ประโยชน์ที่ผมได้จากอุบายนี้คือ ....
1) ช่วยให้เราทราบว่ายังขาดสติตรงไหนจะได้ปรับปรุงเรื่อยๆ
2) ไม่ต้องถูกความสุขหลอกเอาอีกต่อไป
สมาชิกที่มาปฏิบัติธรรมทุกท่านคงมีจุดหมายคล้ายๆกันที่ ความพ้นทุกข์
ใช่ไหมครับ แต่บางครั้งพอแอบยึดความพ้นทุกข์ก็กลายเป็นอยากได้สุข
มาด้วย ทำให้สุขแบบโลกๆที่เป็นรากฐานของทุกข์มาหลอกเอาได้
แต่เมื่อมาสังเกตดูจริงๆ ทุกท่านคงทราบอยู่แก่ใจแล้วว่า สุขที่เกิดขึ้นใน
ความสงบที่ไม่ยึดติดนั้น เป็นคนละตัวกับสุขแบบเคลิบเคลิ้ม และการรู้ไม่
ทันสุขจอมปลอมนั้นเป็นรากเหง้าของความทุกข์
เพราะฉะนั้น อย่าไปยอมโดนเขาหลอกครับ
และถ้าใครจะกลัวว่า หากรู้ทันแล้วสุขจะหายไป ก็จะได้มีอุบายเตือนตัวเอง
ได้ว่าถึงเวลายอมสละ สุขแบบจอมปลอม สุขที่ไม่เที่ยง และสุขแบบที่เป็น
รากของทุกข์ ได้แล้วครับ
3) ใช้เสริมสร้างกำลังใจในการปฏิบัติธรรม
เราอาจใช้ตรรกพิสูจน์อุบายนี้ให้เห็นได้ชัดเจนว่า ชีวิตไม่มีทางออกอื่น นอก
จากการปฏิบัติธรรมให้พ้นจากวงจรนี้เสีย เพื่อเป็นการเสริมสร้างกำลังใจ
ในการปฏิบัติธรรมก็ได้ครับ
เพราะบางท่านที่ยังลังเล รีรอ ไม่ปฏิบัติเต็มที่ หรือยอมว่าในชีวิตนี้เอาแค่นั้น
แค่นี้ก็พอ ชีวิตนี้ดีอยู่แล้ว อาจเพราะในใจเชื่อลึกๆว่ายังมีทางออกทางอื่น
ยังมีทางเลือก ยังไม่จนตรอกเสียทีเดียว ยังมีอย่างอื่นทำ ...
ความเป็นจริงก็คือ ไม่มีหรอกครับ เราจนตรอก ไม่มีทางออกกันอยู่แล้ว
พิจารณาด้วยตรรกก็จะเห็นชัด ปัญหาคือ ถ้าไม่เร่งพิจารณามองไปรอบๆ
จริงๆ อาจเข้าใจผิดกันเป็นเวลาหลายๆปีหรือทั้งชีวิตโดยคิดว่ายังพออยู่ได้
แต่เมื่อใดที่พยายามมองหาทางออกจริงๆจึงทราบว่า ไม่มีทางออกอื่นใด
นอกจากการเร่งปฏิบัติธรรม
การขาดสติและยึดติดด้วยความเผลอนั้นไม่ผิดอะไรกับการกู้หนี้ยืมสิน ยิ่งเผลอ
มาก ยิ่งกู้มาก ดอกเบี้ยก็ยิ่งทบ ใช้กันแทบไม่หวาดไม่ไหว ดูอย่างกรณีตัวอย่าง
เรื่องการฟังเพลงแบบเผลอๆซิครับ ยึดจุดเดียว เป็นช่องให้ทุกข์ มีโอกาส
เข้ามาได้สารพัดทาง คุ้มค่าจนน่าขนลุก
และพิจารณาดีๆจะเห็นว่าชีวิตนั้น ไร้แก่นสารเอาทีเดียว ไม่มีทางถอย
ไม่มีทางรอด ถ้าไม่มีสติ รู้ไม่ทัน เผลอเมื่อใดก็ต้องอยาก เมื่ออยากได้อยาก
คลุก ก็ต้องเสีย อยากกู้หนี้เขา ก็ต้องจ่ายทั้งต้นทั้งดอก ใครจะบอกว่า งั้นฉัน
อยู่เฉยๆไม่ยึดก็เป็นที่เรื่องพูดได้ แต่ทำไม่ได้ เพราะตราบใดที่ยังมีความเขลา
อยู่ในจิต เผลอแป๊บเดียว รู้ตัวอีกครั้งก็ยึดอีกสารพัดอย่างแล้ว :-)
ชีวิตข้างนอกอาจยังพอกู้แล้วเบี้ยวเขาได้ แต่เรื่องภายในนี้ช่างเที่ยงตรงนัก
และไม่มีทางเบี้ยว มีแต่เพียงการปฏิบัติธรรมเท่านั้นที่จะช่วยให้เราเป็นอิสระ
จากวังวนเรื่องนี้ได้ครับ ไม่มีทางอื่น
และเมื่อไม่มีทางอื่น ก็ถึงเวลาสำหรับท่านที่ยังลังเล จะพิจารณาให้ละเอียด
แล้วตัดสินใจทำให้เต็มที่กันดีกว่าครับ
เอ .... เริ่มต้นด้วยการเสนออุบาย ไหงจบอย่างนี้ไปได้ครับนี่ :-)
ขอบคุณข้อมูลจาก :
http://www.larndham.net/wimutti/board/D00000007.html