แสดงกระทู้
|
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 9
|
49
|
ห้องนั่งเล่น คุยกันสบายๆตามประสาชาวกรรมฐาน / คุยกันสบายๆ ตามประสาชาวกรรมฐาน.คอม / ความเชื่อ กับ ความจริง
|
เมื่อ: มีนาคม 30, 2012, 04:08:27 PM
|
ก่อนที่เราจะคุยกันเกี่ยวกับความเชื่อ และ ความจริง ตามจุดประสงค์ของกระทู้นี้ เราลองมาหาคำนิยามความหมายของคำศัพท์ทั้ง 2 คำนี้ดูก่อนนะครับ ความเชื่อ คือ ความมั่นใจต่อสิ่งนั้นๆว่าเป็นความจริง ซึ่งความเชื่อบางอย่างอาจสืบต่อกันมาเป็นเวลานาน ความเชื่อเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์ มาตั้งแต่ยุคโบราณ ตอนที่ยังไม่มีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ ไม่มีการพิสูจน์ถึงความจริงของเรื่องนั้นๆ ทัศนีย์ ทานตวณิช (2523) กล่าวว่า "ความเชื่อคือการยอชมรับนับถือว่าเป็นความจริง หรือมีอยู่จริง การยอมรับหรือการยึดมั่นนี้ อาจมีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ หรืออาจไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์สิ่งนั้นให้เห็นจริงได้" สุนทรี โคมิน (2539) กล่าวว่า "ความเชื่อเป็นความนึกคิดยึดถือ โดยที่เจ้าตัวจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เป็นสิ่งที่สามารถจะศึกษาและวัดได้จากคำพูดและการกระทำของคน" สถาพร ศรสัจจัง (2533) ให้ความหมายของความเชื่อไว้ว่า "ความเชื่อหมายถึงการยอมรับข้อเสนออย่างใดอย่างหนึ่งว่าเป็นความจริง การยอมรับนี้อาจจะเกิดจากสติปัญญาเหตุผลหรือศรัทธา โดยไม่ต้องมีเหตุผลใดๆ รอบรับก็ได้" สรุปได้ว่า ความเชื่อ หมายถึง ความคิด ความเข้าใจและการยอมรับ นับถือ เชื่อมั่นในสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยไม่ต้องมีเหตุผลใดมาสนับสนุนหรือพิสูจน์ ทั้งนี้บางอย่างอาจมีหลักฐานอย่างเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ หรืออาจจะไม่มีหลักฐานที่จะนำมาใช้พิสูจน์ให้เห็นจริงเกี่ยวกับสิ่งนั้นก็ได้ ความจริง คือ สิ่งที่เป็นอยู่ของมันเช่นนั้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งก็มีอยู่ ๒ อย่างคือ ความจริงแท้ กับ ความจริงสมมติ ไม่ทราบว่าท่านใด สามารถนิยามความหมาย ของคำทั้ง 2 ได้ชัดเจนกว่านี้ ได้โปรดเขียนอธิบายเพิ่มเติมเข้ามาได้นะครับ
|
|
|
58
|
รวมรูปภาพต่างๆเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา พาเที่ยววัด ใน Kammatan.com Gallery / บทความดีๆ เกี่ยวกับธรรมะ / เทวดามาต่ออายุให้ ลักษณะเทวดาต่อายุ
|
เมื่อ: มีนาคม 14, 2012, 04:18:25 PM
|
ตามธรรมดาแล้ว มนุษย์หรือสัตว์ก็ดี ล้วนถูกกำหนดวันตายมาแล้ว ด้วยกรรมเก่าของตน ชาตินี้จะมีอายุเท่าไหร่ ตายวันไหน ด้วยอาการอย่างใด ย่อมเที่ยงแท้แน่นอน
คนที่ฝึกสมาธิมากๆ จะสามารถรู้วันตาย เวลา และอาการตายของตนเองได้ อย่างไม่ต้องสงสัยเลย คนและสัตว์ทั่วไป มักตายตามอายุที่กำหนด หรือบางคนตายก่อนอายุ ที่จะตายเลยกำหนดนั้นมีน้อยมาก
นอกจากพระเกจิ ที่เชี่ยวชาญทางกรรมฐานภาวนา หรือฆราวาสที่ฝึกสมาธิจนกำลังสูง หรือจำพวกคนทำบุญบ่อยๆ บุญจะต่ออายุออกไปเรื่อยๆ
สำหรับผมเอง ไม่ใช่คนเก่งกล้าอะไร ฝึกสมาธิมาบ้าง แต่มีของเก่าตามมาเยอะ คือเรื่องฝันแม่น ฝันว่าใครตายไม่เคยพลาด ฝันว่าใครเจ็บ ก็น้อยนักจะไม่เกิดเหตุ ส่วนใหญ่มันร่อแร่ทุกราย สาปแช่งใครชิบหายทุกราย มันก็แปลก คงเป็นอุปนิสัยตามส่งจากปางก่อน
แต่โดยนิสัยส่วนตัวแล้ว สมัยเด็กๆ นิสัยดุมาก ไม่ค่อยเล่นหัวกับใคร ชอบอยู่คนเดียว ไม่สุงสิงใคร พูดน้อย นิสัยรักษาคำพูด และไม่ทำร้ายใครก่อน นิสัยรักสงบ ไม่เคยอิจฉาใคร ริษยาใคร
สมัยเด็ก ใครทำอะไร ไม่ถูก ทำให้ไม่พอใจด่าทันที ไม่เคยเลี้ยงใคร และเป็นเด็ก ที่ชอบสงสัยนั่นนี่ สอบถาม จนผู้ใหญ่รำคาญ
เรื่องทราบวันตายนี้ ก็ทราบพอสมควร สัญญาณเตือนความตายมีมาหลายหน เพราะกรรมเก่าตามมาติดๆเคยฆ่าคนไว้มากสมัยก่อนเก่งสงคราม ชาตินี้ตอนแรกจะตายตอนอายุ 18 ปี ย่าง 19 ปี
แต่ว่าครานั้น ยังได้ทำบุญน้อย ยังไม่มีงาน ที่เป็นวิหารทานในศาสนาพุทธ เทวดาชั้นผู้ใหญ่ คือท่านท้าวเวสสุวรรณ จึงได้ต่ออายุให้ ท่านต่อให้จำนวน 6 ปีกว่า ช่วงรอยต่ออายุนั้นจะป่วยหนักเจียนตาย ล้มหมอนนอนเสื่อ สมัยอายุประมาณ 19 ปีนั้น ป่วยห้าวันเต็ม ไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากนอน
สัญญาณต่ออายุหมดอีก เมื่อสร้างพระธาตุบูฮมเสร็จ ถือว่าใช้กรรมหมดสิ้นแล้ว บารมีครบแล้ว เรื่องเล็กน้อยใดๆที่ต้องทำ ไม่มีอะไรแล้ว ครบถ้วนแล้วจึงหมดสัญญาณต่ออายุ ต้องละขันธ์ ตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์แล้ว เพราะงานเสร็จหมด
จากนั้น จึงได้มีเทวดา มาต่ออายุให้อีก ครานี้ต่อให้ยาวเกินไป เหตุการณ์เมื่อครั้งเทวดามาต่ออายุให้
ในคืนวันเพ็ญสิบห้าค่ำ ระหว่างที่กำลังจะล้มหัวลงนอน หลังจากเหนื่อยจากงานมาทั้งวัน ได้นอนประมาณ ตีหนึ่ง หลับตาลงนอน ได้ประมาณ ไม่ถึงสองนาที แสงสว่างวาบมาที่ดวงตาเรา แม้ในขณะที่ นอนหลับตาอยู่นั้น แสงยังพุ่งมา สว่างจนจ้าไปหมด เหมือนกับ ตอนเราหลับตาอยู่ แล้วมีแสงไฟ ดวงใหญ่ส่องมา จึงได้ลืมตาดู เห็นเป็นนางฟ้าสององค์ทรงเครื่องทรงสีชมพู ในมือถือเอาเหมือนกาน้ำ สีทองมาหนึ่งองค์ กาน้ำนั้นสีทองล้วน แต่ลักษณะผอมๆ เหมือนตะเกียงวิเศษของอาละดิน อะไรประมาณนั้นมากกว่า
|
|
|
|