ประวัติแม่ชีแก้ว เสียงล้ำต้นตระกูลของคุณแม่ชีแก้วเป็นชนชาวภูไท ที่มีนิสัยรักสงบ รักความยุติธรรม ภาคภูมิใจในความเป็นไท
รักญาติพี่น้อง และที่สำคัญยิ่งคือมีความกตัญญู ดังนั้น ชาวบ้านในละแวกนั้นจึงนับถือผีบรรพบุรุษเป็นที่พึ่ง
เมื่อหลวงปู่มั่นได้มาอยู่ที่วัดหนองน่อง ท่านได้เทศน์อบอรมญาติโยมในบ้านห้วยทรายและชาวบ้านในละแวก
ใกล้เคียงที่มากราบนมัสการหลวงปู่และทำบุญที่วัดนี้เสมอๆ จนชาวบ้านเกิดความเลื่อมใสศรัทธา
เลิกนับถือผีมานับถือพระ และสอนลูกหลานให้ไหว้พระสวดมนต์แผ่เมตตาก่อนนอน
ครอบครัวของคุณแม่ชีแก้วเป็นผู้อุปัฏฐากดูแลวัดหนองน่อง ท่านจึงได้ติดตามคุณพ่อคุณแม่ไปทำบุญที่วัดเสมอ ๆ
หลวงปู่มั่นได้ให้คุณแม่ชีแก้ว รับไตรสรณคมน์ในปีแรก ที่หลวงปู่มั่นได้มาอยู่ที่วัดหนองน่องนั่นเอง
การรับไตรสรณคมน์ คือ การน้อมใจระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย (พระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์)
และยึดถือเป็นหลักแห่งความประพฤติปฎิบัติ หรือเป็นเครื่องนำทางในการดำเนินชีวิต
การภาวนานั้นหลวงปู่นั้นสอนให้กำหนด "พุทโธ ธัมโม สังโฆ" พร้อมลมหายใจ หลวงปู่มั่นได้ถามคุณแม่ชีแก้วว่า
คำไหนลงลึกที่สุด คุณแม่ตอบว่า "พุทโธ" ลงถึงท้อง หลวงปู่ว่าถ้าเช่นนั้นให้ภาวนาแต่คำว่า “พุทโธ” คำเดียวก็พอ
และบอกว่าให้ภาวนาในคืนวันนั้นเลย คุณแม่ก็รับปาก
เมื่อคุณแม่ชีแก้วรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้วก็เข็นฝ้าย (กรอด้าย) ใจจริงอยากจะทำให้ได้ฝ้ายหลาย ๆ หลอด
ก็นึกได้ว่าได้รับปากกับหลวงปู่ว่าจะภาวนา จึงหยุดเข็นฝ้าย (กรอด้าย) รีบเข้านั่งภาวนาในที่นอน
ซึ่งเป็นเวลาประมาณ 21.00 น. คุณแม่ชีแก้วนั่งภาวนากำหนดบริกรรม “พุทโธ” ไม่นานนัก
จิตของท่านก็สงบและปรากฏนิมิตขึ้น เห็นตนเองแก่ลง ๆ และตายในที่สุด
แล้วก็มีหนอนชอนไชอยู่ตามอวัยวะ 32 กินร่างของท่านจนหมด เกิดความสลดสังเวชมาก
รู้สึกเหมือนตัวท่านออกจากร่าง แล้วมองไปที่ศพ
ในขณะนั้นหลวงปู่มั่นก็เดินมากับพระภิกษุกลุ่มหนึ่ง คุณแม่ชีแก้วจึงก้มกราบและนิมนต์หลวงปู่มั่นของความเมตตาให้มาติกาบังสุกุลให้
จากนั้นหลวงปู่มั่นได้ใช้ไม้เท้าชี้ลงไปที่ร่างของคุณแม่ชีแก้ว ก็เกิดไฟลุกไหม้จนเป็นเถ้าคุณแม่ก็คิดว่า
เราตายแล้วจะได้ไปเกิดที่ไหน พ่อแม่ก็ตายหมดแล้ว เช้านี้ ใครจะนึ่งข้าวใส่บาตรครูบาอาจารย์แทนเรา
เมื่อคิดอย่างนั้นจิตก็ถอนออกมา ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 04.00 น. ลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าตนเองกำลังนั่งอยู่
จับเนื้อตัวแขนขาตนเอง ก็รู้ว่าตนยังไม่ตาย คุณแม่ชีแก้วเข้าใจว่าตนเองนอนหลับฝันไป
และที่ตื่นนั้นก็อาจเป็นเพราะแม่เลี้ยงมาตะโกนปลุกให้ลุกขึ้นมานึ่งข้าวจึงตื่นก็เป็นได้
รุ่งเช้าเมื่อหลวงปู่มั่นมาบิณฑบาต คุณแม่ชีแก้วก็มาใส่บาตร แล้วหลวงปู่มั่นได้บอกให้คุณแม่ชีแก้วตามไปที่วัดด้วย
แต่คุณแม่ไม่ไป เพราะอายท่านที่ไม่ได้ภาวนาตามที่รับปากไว้ มัวแต่นอนหลับฝันเพลินไป หลวงปู่มั่นฉันข้าวเสร็จแล้ว
เก็บข้าวก้นบาตรไว้ให้คุณแม่ แต่เรียกหาไม่พบ จึงให้คนไปตามมา เมื่อคุณแม่ชีแก้วมาถึง ก็ก้มกราบ
แล้วก้มหน้าเพราะอายที่ไม่ได้ภาวนา หลวงปู่ก็ให้กินข้าวก้นบาตรต่อหน้าท่าน คุณแม่ชีแก้วก็ยิ่งอาย เพราะเข้าใจว่าถูกทำโทษ
หลวงปู่มั่นท่านสอบถามเรื่องภาวนา คุณแม่ก็กราบเรียนว่ามัวแต่นั่งหลับจนฝันไป เมื่อเล่าจบ
หลวงปู่มั่นก็เรียกพระในวัดให้มาที่ศาลา แล้วให้คุณแม่ชีแก้วเล่าอีกรอบ คุณแม่ชีแก้วก็เข้าใจว่าหลวงปู่มั่น
ประจานต่อหน้าพระมาก ๆ เพื่อให้เข็ดหลาบ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดของคุณแม่
เพราะแท้ที่จริง เป็นการส่งเสริมการภาวนาของคุณแม่ ต่อแต่นั้นมาคุณแม่ชีแก้วก็ปฏิบัติภาวนามาเรื่อย ๆ
รูปภาพ (ซ้ายมือ) คือแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ และ (ขวามือ)คือ แม่ชีแพงศรี โลหิตดี โยมมารดาของหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน