ตามหลักพุทธเรา วิธีสะเดาะเคราะห์ที่ดีที่สุด
หรืออีกนัยหนึ่งวิธีโบกย้ายเงาราหูออกไปจากหลังของเรา
ก็คือทำจิตให้เย็นมีสติให้มาก
อาศัยเหตุการณ์ที่เราเพิ่งเผชิญมานั่นแหละเป็นบทฝึก
ยิ่งเร่าร้อนกระวนกระวายมากเพียงใด เมื่อสามารถระงับเสียได้
... ก็จะรู้ซึ้งถึงคุณค่าความเย็นมากขึ้นเพียงนั้น
: เมื่อใดใจเย็น เมื่อนั้นแปลว่าราหูจะยังครอบหัว
ครอบตัว ครอบแขน ครอบขา
ก็จะไม่อาจครอบใจเราได้ ต่อให้ต้องตายไปเดี๋ยวนั้น
คุณก็จะได้ดีกว่าที่เป็น ได้เย็นกว่าที่เคย
เพราะดับความกระวนกระวายในภพเก่าลงสนิทแล้ว
• หลักแก้กรรมก็คล้ายๆหลักซักผ้านั่นเอง
เผลอปล่อยให้ผ้าดำที่ตรงไหน ก็ไปแก้ที่ตรงนั้น
ไม่ใช่ไปแก้ที่ตรงอื่น อย่าแก้กรรมหนึ่งด้วยการอ้างความดีอื่นมากลบเกลื่อน
• แก้กรรม คือทำให้วันนี้ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน
ไม่ใช่ขุดเมื่อวานมาทำพิธีให้วันนี้สูญเปล่า
• เกือบทุกคนมีกรรมดำบางอย่างที่ส่งผลร้ายอย่างสำคัญอยู่เห็นๆ
ขอเพียงมีศรัทธา มีความเชื่อว่าถ้าเปลี่ยนกรรมดำอย่างใหญ่ที่สำคัญๆนั้นได้
ชีวิตเราจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เอาแค่นั้นพอ
• แต่ละคนมาตกอยู่ในร่องชะตาอย่างนั้นอย่างนี้ก็ด้วยกรรมเก่า
ถ้าเราเรียนรู้ว่าเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นแต่ละอย่าง
เป็นผลจากกรรมดำประเภทไหน ก็เพียงเปลี่ยนนิสัย
เปลี่ยนความเคยชินที่จะก่อกรรมดำนั้นเป็นกรรมขาวขั้วตรงข้าม
ในที่สุดก็เกิดภาวะกรรมชนะกรรมให้เห็นเอง
• อะไรจะมีค่าไปกว่าการมีจิตที่ดีขึ้น
ในเมื่อจิตคือสิ่งที่คุณต้องทนรำคาญหรือชื่นชมยินดีอยู่ตลอดวันตลอดคืน
และจิตนี่เองเป็นต้นเค้าของกรรมทั้งปวง
เมื่อจิตสว่างย่อมปรารถนาที่จะทำกรรมขาว สุคติย่อมเป็นที่หวัง
เมื่อจิตมืดย่อมใคร่ที่จะทำกรรมดำ ทุคติย่อมเป็นที่หวัง
: สรุปคือขอเพียงจิตคุณดีอย่างเดียว
อะไรอย่างอื่นที่จะตามมาก็ดีหมด
หากการเปลี่ยนแปลงของคุณเข้าลึกมาได้ถึงจิต
ก็แปลว่าทั้งปัจจุบันและอนาคตไม่มีอะไรน่าห่วงอีกแล้ว
http://www.youtube.com/watch?v=i76IjMkC42Q
ขอบพระคุณข้อมูลจาก คุณดังตฤณ นะครับผม