1.พุทธะ คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
ผู้ใดเห็นทุกข์(สภาวะที่ทนได้อยาก มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นธรรมดา) ผู้นั้นเห็นธรรม
ผู้ใดธรรม ผู้นั้นเห็นเรา (ตถาคต)
1.ท่านใช้วิธีใดตรวจสอบว่าพระพุทธเจ้าที่ท่านเห็นนั้นจริง หรือมารปลอมตัวมา
ก่อนอื่นเราต้องรู้จักพระพุทธเจ้าที่แท้จริงก่อน
มีคำถามว่า พระพุทธเจ้าประสูตร เจ้าชายสิทธัตถะอายุได้เท่าไร?
บางคนอาจจะงง ว่าเป็นคนๆเดียวกันนี้น่า ตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติใหม่ๆเรายังไม่เรียกพระองค์ว่าพระพุทธเจ้า ตอนนั้นพระองค์ยังเป็นโพธิสัตว์อยู่ จนกระทั้งพระองค์ทรงตรัสรู้ ในธรรมอริยสัจจ์ ๔ ตอนพระชนมายุ ๓๕ เราจึงได้เรียกพระองค์ว่าพระพุทธเจ้า เพราะฉนั้น รูปร่างหน้าตาของพระพุทธเจ้า จริงๆ ก็คือ ธรรม อริยสัจจ์ ๔ นั้นเอง
พระพุทธเจ้าทรงตรัสกับพระวักลิที่หลงไหลในรูปเนื้อของพระองค์ว่าพระวักกลิติดตามดูพระศาสดาตลอดเวลา เว้นเวลาฉันอาหารเท่านั้น พระศาสดาทรงรอคอยความแก่กล้าแห่งญาณของเธอ จึงไม่ตรัสอะไร ครั้นทราบว่าญาณของเธอแก่กล้าแล้ว จึงได้ตรัสแก่เธอว่า วักกลิ จะมีประโยชน์อะไรกับการดูร่างกายที่เปื่อยเน่า ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นย่อมเห็นเรา ผู้ใดเห็นเราผู้นั้นย่อมเห็นธรรม ดูก่อนวักกลิ บุคคลผู้เห็นธรรมชื่อว่าเห็นเรา บุคคลผู้เห็นเราชื่อว่า ย่อมเห็นธรรม
เพราะฉนั้น ผู้ใดก็ตามหากปฏิบัติธรรม เห็นอริยสัจจ์ ๔ รู้ทุกข์ รู้เหตุแห่งทุกข์ สามารถดับทุกข์ได้ รู้วิธีที่ทำให้ทุกข์ดับ(วิธีทำให้มรรคเกิด) อย่างแจ่มแจ้งแล้วผูนั้นชื่อว่าอยู่ใกล้พระองค์ ได้เห็นพระองค์
ไม่ได้หมายความว่าเห็นรูปร่างหน้าตาของพระองค์ว่าหน้าตาอย่างนี้ จมูกแบบนี้ คิ้ว คาง แบบนี้ คือพระพุทธเจ้า ถ้าหากถือเอารูปร่างหน้าตา
อาจมีการปลอมกันได้ เหมือนพระเครื่องที่ขายกันตามตลาด
2.2.ท่านฝึกสมาธิโดยใช้กรรมฐานกองใด
สะติ เตสัง นิวาระนัง สติเป็นเครื่องกั้นกระแส (ความชั่วทั้งหลาย)
สติปัฏฐาน 4 เป็นหลักธรรมที่อยู่ในมหาสติปัฏฐานสูตร
เป็นข้อปฏิบัติเพื่อรู้แจ้ง คือเข้าใจตามเป็นจริงของสิ่งทั้งปวงโดยไม่ถูกกิเลสครอบงำ
สติปัฏฐานมี 4 คือ มีสติรู้เท่าทันตามความเป็นจริงทางกาย ทางเวทนา ทางจิต และ ทางธรรม