แสดงกระทู้
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7
46  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมะ ที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ เพื่อเข้าใจในสัมมาทิฏฐิ / Re: มีจุดดำ คือ ความเมตตา ดีไหม? เมื่อ: มกราคม 16, 2012, 01:16:04 AM
ท่านรู้ไหมการที่ท่านนั้นรู้ไม่จริงแล้วนำมาสอนผู้อื่นนั้น มันจะเป็นบาปตามตัวท่านไป   ตกใจ ตกใจ

ถ้าเราไม่รู้แล้ว  ในแผ่นดินนี้  มีใครรู้  ช่วยบอกเราที  เราจะไปกราบตีนเขาเลย
47  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมะ ที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ เพื่อเข้าใจในสัมมาทิฏฐิ / ทำบาปไปแล้ว สำนึกบาป ตั้งใจเลิกทำบาปนั้นอีก ก็ไม่ต้องลงนรก เมื่อ: มกราคม 16, 2012, 01:14:05 AM
อสังขาสูตร - พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๘ - พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๐

[๖๑๔] ดูกรนายคามณี สาวกที่เลื่อมใสในศาสดานั้น ย่อมมีความคิด
อย่างนี้ว่า ศาสดาของเรากล่าวอย่างนี้ เห็นอย่างนี้ว่า ผู้ที่ฆ่าสัตว์ต้องไปอบาย
ตกนรกทั้งหมด สาวกของศาสดานั้นกลับได้ความเห็นว่า สัตว์ที่เราฆ่ามีอยู่ แม้เรา
ก็ต้องไปอบาย ต้องตกนรก เขายังไม่ละวาจานั้น ยังไม่ละความคิดนั้น ยังไม่
สละความเห็นนั้น ย่อมตั้งอยู่ในนรก
เหมือนถูกนำมาขังไว้ ฉะนั้น (สาวก
ของศาสดานั้นมีความคิดอย่างนี้ว่า) ศาสดาของเรากล่าวอย่างนี้ เห็นอย่างนี้ว่า ผู้ที่
ลักทรัพย์ต้องไปอบายตกนรกทั้งหมด สาวกของศาสดานั้นกลับได้ความเห็นว่า
ทรัพย์ที่เราลักมีอยู่ แม้เราก็ต้องไปอบาย ต้องตกนรก เขายังไม่ละวาจานั้น ยัง
ไม่ละความคิดนั้น ยังไม่ละความเห็นนั้น ย่อมตั้งอยู่ในนรก
เหมือนถูกนำมา
ขังไว้ ฉะนั้น ศาสดาของเรากล่าวอย่างนี้ มีความเห็นอย่างนี้ว่า ผู้ที่ประพฤติผิด
ในกามต้องไปอบายตกนรกทั้งหมด สาวกของศาสดากลับได้ความเห็นว่า กาเมสุ
มิจฉาจารที่เราประพฤติมีอยู่ แม้เราต้องไปอบาย ต้องตกนรก เขายังไม่ละวาจา
นั้น ยังไม่ละความคิดนั้น ยังไม่สละความเห็นนั้น ย่อมตั้งอยู่ในนรก เหมือน
ถูกนำมาขังไว้ ฉะนั้น ศาสดาของเรากล่าวอย่างนี้ มีความเห็นอย่างนี้ว่า ผู้ที่พูด
เท็จต้องไปอบายตกนรกทั้งหมด สาวกของศาสดานั้นกลับได้ความเห็นว่า คำเท็จ
ที่เราพูดมีอยู่ แม้เราต้องไปอบาย ต้องตกนรก เขายังไม่ละวาจานั้น ยังไม่ละ
ความคิดนั้น ยังไม่สละความเห็นนั้น ย่อมตั้งอยู่ในนรก เหมือนถูกนำมาขังไว้
ฉะนั้น ฯ


             [๖๑๕] ดูกรนายคามณี ก็พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงถึง
พร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีผู้ฝึกบุรุษ
ที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิก-
*บานแล้ว เป็นผู้มีโชค เสด็จอุบัติขึ้นในโลกนี้ ตถาคตนั้นทรงตำหนิติเตียน
ปาณาติบาต และตรัสว่า จงงดเว้นจากปาณาติบาต ทรงตำหนิติเตียนอทินนาทาน
และตรัสว่า จงงดเว้นจากอทินนาทาน ทรงตำหนิติเตียนกาเมสุมิจฉาจาร และตรัส
ว่าจงงดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร ทรงตำหนิติเตียนมุสาวาท และตรัสว่า จงงดเว้น
จากมุสาวาท โดยอเนกปริยายสาวกเป็นผู้เลื่อมใสในพระศาสดานั้น ย่อม
พิจารณาเห็นดังนี้ว่า พระผู้มีพระภาคทรงตำหนิติเตียนปาณาติบาตโดยอเนกปริยาย
และตรัสว่า จงเว้นจากปาณาติบาต ก็สัตว์ที่เราฆ่ามีอยู่มากมาย ข้อที่เราฆ่าสัตว์
มากมายนั้น ไม่ดีไม่งาม เราแลพึงเดือดร้อนเพราะข้อนี้เป็นปัจจัยแท้ เราจักไม่ได้ทำ
บาปกรรมนั้นหามิได้ เขาพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ย่อมละปาณาติบาตนั้นด้วย ย่อม
งดเว้นจากปาณาติบาตต่อไปด้วย เป็นอันว่าเขาละบาปกรรม ก้าวล่วงบาปกรรมได้
ด้วยประการอย่างนี้


สรุป

พระพุทธเจ้าตรัสสอนวิธีไม่ต้องไปอบาย ไม่ต้องตกนรก  เพราะการตกอบาย ตกนรกเป็นเพราะผู้ทำบาป   ไม่ยอมสำนึกบาป  ไม่ยอมละเลิกการกระทำบาปนั้นจากความคิด ความเห็นของตน คือไม่ยอมรับการประพฤติตามศีล 5 นั่นเอง

จาก สุตตันต มัชฌิชนิกาย  สัจจวิภังคสูตร 22/542-546 (ผมอ่านมาจากหนังสือธรรมธาตุ ธรรมชาติของสรรพสิ่ง ของคณะสังคมผาสุก เพื่อความผาสุกของสังคม หน้า 229)

พระพุทธองค์ทรงตรัสแนะนำให้ก้าวล่วงออกจากกรรมเสีย โดยการกำหนดอธิษฐานจิต ตั้งใจมั่นว่า

“ กรรมนั้นๆเป็นสิ่งไม่สมควร ต่อไปนี้ตลอดไปนิรันดร
เราจะไม่กระทำกรรมนั้นอีกเป็นอันขาด ”


เมื่อเราตั้งใจแน่วแน่ดังนี้แล้ว ใจของเราจะก้าวออกจากกรรมนั้นได้

ในโลกมนุษย์ เพราะว่าคุณได้สำนึกผิดอย่างเด็ดขาดไปแล้ว วิบากกรรมที่จะส่งผลถึงคุณนั้นจะเบาบางลง ดังเช่นที่องคุลิมาล ฆ่าคนมา 999 ศพ ตอนเป็นพระบวชใหม่ ไปบิณฑบาต โดนรับโทษแค่โดนชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์นิดหน่อย

ส่วนในปรโลก วิบากกรรมนั้นจะกลายเป็นเศษกรรมไป


ตัวอย่าง ที่เห็นชัดเจนที่สุดของการหนีนรกขององคุลิมาล

องคุลิมาล เลิกฆ่าคนเด็ดขาดแล้ว และมาบวชเป็นพระ ตอนเป็นพระบวชใหม่ พระองคุลิมาลไปบิณฑบาตในเมืองสาวัตถี โดนประชาชนขว้างปาด้วยก้อนอิฐ ก้อนหิน และท่อนไม้ จนศีรษะแตก เลือดไหล บาตรก็แตก ผ้าสังฆาฏิก็ขาดวิ่น

พอพระองคุลิมาลไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคก็ตรัสว่า:

"กรรมที่จะให้ผลไปหมกไหม้ในนรกเป็นเวลาหลายหมื่นหลายแสนปี เป็นอันท่านได้รับผลในปัจจุบัน" (รับเศษกรรมไปแล้วจากการโดนทำร้ายบนโลก จึงไม่ต้องรับกรรมใดๆอีกในปรโลก)

ย้ำ! "กรรมที่จะให้ผลไปหมกไหม้ในนรกเป็นเวลาหลายหมื่นหลายแสนปี เป็นอันท่านได้รับผลในปัจจุบัน" = องคุลิมาลไม่ต้องตกนรกหมกไหม้เป็นเวลาหลายหมื่นหลายแสนปี เพราะว่าท่านสำนึกบาป(ทำการก้าวล่วงบาปกรรม) ทำให้ท่านรับผลกรรมเป็นอันแสบเผ็ดเพียงในชาติปัจจุบันเท่านั้น แต่เป็นวิบากกรรมที่เบาบางลงมาก   แล้ววิบากกรรมก็ไม่ให้ผลอีกต่อไป

ด้วยเหตุนี้..พระองคุลิมาลองคุลิมาลจึงไม่ตกนรกเพราะจึงไม่ตกนรกเพราะการสำนึกบาปตั้งใจเลิกฆ่าคนอีกตลอดไป ไม่ใช่เพราะว่า องคุลิมาลไม่ตกนรกเพราะการบรรลุอรหันต์แต่อย่างใด เนื่องจาก..ตอนที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า "กรรมที่จะให้ผลไปหมกไหม้ในนรกเป็นเวลาหลายหมื่นหลายแสนปี เป็นอันท่านได้รับผลในปัจจุบัน" ตอนนั้นพระองคุลิมาลยังเป็นพระบวชใหม่อยู่ ยังเป็นพระสดซิงๆอยู่เล กลิ่นคาวเลือดที่ฆ่าคนตัดนิ้วมือ 999 ศพ เพิ่งหายไปเท่านั้น

อ้างอิง:๓๖. อังคุลีมาลสูตร สูตรว่าด้วยพระองคุลิมาล
เว็บบอร์ด พลังจิต ดอทคอม
48  การปฏิบัติของผู้ที่ได้ ฌาณ / ประสบการณ์ของผู้ที่ได้ไปนรกภูมิ / Re: ผีหญิงหัวขาดมาร้องทุกข์ ผมไม่ใช่เปาปุ้นจิ้นหรือเชอร์ล็อคโฮมส์ จึงไม่ช่วยเรื่องคดี เมื่อ: มกราคม 08, 2012, 03:25:03 PM
1. มิน่าผีจึงได้กลัวท่านพลศักดิ์
จับหัวผี จนขาดเลย น่ากลัวจังจ่ะ
ว่าแต่ ผีมีหัวด้วยเหรอจ่ะ


ผี..คือคนที่ตายแล้ว  เกิดเป็นโอปาติกะทันที  เขาตายเพราะกรรมมาตัดรอน  ตายไปก็เป็นสัมภเวสีที่ไม่มีหัว  จิตเขามีพลังนำร่างตอนตายมารวมกันเป็นผีหัวขาด 

ตอนนั้นผมยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่าทำไมตัวเขาหนักเหลือเกิน  เขาก็แสดงภาพนิมิตให้ผมเห็นนานเกินไป  ผมหนักตัวเขาที่มีวิญญาณหินถ่วงอยู่  ผมต้องการพ้นจากความหนักนั้น  แต่เอียงตัวก็ไม่ได้ ก็ต้องดึงผม  แค่นั้นผมก็รู้แล้วว่าเรื่องอะไรเป็นอะไร  ไม่ต้องสื่อสารกันนานๆ

เธอคนนั้นจะให้ผมเห็นและรับรู้ทุกเรื่อง  มันไม่ได้  เพราะผมถูกเธอซึ่งมีหินทับอยู่ มาอยู่บนหลังของผม  มันไม่ใช่สถานการณ์ที่เธอจะเอาเรื่องยาวๆมาคุย มานิมิตให้ผมเห้นภาพ และมาสื่อะไรกับผมยาวๆในตอนนั้น

......................................


2.
อ้างจาก: uchenp;5547170
ขอขอบคุณที่เล่าให้ฟัง ผมชอบทำกรรมฐาน และอยากรู้ว่าที่เล่ามา สื่อมาจากอะไรครับ
1 นอนหลับแล้วฝัน
2.นั่งสมาธิจิตออกจากกายแล้วเห็น
3.เห็นด้วยตาเนื้อจริงๆ
4เห็นภาพที่อยู่ในใจลักษณะเหมือนกับการนึกคิดหรือเปล่า

ขอบคุณครับ

ตอบ

ภวังค์จิต คือ องค์แห่งภพ หมายถึง มีทั้งนรกสวรรค์พรหมโลก และโลก รวมทั้งจักรวาล และโลกอื่นๆ ทุกอย่างล้วนอยู่ในจิตใต้สำนึกหรือภวังค์จิต  ภพภูมิเหล่านั้นจะเข้าไปได้ใน

1.  จิตใต้สำนึกหรือภวังค์จิต  ตอนนอนหลับแล้วฝัน
2.  จิตใต้สำนึกหรือภวังค์จิต  ตอนนั่งสมาธิ เข้าสู่ฌาน  กายทิพย์(นามกายหรือจิต)ออกจากกายแล้ว  กายทิพย์มันย่อมไปพบเห็นปรโลก(นรกสวรรค์พรหมโลกจักรวาล และโลกอื่นๆ)  หรือแม้กระทั่งไปพบกับโลก(ภพ)ในอนาคตและโลก(ภพ)ในอดีต

- เห็นด้วยตาเนื้อจริงๆ  ผมยังไม่เห็นครับ  ยังฝึกให้มีตาทิพย์ประเภทนั้นไม่ได้  นอกจากบรรดาเทพหรือผีปัศาจจะใช้พลังจิตของพวกขาทำให้เราเห็น  เราจึงจะเห็นได้
- เห็นภาพที่อยู่ในใจลักษณะเหมือนกับการนึกคิดหรือเปล่า ไม่ใช่ในกรณีนี้ครับ เสียงหรือภาพในใจ อาจเป็นเราคิดไปเอง  หรือเปล่าการสื่อมาจากเทพ หรือพระพุทธเจ้าที่เป็นพระธรรมในจิตของเรา ก็ได้
49  การปฏิบัติของผู้ที่ได้ ฌาณ / ประสบการณ์ของผู้ที่ได้ไปนรกภูมิ / Re: ไม่รู้ว่านรก หรือเป่า เมื่อ: มกราคม 07, 2012, 02:25:03 PM
กายทิพย์หรือวิญญาณมาขอส่วนบุญเท่านั้น  แต่กฎสวรรค์ห้ามพูดขอส่วนบุญตรงๆกับมนุษย์  เขาจึงแสดงนิมิตให้เห็น
50  การปฏิบัติของผู้ที่ได้ ฌาณ / ประสบการณ์ของผู้ที่ได้ไปนรกภูมิ / ผีหญิงหัวขาดมาร้องทุกข์ ผมไม่ใช่เปาปุ้นจิ้นหรือเชอร์ล็อคโฮมส์ จึงไม่ช่วยเรื่องคดี เมื่อ: มกราคม 07, 2012, 02:21:28 PM
แล้วที่ท่านพลศักดิ์ หัวโกร๋นนี่เกี่ยวกันกับผี มีมั๊ย ...
freestyle โพสต์เมื่อ 6-1-2012 21:55


ผมไม่เคยหัวโกร๋นนะครับ   แม้กระทั่งเจอผีหญิงหัวขาด  เธอตายเพราะโดนฆ่าถ่วงน้ำ โดยฆาตกรเอาศพเธอยัดเข้ากระสอบแล้วเอาก้อนหินใหญ่ๆยัดในกระสอบ  หั่นศพเธอเป็นท่อนๆ  เสร็จแล้วก็ถ่วงน้ำ

เธอมาร้องทุกข์กับผม  เอาเสียงเอาภาพฆาตกรช่วงที่เธอถูกฆ่า มาให้ผมเห็นและฟังด้วย  ตอนนั้นผมยังไม่บรรลุธรรม  ก็ช็อคนิดหน่อยกับภาพและเสียงของเธอที่คุยกับฆาตกร

แต่ตอนนั้นความกลัวของผม  น้อยกว่าความหนักของตัวเธอที่บรรทุกก้อนหินในกระสอบ และนำร่างของเธอมาทับอยู่บนหลังของตัวผม(วิญญาณ)   ผมเลยบอกเธอไปว่า  เรื่องคดีของเธอ  จะให้ผมไปช่วยคงไม่ได้  จะให้ผมเป็นผู้คลี่คลายคดีให้เธอ  ผมคงไม่ทำ  เป็นหน้าที่ของกฎแห่งกรรม  ไม่ใช่หน้าที่ของผม   ผมทำได้อย่างมาำกคือ นังสมาธิแผ่เมตตาอุทิศกุศลให้เธอเท่านั้น  เธอจะได้ไม่ต้องลำบากในปรโลก  และอาจจะทำให้ได้ไปเกิดใหม่เร็วขึ้น

แต่ตอนนี้ขอให้เธอ นำร่างของเธอและก้อนหินต่างๆที่เธอนำมาทับตัวผม  เอาออกไปก่อน  เพราะโคตรหนักเลย  ผมรออยู่ 5 วินาที  เธอก็ยังไม่ลงไปจากร่างผม  แต่ยังพยายามนำภาพเหตุการณ์ที่ตนเองถูกฆ่าตายมาให้ผมดูต่อให้จบ

เมื่อพูดกันไม่รู้เรื่อง  อีกอย่างหลังของผมถูกขอหนักมากทับมานานเกินไปแล้ว  ทนไม่ไหว  ผมจึงเอามือวิญญาณของผม  ดึงผมเธอ ให้เธอลงจากร่างของผมสักที  ทันใดนั้นหัวของเธอก็กระเด็นหลุดออกมาเลย  แล้วพลังการอำเพื่อติดต่อระหว่างภพภูมิก็สลายไปด้วยทันที

หลังจากนั้นผมก็เข้าห้องน้ำ ล้างหน้าและปัสสวะ  แล้วมาทำกรรมฐานแผ่เมตตาใ้ห้ผีหญิงหัวขาดที่โดนถ่วงน้ำตายรายนี้ไป

สรุป

คนที่หัวโกร๋นเพราะโดนผีหลอก  เป็นคนที่กลัวจนขาดสติ ชนิดสติแตกกระเจิง  เมื่อไรที่คุณเลิกกลัวผี เลิกกลัวปีศาจ  เมื่อนั้นคุณจะบรรลุธรรมอีกระดับหนึ่ง  มีสติอยู่ในทุกเหตการณ์ แม้แต่ในภวังค์ ในความฝัน เป็นช่วงที่สติไม่ค่อยมี  คุณก็จะไม่คิดปรุงแต่งภาพและเสียงที่เห็นและได้ยินมากเกินไป
51  พระไตรปิฏก : พระอภิธรรม พระสูตร พระคัมภีร์ / พระอภิธรรมปิฏก / ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน หมายถึงอะไร เมื่อ: ธันวาคม 08, 2011, 05:16:19 PM
Phonsak  คือ   ควายตัวหนึ่ง ใน เว็ปนี้

ตอบ

งั้น...ควายพลศักดิ์   ก็ขออนุญาตตอบปํญหานี้ ให้พวกที่คิดว่าฉลาดกว่าควายฟังก็แล้วกัน

"จงมีตนเป็นที่พึ่งอย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย" = ตัวพวกคุณมีตนของแท้อยู่ภายใน ตน = พุทธะ หรือ ธรรม  คือ ธรรมกาย หรือธรรมขันธ์ อยู่

ตน หรือ พุทธะ หรือ ธรรม  คือ ธรรมกาย หรือธรรมขันธ์  เป็นพึ่งแ่ก่ตนที่เป็นอัตตนุืิทิฏฐิ ตามพุทธภาษิตนี้  "อัตตาหิ อัตโน นาโถ.....ตนเป็นที่พึ่งของตน"

ตน มันมี 2 คนครับ  ตน ตัวแรกคือ  พุทธะ หรือ ธรรม หรือ ธรรมกาย หรือธรรมขันธ์ เป็นพึ่งแ่ก่ก็ตนตัวหลัง ที่เป็นอัตตนุืิทิฏฐิ หรือ ตน อุปทาน

วิธีที่เราจะเรียกและไปหา ตนพุทธะ หรือตนธรรมกาย แบบเร็วๆ คือ.....บำเพ็ญ สติปัฏฐาน ๔

พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ของมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ เล่มที่ 13 ทีฆนิกาย มหาวรรค หน้า 274-275 ข้อ 93 มหาปรินิพพานสูตร]

[๙๓] ดูก่อนอานนท์ ก็ภิกษุเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นสรณะอยู่ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ เป็นผู้มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นสรณะอยู่ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ อย่างไร

         ดูก่อนอานนท์ ภิกษุในพระศาสนานี้พิจารณากายในกาย เป็นผู้มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติอยู่ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ พิจารณาเวทนาในเวทนา เป็นผู้มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติอยู่ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ พิจารณาจิตในจิต เป็นผู้มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติอยู่ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ พิจารณาธรรมในธรรมทั้งหลาย เป็นผู้มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติอยู่ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้

         ดูก่อนอานนท์ ภิกษุเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นสรณะอยู่ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ เป็นผู้มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นสรณะอยู่ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ ด้วยอาการอย่างนี้แล

สรุป

"จงมีตนเป็นที่พึ่งอย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย"  ความหมายของ ตนที่เป็นที่พึ่ง = ตนธรรม หรือ ธรรมกาย หรือ ธรรมขันธ์ หรือพุทธะ   วิธีเข้าถึงตนก็คือ สติปัฏฐาน 4

ตนเป็นเกาะ มีตนเป็นสรณะอยู่ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ เป็นผู้มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นสรณะอยู่ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ = ตนธรรม หรือ ธรรมกาย หรือ ธรรมขันธ์ หรือพุทธะ เป็นเกาะ เป็นสรณะ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ
52  ห้องนั่งเล่น คุยกันสบายๆตามประสาชาวกรรมฐาน / คุยกันสบายๆ ตามประสาชาวกรรมฐาน.คอม / Re: Phonsak คุณจงมาปรากฎกายณบัดnow เมื่อ: ธันวาคม 04, 2011, 02:17:41 PM
อย่างที่หกพวกเห็นผิดจากคุณเป็นมารหรืออย่างนี้ชาวพุทธที่มีความเห็นต่างคุณเป็นมารสิ

ผมไม่ได้หมายถึงทุกคนนะครับ  แต่ส่วนใหญ่มารคุมใจพวกเขาทั้งนั้น

อย่างที่เจ็ดผู้หมดกิเลศแล้วยังถูกครอบงำได้หรือ

กิเลสหมดบรรลุแค่อรหันต์เท่านั้น  แต่สมองเป้นส่วนหนึ่งของขันธ์ 5 ซึ่งอวิชชาสร้างขึ้น  มารจึงคุมได้  พระอรหันต์จึงโง่ทางโลกได้

อย่างที่แปดเอวัมเมหมายถึงใคร

ไปค้นกูเกิลเอาเอง

อย่างที่เก้าพระพุทธองค์สอนแยกนิกายหรือ ปิดบังเถรวาท อย่างนี้ไม่แตกแยกหรือ ใช้สมองหน่อยนะ

พระพุทธเจ้าไม่ได้ปิดบังอะไรเถรวาทเลย  ใครอยากรู้เท่าไร  ท่านก็สอนถึงแค่นั้น  เถรวาทส่วนใหญ่อยากพ้นทุกข์เร็ว  ท่านก็สอนทางให้พ้นทุกข์เร็ว โดยเริ่มต้นที่ปฏิจจสมุปบาท และไม่ตรัสถึงผู้ยิงศรใส่เรา

มหายานแต่ละนิกายก็มีความอยากรู้อยากเห็นไม่เท่ากัน  ท่านก็สอนให้ถึงจุดที่เขาอยากรู้อยากเห็น  มหายานเขาต้องการรู้เรื่องผู้ยิงสรใส่เขา  พระพุทธองค์จึงต้องสอนเรื่องพระพุทธเจ้าองค์ปฐมที่ไม่ใช่มนุษย์(อาทิพุทธ)เป็นผู้ยิงศร   พระพุทธองค์ไมตรัสว่า  พระเจ้าเป้นผู้ยิงสร  เพราะผู้คนในสมัยนั้นแม้แต่สมัยนี้  ต่างเชื่อกันผิดๆว่า  ทุกสรรพสิ่งในโลกและในจักรวาลเป็นของจริง  แค่โดยความจริง  ทุกอย่างเป็นแค่ภาพมายาเสมือนจริงเท่านั้น  ภาพมายาเหล่านั้นเกิดจากอวิชชาที่เราพุทธะ  ร่วมกันสร้างขึ้น  ก่อนที่พวกเราจะเข้าไปในโลกแห่งจินตนาการที่พวกเราทำขึ้นมา

อย่างที่สิบญาณะทัศนะคุณแม่นหรือจริงหรือถ้าแม่นจริงคุณรู้วิธีดับโกรธไหม


ดับโกรธ ดับโลภ ดับหลง  ทำได้หลายวิธี  ไปหาอ่านเอาเอง  ผมไม่ได้มาสอนในเรื่องbasicพุทธศาสนา
53  ห้องนั่งเล่น คุยกันสบายๆตามประสาชาวกรรมฐาน / คุยกันสบายๆ ตามประสาชาวกรรมฐาน.คอม / Re: Phonsak คุณจงมาปรากฎกายณบัดnow เมื่อ: ธันวาคม 04, 2011, 01:54:55 PM
ตอบคำถาม คุณซินแบด วันละ 5 ข้อแล้วกัน

อย่างแรกความหมายของพระพุทธองค์ที่ตรัสว่า ไม่มีสิ่งใดในกำมืออาจารย์ คืออะไรถ้าบอกว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยตรัส คุณพลาดนะ

พระพุทธเจ้าไม่ได้พูดแบบนี้นะ  คุณพูดเอง  แต่เอาเป้นว่าความหมายสื่อไปถึงสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสก็แล้วกัน
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ที่พระองค์สอนเป็นแค่ใบไม้ในกำมือ  ที่พระองค์รู้คือใบไม้ในป่า =  พระพุทธเจ้าเป็นสัพพัญญู  ในศาสนาอื่นๆ ผู้ที่เป้นสัพพัญญูคือ อัลเลาะห์ ยะโฮวา เง็กเซียน พรหมัน เท่านั้น  ด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้าจึงเป็นอวตารของสิ่งสูงสุดทั้งหมด
  
อย่างสองใบไม้ในกำมือของพระพุทธองค์กับใบไม้ในป่าคืออะไร

ใบไม้ในกำมือของพระพุทธองค์ = 84,000 พระธรรมขันธ์ที่สอนไปทางเถรวาท  และพระสูตรต่างๆที่สอนไปทางมหายาน

อย่างสามพระพุทธเจ้าตรัสเฉพาะฝั่งมหายานมแล้วหลวงพ่อฤาษีได้รับพระธรรมสั่งสอนจากสมเด็จองค์ปฐมได้อย่างไร

ก็เพราะสมเด็จองค์ปฐมก็คือพระพุทธเจ้าน่ะซิครับ  พระพุทธเจ้าของเราเป็นอวตารของสมเด็จองค์ปฐม ที่เป็นมนุษย์

อย่างที่สี่มารทั้ง๕อย่างเป็นยังไง
มาร คือ เครื่องขวางกั้นแห่งความดี ในทางพระพุทธศาสนา จำแนกมารได้ 5 ประเภท


(มารประเภทเดียวที่อยู่นอกตัวเรา คือ เทวดาที่เป็นมาร ที่เหลืออีกสี่ประเภทอยู่ในตัวเรานี่เอง)


1. กิเลสมาร : มารคือ กิเลส


2. ขันธมาร : มารคือ ขันธ์ 5


3. อภิสังขารมาร : มารคือ อภิสังขาร


4. มัจจุมาร : มารคือ ความตาย


5. เทวปุตมาร : มารคือ เทวบุตร

อย่างที่ห้าหลังสังคายนาครั้งที่1ไม่มีพระอรหันต์หรืออย่างนี้หลวงปู่ทั้งหลายมิได้บรรลุสิ

ไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร
54  ห้องนั่งเล่น คุยกันสบายๆตามประสาชาวกรรมฐาน / คุยกันสบายๆ ตามประสาชาวกรรมฐาน.คอม / Re: วิถีแห่งท่าน phonsak เมื่อ: ธันวาคม 04, 2011, 01:08:24 PM
freestyle  โพสว่า
อสังขตะนี่เองที่เป็นพุทธะ
นอกจากนี้ ไม่มีพุทธะใดๆอีก
เป็นสิ่งที่แทรกซึมได้ทั่วจักรวาล
เป็นน้ำสร้างสีขี้นมาจาก ตัณหาและกิเลสของสรรพสัตว์ที่ยังมีอวิชชา


ตอบ

ในคัมภีร์อุปนิษัท กล่าวว่า

"เราเปล่าเปลี่ยว เพราะมีมาก่อนสรรพสิ่งและดำรงอยู่ ทั้งจะต้องดำรงอยู่ต่อไป ไม่มีใครมาทำให้แปรผันได้ เราคืออมตะแต่ก็ไม่ทรงสภาวะอมตะ สามารถเล็งเห็นทุกอย่าง และไม่สามารถเล็งเห็น เราคือพรหม และเรามิใช่พรหม"

อธิบาย

"เราเปล่าเปลี่ยว เพราะมีมาก่อนสรรพสิ่งและดำรงอยู่ ทั้งจะต้องดำรงอยู่ต่อไป ไม่มีใครมาทำให้แปรผันได้ เราคืออมตะ = คุณ ผม และทุกคน คือ อสังขตะธาตุ คือ พระนิพพาน คือ พระพุทธเจ้า คือพระอรหันต์


เราคืออมตะแต่ก็ไม่ทรงสภาวะอมตะ สามารถเล็งเห็นทุกอย่าง และไม่สามารถเล็งเห็น เราคือพรหม และเรามิใช่พรหม" =ทุกสรรพชีวิต ทุกสรรพสิ่ง ล้วนเป็นเราผู้เป็น "พรหมอมตะ หรือพรหมอรหันต์"

เราสามารถบรรลุเป็นอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นสัพพัญญูสามารถเล็งเห็นทุกอย่าง  หรือเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทอื่น เช่น สัตว์ สัตว์นรก โลกียะพรหม เทพ ยักษ์ ได้ด้วย เราจึงมิใช่พรหม  และไม่สามารถเล็งเห็นอะไรเลย
55  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / กำลังใจ จากครูบา อาจารย์ ในการปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 / การอาราธนาศีล 5 หรือสมาทานศีล 5 ได้ประโยชน์อย่างไร? เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2011, 11:15:43 PM
การอาราธนาศีล 5 หรือสมาทานศีล 5 = การก้าวล่วงบาปกรรมในศีลทั้ง 5 ข้อ = การสารภาพบาปในบาปจากการผิดศีล ทั้ง 5 ข้อ

ผลดีก็คือ ทำให้กรรมที่จะนำคุณไปสู่นรกไม่มีอีกต่อไป  ถ้าคุณไม่ผิดศีล 5 อีก  แต่คุณต้องรับกรรมทางขันธ์ 5 ของคุณไวขึ้นเร็วขึ้น  แต่ผลกรรมก็จะเบาลงมาก

เช่น องคุลิมาล ตอนเป็นพระบวชใหม่  ท่านสำนึกในบาปแล้ว  สมาทานศีล 5 แล้ว  เลิกฆ่าคนเด็ดขาดแล้ว   แต่พอพระองคุลิมาลไปบิณฑบาตในเมืองสาวัตถี กลับถูกประชาชนขว้างปาด้วยก้อนอิฐ ก้อนหิน และท่อนไม้ จนศีรษะแตก เลือดไหล บาตรก็แตก ผ้าสังฆาฏิก็ขาดวิ่น

หลังจากนั้น พระองคุลิมาลก็ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคก็ตรัสว่า:

"กรรมที่จะให้ผลไปหมกไหม้ในนรกเป็นเวลาหลายหมื่นหลายแสนปี เป็นอันท่านได้รับผลในปัจจุบัน" (รับเศษกรรมไปแล้วจากการโดนทำร้ายบนโลก จึงไม่ต้องรับกรรมใดๆอีกในปรโลก)


"กรรมที่จะให้ผลไปหมกไหม้ในนรกเป็นเวลาหลายหมื่นหลายแสนปี เป็นอันท่านได้รับผลในปัจจุบัน" = องคุลิมาลไม่ต้องตกนรกหมกไหม้เป็นเวลาหลายหมื่นหลายแสนปี   เพราะว่าท่านสำนึกบาป(ทำการก้าวล่วงบาปกรรม) ทำให้ท่านรับผลกรรมเป็นอันแสบเผ็ดเพียงในชาติปัจจุบันเท่านั้น และเป็นวิบากกรรมที่เบาบางลงมาก   หลังจากรับกรรมนั้นแล้ว  วิบากกรรมนั้นก็ไม่ให้ผลอีกต่อไป  ที่จะนำท่านไปสู่นรก
56  ห้องนั่งเล่น คุยกันสบายๆตามประสาชาวกรรมฐาน / คุยกันสบายๆ ตามประสาชาวกรรมฐาน.คอม / Re: วิถีแห่งท่าน phonsak(w) เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2011, 01:40:16 AM
แล้วอย่างนี้ คุณทักษิณ อดีตชาติเป็นใครล่ะครับ

-ทักษิณ(Taksin) คือ พระเจ้าตากสิน(Taksin)
-พันธมิตรเสื้อเหลือง คือ บรรดาเจ้าหัวเมืองของไทย ที่โดนพระเจ้าตากสินฆ่าตาย
-ส่วนใหญ่ของพระเสื้อแดง คือ เหล่าทหารของพระเจ้าตากสิน
-อภิสิทธิ์ สุเทพ จารุวรรณ ฟันดำประสงค์ สุ่นสิริ เปรม คือเหล่าชุนนาง นายทหาร และเชื้อพระวงค์พม่าที่มาตายในเมืองไทย
-เซ็นทรัลถูกเผาเพราะผู้บริหารเซ็นทรัล เคยเผากรุงศรีอยุธยา

ทุกคนมาเพื่อใช้กรรมเก่าของตนเองทั้งนั้น

- ในหลวงคือพระโพธิสัตว์ ยิ่งลักษณ์ คนนี้ อดีตชาติคือ พระศรีสุริโยทัย แล้วก็ไปเกิดเป็นเมียร.5 ผู้้หญิงคนนี้มีบุญบารมีสูงมาก
57  ธรรมมะกับมนุษย์ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน / นั่งสมาธิ แนว กสิณ10 คืออะไร / ประสพการณ์ทางวิญญาณ ผลกรรมของการฆ่าปลวก และสัตว์เล็กอื่นๆ เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2011, 01:52:15 AM
ประสพการณ์ทางวิญญาณ ผลกรรมของการฆ่าปลวก และสัตว์เล็กอื่นๆ


ที่ผมพูดว่า "ฆ่ามด ฆ่าปลวกและสัตว์เล็กอื่นๆไม่บาปหรือบาปเบาบางมาก"  ผมไม่ได้บอกว่าไม่บาปแบบไม่มีเงื่อนไขนะครับ   

ฆ่ามด ฆ่าปลวกและสัตว์เล็กอื่นๆ มันบาปแน่ครับ    แต่เป็นบาปเบาบางมาก   ไม่ได้เป็นบาปกรรมหนักแบบคุรุกรรมเท่านั้น   มันเป็นบาปใกล้ กตัตตากรรม (กรรมที่สักแต่ว่าทำหรือกรรมไม่เจตนา)  เพราะกรรมตัวนี้หลีกเลี่ยงเกือบไม่ได้ในสังคมเมืองปัจจุบัน  เราต้องทำบาปกรรมเล็กนี้  เพื่อช่วยคนอื่น(พ่อแม่ลูกผัวญาติพี่น้อง)  ถือเป็นการเสียสละ ซึ่งเป็นบุญใหญ่กว่า  ที่เราต้องแลกมาด้วยการทำบาปทีหลีกเลี่ยงได้ยากมาก

คุณรู้ไหมผลกรรมจากฆ่ามด ฆ่าปลวกและสัตว์เล็กอื่นๆ คืออะไร?

1. เพราะคุณฉีดสารเคมีเข้าไปฆ่ามัน  สารเคมีเหล่านั้นมันจะสะสมไปตามผิวหนังของคุณ  แล้ววันใดวันหนึ่ง  หรือหลายวัน  หรือประจำเลย  คุณจะเกิดอาการแพ้ อาคารผื่นคัน.....นี่เป็นการมองแบบมนุษย์ธรรมดา  ที่ไม่ได้ฝึกจิตจนถอดกายทิพย์ได้ และไม่ได้ปัญญาทางศาสนา

2. แต่ถ้ามองแบบผู้ที่รู้  ถอดกายทิพย์ไปเห็นมา  และมีปัญญาเกิดขึ้นจากการปฏิบัติธรรม  จะรู้ว่าอาการแพ้ อาคารผื่นคันนั้น  เป็นผลมาจากบาปที่เบาบางมากจากการฆ่ามด ฆ่าปลวกและสัตว์เล็กอื่นๆ      ในชาติที่คุณบรรลุธรรมชั้นสูง  หรือชาติที่คุณทำสมาธิกรรมฐาน  วิญญาณมด ปลวกและสัตว์เล็กอื่นๆ ที่คุณฆ่าตาย  จะรวมตัวกัน  แปลงร่างเป็นตัวใหญ่ หรือมาเป็นฝูงใหญ่ มาเข้าฝันคุณ หรือมาทำให้คุณรู้ว่า  คุณต้องแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลจากการทำสมาธิของคุณให้กับพวกมัน

ประสพการณ์จริงทางวิญญาณของผม

1. ใช้หนี้กรรมให้วิญญาณปลวก

3 ปีมานี้ ผมเป็นโรคผื่นคันตามผิวหนังทุกเดือน เดือนละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 3-5 นาที   ทำให้รำคาญนิดหน่อย  ผมรู้ว่าโรคทุกชนิดที่เราเป็น ล้วนเกิดจากเจ้ากรรมนายเวรทั้งนั้น  ปีที่แล้วผมเลยนั่งสมาธิแล้วแผ่เมตตาอุทิศกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร  ที่ทำให้เกิดโรคผื่นคันตามผิวหนัง  แผ่เมตตาให้ 3 ครั้ง ใน 3 วัน 

คืนวันที่ 3 นั้น  ผมนอนอยู่ในภวังค์ไม่ได้หลับสนิท  ปากของกายทิพย์หรือวิญญาณผม  มันอ้าอยู่  แล้วมีวิญญาณปลวกนับเป็นหมื่นเป็นแสนตัว  คลานออกมาจากปากผมไม่ยอมหยุดกว่า 10 วินาที     ตั้งแต่นั้นมา โรคผื่นคันตามผิวหนัง ที่ผมเคยเป็นเดือนละ 2-3 ครั้ง ก็ลดลงฉับพลัน  เป็น 2 เดือน เป็นผื่นคันตามผิวหนังสักครั้งหรือ 2 ครั้ง   

2. ใช้หนี้กรรมให้วิญญาณแมลงสาบและสัตว์เล็กต่างๆ

เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน  ผมรู้ในจิตว่าน่าจะบรรลุธรรมสูงกว่าโสดาบันแล้ว  เพราะผมอ่านข้อความที่เขาเขียนมาด่าว่าผม  ผมไม่รู้สึกโกรธแต่อย่างใด  ล้อเล่นกับผู้ด่าว่าผมได้สบาย  ช่วงนั้นผมเสียเงินไป 3 แสน ผมก็ไม่รู้สึกเสียดายะไร  รู้ว่ามันเป็นกรรมเก่าของเรา  จิตกับเคราะห์กรรมรู้สึกว่า  มันไม่ผสมรวมกัน  จึงไมทำให้เกิดทุกข์เหมือนในอดีต

ผมเลยทำสมาธิและบอกเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายว่า  ผมทั้งทำบุญหลายครั้งตามวัด และแผ่เมตตาอุทิศกุศลให้บรรดาเจ้ากรรมนายเวร ที่ส่งผลกรรมมาให้ผมในชาตินี้มาหลายเดือนแล้ว  ในจิตของผมรู้ว่า  กรรมส่วนใหญ่ไม่มีแล้ว  แต่ก็ยังมีเจ้ากรรมนายเวรอีกส่วนหนึ่ง  ยังไม่มารับการแผ่เมตตาอุทิศกุศล   ขอให้เจ้ากรรมเหล่านั้นช่วยแสดงตัวด้วย

คืนนั้น ผมนอนอยู่ในภวังค์  เหมือนกับมีสัตว์ตัวใหญ่หลายตัวมาดันหลังผม  ผมเลยถอดจิตออกไปดู  พบวิญญาณแมลงสาบ+แมลงวัน+สัตว์อีกหลายชนิด  เรียกว่า  พันธ์ผสมปนกันมั่ว อยู่ 4 ตัว  แต่ละตัวตัวใหญ่ขนาดทีวี 19 นิ้วสมัยก่อน  แต่ผมเลิกกลัวสิ่งที่อยู่ในโลกวิญญาณนานแล้ว  ผมเลยเข้าไปหาพวกมัน  แล้วบอกว่าเดี๋ยวผมจะแผ่เมตตาอุทิศกุศลไปให้

แล้วผมก็กลับเข้าร่างกายเนื้อ  ลุกขึ้นไป "ฉี่" สักนิด  แล้วก็ "ล้างหน้า" สักหน่อย  แล้วก็นั่งสมาธิบริกรรม "รัก เมตตา กรุณา ให้อภัย" สัก 15 นาที   จนจิตสงบนิ่งเข้าสู่ฌาน 4  พอชาร์ตพลังจิตเสร็จ  ผมก็แผ่เมตตาอุทิศกุศลให้บรรดาเจ้ากรรมนายเวร  ที่แปลงร่างมาเป็นสัตว์ประหลาดๆ  และบรรดาเจ้ากรรมนายเวรอื่นๆ ผมก็ขอให้มารับผลบุญนี้ไปด้วย

ผ่านมา 2 สัปดาห์แล้ว  ผมรู้สึกว่าโรคผื่นคันตามผิวหนังของผมหายสนิทเลย  แต่ต้องดูอีกเดือนหนึ่ง  ถ้ายังไม่เป็นโรคผื่นคันตามผิวหนัง  โรคผื่นคันนี้ก็น่าจะเกิดจากการฆ่ามด แมลง สาบ ปลวก ฯลฯ นั่นเอง  เมื่อสัตว์เล็กทุกชนิดผมใช้กรรมให้หมดแล้ว  มันจึงไม่มีโรคผื่นคันตามผิวหนังอีกเลย  ถ้ายังใช้กรรมไม่หมด ใช้เพียงบางส่วน ระยะเวลาการคันมันก็จะน้อยลง
58  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมะ ที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ เพื่อเข้าใจในสัมมาทิฏฐิ / Re: ช่วยไขข้อข้องใจหน่อยครับ(อันนี้คงตรงประเด็นอาจไม่ต้องย้าย) เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2011, 11:18:45 PM
1.ความสุขทางใจ
2.ความสงบ
3.รู้จักความทุกข์
พุทธศาสนาเน้นสอนข้อไหนครับ

ความสุขใดๆ จะหาเท่าความสงบนั้นไม่มี

ด้วยเหตุนี้   ความสงบจากกิเลสทุกชนิด จึงเป็นความสุขทางใจสูงสุด  แต่ผู้ที่จะเข้าถึง ความสงบจากิเลสทุกชนิด  จะต้องรู้จักความทุกข์  รู้ว่าทุกอย่างที่เรายึดติด ยึดมั่นถือมั่น ล้วนนำความทุกมาให้ทั้งนั้น  เราจึงยอมเข้าูสู่นิพพาน ซึ่งเป็นความสงบจากกิเลสทุกชนิด และเป็นความสุขทางใจสูงสุด
59  ห้องนั่งเล่น คุยกันสบายๆตามประสาชาวกรรมฐาน / คุยกันสบายๆ ตามประสาชาวกรรมฐาน.คอม / Re: ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ จะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ตอน 1 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2011, 01:21:07 PM
การเห็นแก่โลกตอนนี้เท่านั้น จึงจะระงับสงครามโลกครั้งที่ 3 ในอีก 400 ปีได้


คุณสยามเมืองยิ้ม เขียน : ชัวร์หรือมั่วนิ่ม !

ตอบ

อนาคตเป็นสิ่งที่ยังไม่เกิด และอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน  สามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ  สาเหตุของสงครามโลกครั้งที่ 3 มาจากความขาดแคลนทรัพยากร  โดยเฉพาะอาหาร  เป็นเพราะมนุษย์โลกในยุคปัจจุบัน  ทุกประเทศรู้ว่า  การพัฒนาประเทศ พัฒนาอุตสาหกรรม โดยวิธีปล่อยแก๊ซคาบอนไดอ๊อกไซค์เข้าไปในอากาศ ทำให้โลกร้อนขึ้น  นำแข็งขั้วโลกละลาย สภาวะอากาศของโลกวิปลิตไปหมด

แต่ก็ไม่มีประเทศไหนยอมลดการปล่อยแก๊ซคาบอนไดอ๊อกไซค์  เข้าไปในอากาศ  จึงทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายลงอย่างรวดเร็ว  แกนของโลกก็จะเอียง  สภาวะอากาศของโลกก็จะวิปลิตไปเรื่อยๆ  จนถึงจุดหนึ่งประชากรโลกเพิ่มมากขึ้นไปอีก  แต่อาหารและทรัพยากรธรรมชาติของโลก ลดน้อยถอยลง  คนทั้งโลกก็จะทะเลาะกัน  หาว่าประเทศโน้นประเทศนี้เอาเปรียบ  และทำให้อากาศวิปลิต

สุดท้ายพูดภาษามนุษย์ไม่รู้เรื่อง  ก็ต้องพูดกันด้วยภาษาอะตอม  มีการแจกนิวเคลียร์กัน  เองแจกมา  ข้าก็แจกไป

สงครามโลกครั้งที่ 3 จะไม่เกิดขึ้น  ถ้าประเทศต่างๆสามารถเจรจาตกลงกันได้ทันในปัจจุบัน  เรืองรับภาระโลกร้อน  ลดการปล่อยก๊าซ ที่ไปสร้าง green house effect

ผมก็ได้แต่หวังว่า  วิกฤตแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น และอากาศวิปลิตอากาศทั้งในเอเซีย และในยุโรป น่าจะเตือนสติทั่วโลกให้ลดความเห็นแก่ตัวลงได้  หันมารักษาธรรมชาติของโลกมากขึ้น
60  ห้องนั่งเล่น คุยกันสบายๆตามประสาชาวกรรมฐาน / คุยกันสบายๆ ตามประสาชาวกรรมฐาน.คอม / ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ จะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ตอน 1 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2011, 01:19:46 PM
สงครามโลกครั้งที่ 3 ในอีก 400 ปี ทำให้ผู้บรรลุธรรมลดลง


อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ รัก+ยม
เรื่อง การอันตรธานเลือนหายไปแห่ง อธิคมอันตรธาน หรือ ปฏิเวธอันตรธาน

ในตลอดช่วงอายุของพระศาสนา 5000 ปี ของ พระศรีศากยะมุนีโคดม

มีแสดงไว้ทั้งหมด 5 แห่ง ดังนี้

1. ใน อรรถกถา "ภิกขุณีขันธกะ" แสดงไว้ว่า

พันปีที่ 1 บรรลุได้สูงสุด คือ พระอรหันต์ผู้เป็น "ฌานลาภีบุคคล"
พันปีที่ 2 บรรลุได้สูงสุด คือ พระอรหันต์ผู้เป็น " สุกขะวิปัสสกะ"
พันปีที่ 3 บรรลุได้สูงสุด คือ " พระอนาคามี "
พันปีที่ 4 บรรลุได้สูงสุด คือ " สกทาคามี"
พันปีที่ 5 บรรลุได้สูงสุด คือ " โสดาบัน"

2. ใน อรรถกถา "ทีฆนิกาย " แสดงไว้ว่า

พันปีที่ 1 บรรลุได้สูงสุด คือ พระอรหันต์ผู้ได้ "ปฏิสัมภิทา 4"
พันปีที่ 2 บรรลุได้สูงสุด คือ พระอรหันต์ผู้ได้ " อภิญญา 6"
พันปีที่ 3 บรรลุได้สูงสุด คือ พระอรหันต์ผู้ได้ " วิชชา 3"
พันปีที่ 4 บรรลุได้สูงสุด คือ พระอรหันต์ผู้เป็น "สุกขวิปัสสกะ"
พันปีที่ 5 เหลือไว้แต่เพียง ภิกษุผู้ทรงพระปฏิโมกข์ไว้ เท่านั้น


3. ใน อรรถกถา "อังคุตตรนิกาย " แสดงไว้ว่า

พันปีที่ 1 บรรลุได้สูงสุด คือ พระอรหันต์ผู้ได้ "ปฏิสัมภิทา 4"
พันปีที่ 2 บรรลุได้สูงสุด คือ พระอรหันต์ผู้ได้ " อภิญญา 6"
พันปีที่ 3 บรรลุได้สูงสุด คือ พระอรหันต์ผู้ได้ " วิชชา 3"
พันปีที่ 4 บรรลุได้สูงสุด คือ พระอรหันต์ผู้เป็น "สุกขวิปัสสกะ"
พันปีที่ 5 มีผู้บรรลุได้สูงสุด คือ อนาคามี สกทาคามี และ
โสดาบัน ตามลำดับเรื่อยไป จนถึงไม่มีผู้ที่สามารถ
บรรลุเป็นโสดาบันได้เลยแม้แต่คนเดียว เป็นอัน
ครบถ้วน 5000 ปี


4. ใน อรรถกถา "สังยุตตนิกาย " แสดงไว้เหมือนใน " อังคุตตรนิกาย" ว่า

พันปีที่ 1 บรรลุได้สูงสุด คือ พระอรหันต์ผู้ได้ "ปฏิสัมภิทา 4"
พันปีที่ 2 บรรลุได้สูงสุด คือ พระอรหันต์ผู้ได้ " อภิญญา 6"
พันปีที่ 3 บรรลุได้สูงสุด คือ พระอรหันต์ผู้ได้ " วิชชา 3"
พันปีที่ 4 บรรลุได้สูงสุด คือ พระอรหันต์ผู้เป็น "สุกขวิปัสสกะ"
พันปีที่ 5 มีผู้บรรลุได้สูงสุด คือ อนาคามี สกทาคามี และ
โสดาบัน ตามลำดับ เรื่อยไปจนถึงไม่มีผู้ที่สามารถ
บรรลุเป็นโสดาบันได้เลยแม้แต่คนเดียว เป็นอัน
ครบถ้วน 5000 ปี

5. ใน " สุมังคลวิลาสินี " ไว้เหมือนใน อรรถกา " ทีฆนิกาย" ว่า

พันปีที่ 1 บรรลุได้สูงสุด คือ พระอรหันต์ผู้ได้ "ปฏิสัมภิทา 4"
พันปีที่ 2 บรรลุได้สูงสุด คือ พระอรหันต์ผู้ได้ " อภิญญา 6"
พันปีที่ 3 บรรลุได้สูงสุด คือ พระอรหันต์ผู้ได้ " วิชชา 3"
พันปีที่ 4 บรรลุได้สูงสุด คือ พระอรหันต์ผู้เป็น "สุกขวิปัสสกะ"
พันปีที่ 5 เหลือไว้แต่เพียง ภิกษุผู้ทรงพระปฏิโมกข์ไว้ เท่านั้น



เพราะอะไรผู้บรรลุธรรมชั้นสูงจึงลดลงรู้ไหม เพราะประชากรของโลกมันลดลงอย่างไม่คาดฝันยังไงล่ะ  ผมจะบอกคุณนะ  สงครามโลกครั้งที่ 3 จะมีขึ้นในอีกไม่ถึง 400 ปี  ผู้คนจะกันล้มตายลงมหาศาล จากกัมมันตภาพรังสี ที่เหลือรอดมาได้ ก็แค่ไม่ถึงร้อยล้านคน

นอตตาดามุสเลยทำนายอนาคตแค่ 3000 กว่าปี  และบอกถึงพวกนอกศาสนาหมายถึงอิสลาม  ทำสงครามกับพวก(ในศาสนาคริสต์)คือยุโรปและอเมริกา

วิญญาณจำนวนหนึ่งที่ตายในยุคนั้น และบางส่วนในยุคนี้ จะถูกย้ายไปเวียนว่ายตายเกิดในโลกอีกมิติหนึง ที่เจริญมาก โลกในมิตินั้น ไม่มีการทำสงคราม ไม่มีการเข่นฆ่า ทุกคนจะอายุยืน และจะได้พบพระศรีอริยะเมตตรัย ขอให้ทุกท่านหมั่นรักษาศีล 5 หมั่นทำสมาธิ หมั่นสวดมนต์ตามศาสนาของตน

ส่วนผู้คนในโลกเก่าในมิตินี้ ก็ต้องเป็นไปตามวิบากกรรมของตน
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7