินการชั่งให้ที่เตียงห้องท่านพักซึ่งมีน้ำหนักเพียง ๕๘ กิโลกรัม อย่างไรก็ดี มันคงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะน้ำหนักอาจจะไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอน ทั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยของเครื่องชั่งแต่ละเครื่อง
เมื่อท่านชั่งน้ำหนักที่ชั้น ๘ เสร็จแล้ว ก็ได้นำท่านกลับมายังห้องโดยขึ้นทางลิฟ ข้าพเจ้าสังเกตเห็นว่า ทำไมวันนี้หลวงปู่ถึงได้ซีดและใบหน้าก็นิ่งเฉย ไม่มีการขยับเหมือนดังวันก่อนมา สีสันวรรณะก็เหลืองกว่าทุกวัน ข้าพเจ้ายังได้พูดคุยกับผู้ช่วยพยาบาลถึงข้อสังเกตนั้น เมื่อนำองค์ท่านขึ้นกลับมายังห้องพักที่ชั้น ๑๓ แล้ว คณะพยาบาลกำลังดำเนินการจัดเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อทำการฟอกเลือดและไตของหลวงปู่ในเวลาอันใกล้
ข้าพเจ้าเกิดความกังวลอยู่ จึงได้เดินไปเดินมาระหว่างที่นั่งกับเตียงของหลวงปู่ ในขณะที่ข้าพเจ้าเดินไป โดยปกติแล้วข้าพเจ้าจะเอามือของข้าพเจ้าไปจับไปคลำ บริเวณมือและเท้าของท่านเสมอ แต่การจับท่านครั้งนี้มันช่างแตกต่าจากแต่ก่อนเก่ามากเหลือเกิน เพราะบริเวณมือขององค์ท่าน มีสีเหลืองซีด และเริ่มเขียวคล้ำตามเล็บมือขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งทำให้ข้าพเจ้าเกิดความตกใจ จึงได้เอามือไปจับหาจุดชีพจรของหลวงปู่ ปรากฎว่าคลำหาอย่างไรก็ไม่พบการเต้นของชีพจรเลย ข้าพเจ้าจึงได้ให้ผู้ช่วยพยาบาล ได้ทำการใช้เครื่องมือวัดชีพจรและความดัน ผลปรากฎว่า ชีพจรและความดันของท่านไม่มีเลย เขาจึงต้องรีบเรียกระดมแพทย์และพยาบาลมาช่วยกันปั้มหัวใจของหลวงปู่เป็นการด่วน ซึ่งเวลาในตอนนั้นก็เป็นเวลาประมาณ ๑๐ โมงเช้า จะค่อนๆ ไป ๑๑ โมงเช้า การช่วยเหลือของคณะแพทย์พยาบาลได้พยายามยึ้อชีพจรและความดันของหลวงปู่กลับมาทำงานเป็นผลสำเร็จ
(ข้าพเจ้าจะขอเล่าบรรยายถึงเหตุการณ์ในขณะที่คณะแพทย์และพยาบาลได้ทำการ CPR ต่อหลวงปู่ ข้าพเจ้าได้เห็นการทำงานของคณะแพทย์พยาบาล ทำให้ข้าพเจ้าตั้งอกตั้งใจ มองอย่างไม่จืด ไม่จางเลย ไม่ว่าจะเป็นหมอเล็กหมอใหญ่ต่างก็มีความร่วมมือสามัคคีช่วยกันอย่างคล่องแคล่ว ยิ่งดูยิ่งเกิดความปีติขึ้นมาในใจ คือดูแล้ว การทำงานในตอนนั้นไม่มีใครจะมาถือตัวถือตนว่าเป็นหมอระดับครูหรือหมอระดับเชี่ยวชาญ ต่างคนต่างก็ให้โอกาสกันได้แสดงความสามมารถอย่างเต็มที่ จนสามารถฟื้นชีพจรของหลวงปู่กลับมาทำงานอีกครั้ง ซึ่งก็ใช้เวลาร่วมชั่วโมงเลยทีเดียว)
จะขอเล่าต่อไปในขณะที่ชีพจรองค์หลวงปู่กลับมาทำงานอีกครั้ง ทางแพทย์ได้นำท่านย้ายลงมาพักอยู่ที่ห้อง ๗๑๐ ภายในห้อง ICU แพทย์ก็ได้ทำการถวายยาเพื่อช่วยกระตุ้นความดัน และกระตุ้นระบบต่างๆ ให้สามารถทำงานได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อสรรพสิ่งตั้งอยู่บนกองของอนิจจัง กองทุกขัง และกองอนัตตา เมื่อมีเกิด ก็มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดาของคู่กัน สมดังพุทธพจน์ของสมเด็จพระบรมศาสดา เป็นเช่นนี้มา แม้แต่ตัวของข้าพเจ้าเองก็ไม่สามารถคาดคะเนเดาได้
ท่านทั้งหลายขอจงรู้ไว้ว่า เมื่อถึงเวลา ธาตุขันธ์ก็จะแตกสลาย ถึงจะเอาของดีของวิเศษที่ไหนเพื่อมารักษา ก็ไม่สามารถจะเก่งก้าวข้ามกฏของไตรลักษณ์นั้นไปได้ อาการของหลวงปู่ก็เช่นกัน ท่านได้อ่อนลงไปตามลำดับ อุปมาเปรียบเหมือนกับไฟตะเกียงที่มีน้ำมันเลี้ยงไส้เพื่อให้ไฟลุกเกิดแสงสว่าง ในเมื่อน้ำมันที่เลี้ยงไส้ตะเกียงได้ค่อยๆ หมดลงย่อมทำให้แสงของตะเกียงดับลงไปในที่สุด
ในขณะนั้นเป็นเวลา ๑๖ นาฬิกา ๔๕ นาที เส้นกราฟที่วัดชีพจรความดันและหัวใจ ได้ค่อยๆ ลดลงมาถึงที่ ๐ เป็นอันว่าหลวงปู่พระราชญาณวิสุทธิโสภณ หรือหลวงปู่ท่อน ญาณธโร ได้ละสังขารลงแล้วอย่างสงบและงดงาม ยังความโศกเศร้าอาลัยแก่พระเณรอุปัฏฐาก ที่ดูแลท่าน และบรรดาเหล่าลูกศิษย์ที่มาเฝ้ารออยู่ที่หน้าห้อง ICU บรรยากาศในวันนั้นช่างมีบรรยากาศมืดครึ้ม และอากาศก็หนาวเย็นลงมาอย่างเห็นได้ชัด แตกต่างจากวันก่อนๆ ที่ผ่านมา เปรียบเป็นสัญาณแจ้งไว้ว่าจะมีการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่มายังบรรดาเหล่าชาวพุทธที่เคารพเเละศรัทธาในองค์ท่าน
.
***หากเหตุการณ์ที่ข้าพเจ้าได้บันทึกความทรงจำที่ได้บรรยายไปแล้วนี้ ขาดตกบกพร่องไปประการใดประการหนึ่ง ข้าพเจ้าก็ขออภัยกับท่านทั้งหลายไว้ด้วย ที่ข้าพเจ้าได้เขียนบรรยายมานี้ก็ไม่ได้มีเจตนาว่าจะอวดตนอวดกิเลสของข้าพเจ้าแต่ประการใดดอก แต่ข้าพเจ้ามีความทรงจำซึ่งอยู่ภายใต้กฎของกองอนิจจัง ข้าพเจ้าจึงนำมาบันทึกไว้ บางทีท่านทั้งหลายที่มีความสนใจอยากจะทราบถึงเหตุการณ์ในวันที่สูญเสีย หลวงปู่ท่อน ญาณธโร ก็จะได้ศึกษาเพื่อเกิดความรู้ความเข้าใจ ได้ดังตามที่ข้าพเจ้าจะพอจดจำได้นี้

ฐานวฑฺฒโนภิกฺขุ

ภาพหลวงปู่อร่าม ชินวังโส ดูองค์หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
ขอบพระคุณภาพจาก คุณพัชรินทร์ จั่นทอง
เพจ:ต้นโพธิ์