หัวข้อ: ทางพ้นทุกข์ โดย คุณแม่ชีพิมพา วงศาอุดม วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ สิงหาคม 02, 2014, 12:27:55 pm (http://kammatan.com/gallary/images/20140802122742_maechee_pimpa.jpg)
สังขารมันไม่หยุดปรุงแต่งลงสู่อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็เพราะมันยังเพลิดเพลินเจริญใจอยู่กับของไม่เที่ยงอยู่เรื่อยไป ก็เพราะมันหลงเห็นทุกข์ว่าเป็นสุข เห็นของเหม็นว่าเป็นของหอม มันก็มาติดมาข้องมายึดมาถือไว้อยู่อย่างนี้แหละ การปฏิบัติธรรมจึงไม่ถึงธรรมคือของจริงได้เลย ถ้ามีตามันก็ไปติดข้องอยู่กับรูปกับสี มันก็เป็นอยู่อย่างนี้แหละ มันจึงไม่ถึงพระธรรมของจริง เพราะฉะนั้นจึงไปถึงแต่ของปลอมของหลอกลวง แล้วก็เลยหลงหมุนอยู่ในหน้าที่ของกามอยู่เรื่อยไปจนถึงวันตาย ถ้าตายแล้วก็มาเกิดอีกก็มาหลงเอาแต่ของเก่านี้อีก ก็มาโลภ มาโกรธหลงอีกอยู่อย่างนี้ และก็มายึดมาถือกันอีกอย่างไม่จบไม่สิ้นได้เลย ทางพ้นทุกข์ โดย คุณแม่ชีพิมพา วงศาอุดม วัดหินหมากเป้ง ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย หัวข้อ: Re: ทางพ้นทุกข์ โดย คุณแม่ชีพิมพา วงศาอุดม วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ สิงหาคม 02, 2014, 12:29:51 pm อันนี้เรื่องของโลกบังธรรม กรรมบังจิต จิตเห็นผิดเป็นถูกไปได้ก็เพราะกรรมบังจิต
จิตเห็นผิดเป็นถูกก็จะทำความดีได้ยาก ก็เพราะฉะนั้นจึงให้เราอาศัยขันติ คือความอดทนต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ เราต้องยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อให้พร้อมทั้งกาย วาจา จิต ให้ซื่อตรงต่อพระธรรมคือ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง อย่างหนักแน่นมั่นคง ไม่เคลื่อนไหวหรือเอนเอียงไปตามอารมณ์ทั้งหลายทุกอย่าง ให้มีสติสัมปชัญญะอย่างมั่นคงหนักแน่น ก็แล้วเวลาตาเห็นรูปก็รู้ว่ารูปกับสีเท่านั้น แล้วก็ผ่านไปดับไปเท่านั้น ถ้าหูได้ฟังเสียงก็รู้ว่าเสียงแล้วก็ผ่านไปดับไปเท่านั้น แต่จิตก็อยู่เป็นปรกติ ไม่ไปยึดอะไรสักอย่างมาไว้เลย ก็เรียกว่าจิตว่าง ก็เป็นผู้ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็ถึงแก่นได้ ก็เรียกว่าเป็นกลางหรือใจกลางได้ ก็เรียกว่าเป็นผู้ถึงพระไตรสรณาคมได้ เชื่อกรรม เชื่อผล จิตของตนเองแล้ว มันก็ไม่ติดข้องอยู่กับอะไรสักอย่างเลย ไม่ว่าอะไรทั้งหมดก็ให้รู้เท่าเอาทันกันไว้อยู่เสมอ จะเผลอสติไม่ได้เลย ทางพ้นทุกข์ โดย คุณแม่ชีพิมพา วงศาอุดม วัดหินหมากเป้ง ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย หัวข้อ: Re: ทางพ้นทุกข์ โดย คุณแม่ชีพิมพา วงศาอุดม วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ สิงหาคม 03, 2014, 05:09:59 pm ถ้าเราได้พินิจพิจารณาแล้วอย่างรอบคอบถี่ถ้วนดีแล้วอย่างแจ้งชัดไปด้วยปัญญาเห็นชอบมาแล้ว
เราก็ตั้งใจมั่นอยู่ในหลักปัจจุบันเพื่อไม่ให้เผลอสติ ให้เรามีสติสัมปชัญญะอยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้มันเคลื่อนไหวเอนเอียงไปตามอารมณ์ อารมณ์ต่างๆ ก็ไม่ปรุงไม่แต่งอะไร ทั้งนี้ก็เพราะปัญญาได้ค้นคิดหาเหตุหาผลดีแล้วอย่างรอบคอบถี่ถ้วนถาวร มันก็ไม่ปรุงแต่งอะไรขึ้นมาอีก มันก็รวมลงสู่พระไตรลักษณ์ทั้งหมด ตัวเราก็จะเป็นไปเพื่ออยู่เท่านั้น ไม่มีอะไรจะเอาไปได้สักอย่างเดียว ก็ยินยอมพร้อมใจ โลกนี้ทุกอย่างทั้งร่างกายข้าวของเงินทองทุกอย่างก็มอบไว้กับโลกนี้หมดทุกอย่าง ของภายนอกนับแต่ข้าวของเงินทองทุกอย่างก็มอบไว้กับโลกอันนี้ไว้แล้ว เหลือแต่จิตกับผู้รู้อยู่เป็นกลางไม่เอนเอียงแส่ส่ายไปมา รู้อยู่ก็รู้อยู่กับหลักปัจจุบัน ไม่ใช่เก็บเอามาปรุงแต่ง รู้แล้วก็ปล่อยไปวางไป มันก็ดับไปเองเท่านั้น มันเบื่อหน่ายคายออกมาหมดแล้วกับของไม่เที่ยงอันนี้ ถ้าเราใช้ปัญญาของเราให้สำรวจตรวจตราดูแล้ว ได้รู้เห็นตามปัญญาเห็นชอบมาแล้วเป็นพื้นฐานของจิตที่เป็นสัมมาทิฏฐิ มีปัญญาแล้วจึงก้าวขึ้นไปเป็นสัมมาสังกัปปะจึงตั้งใจดำริออกจากหน้าที่ของกามไปเสียให้พ้น ก็เพราะมีปัญญารู้แจ้งเห็นจริงมาก่อนแล้ว ก็เห็นแต่ของไม่เที่ยงทั้งหมด เพราะมันมีแต่เรื่องจะทุกข์อยู่เท่าถึงวันตาย ทางพ้นทุกข์ โดย คุณแม่ชีพิมพา วงศาอุดม วัดหินหมากเป้ง ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย หัวข้อ: Re: ทางพ้นทุกข์ โดย คุณแม่ชีพิมพา วงศาอุดม วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ สิงหาคม 03, 2014, 05:17:28 pm เราตายแล้วก็เป็นเรื่องของคนอื่นอีกต่อไป ไม่ใช่ของเราสักอย่างเดียวเลย
เดี๋ยวก็จากกันไปไม่จากตายก็จากเป็นกันเท่านั้น ไม่แน่นอนไม่ว่าภายในกายหรือนอกกายเหมือนกันหมดทุกอย่าง มีแต่ของไม่เที่ยงทั้งนั้น เราได้ใช้ปัญญารู้เห็นตามความเป็นจริงของธรรมชาติธรรมดาแล้ว จิตสังขารก็หยุดปรุงหยุดแต่ง ไม่มีสิ่งใดจะมั่นคงถาวรอยู่ในโลกอันนี้สักอย่างเดียวเลย มีแต่เสื่อมชำรุดลงไปสู่สภาพเดิมของเขาตามธรรมชาติ เกิดขึ้นมาแล้วก็ดับเป็นอยู่อย่างนั้น และไม่มีอะไรจะมั่นคงอยู่กับที่ไปได้เลย ก็มีแต่จะทรุดลงไปทุกระยะ ทางพ้นทุกข์ โดย คุณแม่ชีพิมพา วงศาอุดม วัดหินหมากเป้ง ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย |