KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4ภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 คืออะไร สำคัญอย่างไรอาหารของสติปัฏฐาน4
หน้า: [1]
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: อาหารของสติปัฏฐาน4  (อ่าน 9828 ครั้ง)
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2009, 02:37:47 PM »

ข้อความจากคำบรรยายบางตอนของท่านอาจารย์ค่ะ

          สำหรับท่านที่เห็นประโยชน์ของสติ  และรู้ว่าสติที่เจริญสมบูรณ์ถึงขั้น

คือ ขั้นสติปัฏฐานสามารถที่จะทำให้รู้แจ้งอริยสัจธรรม         ดับกิเลสได้เป็น

สมุจเฉท แต่ก็ไม่ใช่ว่าสติปัฏฐานจะเกิดได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นก็ควรที่จะ

ได้เข้าใจว่า อะไรเป็นอาหารของสติ เพราะทุกอย่างที่จะเจริญขึ้น  ก็จะต้องมี

อาหาร

           ข้อความในอังคุตตรนิกาย ปฐมปัณณาสก์ อวิชชาสูตร ข้อความบางตอน มีว่า

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าววิชชาและวิมุตติว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร

        ก็อะไรเป็นอาหารของวิชชาและวิมุตติ ควรกล่าวว่า โพชฌงค์ ๗   แม้

โพชฌงค์ ๗   เราก็กล่าวว่ามีอาหาร   มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร    ก็อะไรเป็น

อาหารของโพชฌงค์ ๗  ควรกล่าวว่า สติปัฏฐาน ๔  แม้สติปัฏฐาน ๔  เราก็

กล่าวว่ามีอาหาร  มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร  ก็อะไรเป็นอาหารของสติปัฏฐาน

๔   ควรกล่าวว่า  สุจริต ๓ (เพื่อที่จะไม่ให้ขาดสติ และประพฤติทุจริต เพราะ

ถ้ากิเลสยังมีกำลังแรง    เป็นผู้ที่กระทำทุจริตอยู่เสมอ     และหวังที่จะให้สติ

ปัฏฐานเกิด  ก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะสติ     ปัฏฐานเป็นสติขั้นที่สูงกว่า สติ

ทั่วๆไป) แม้สุจริต ๓  เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร  ก็อะไร

เป็นอาหารของสุจริต ๓      ควรกล่าวว่า  การสำรวมอินทรีย์   แม้การสำรวม

อินทรีย์  เราก็กล่าวว่ามีอาหาร   มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร   ก็อะไรเป็นอาหาร

ของการสำรวมอินทรีย์  ควรกล่าวว่า  สติสัมปชัญญะ แม้สติสัมปชัญญะเราก็

กล่าวว่ามีอาหาร       มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร      ก็อะไรเป็นอาหารของสติ

สัมปชัญญะ ควรกล่าวว่า การทำไว้ในใจโดยแยบคาย แม้การทำไว้ในใจโดย

แยบคาย  เราก็กล่าวว่ามีอาหาร  มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร  ก็อะไรเป็นอาหาร

ของการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย   ควรกล่าวว่าศรัทธา    แม้ศรัทธาเราก็

กล่าวว่ามีอาหาร    มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร    ก็อะไรเป็นอาหารของศรัทธา

ควรกล่าวว่า  การฟังสัทธรรม  แม้การฟังสัทธรรม เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้

กล่าวว่าไม่มีอาหาร  ก็อะไรเป็นอาหารของการฟังสัทธรรม  ควรกล่าวว่าการ

คบ    สัปบุรุษ

      ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการดังนี้ การคบสัปบุรุษที่บริบูรณ์ย่อมยังการ

ฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์   การฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์  ย่อมยังศรัทธาให้บริบูรณ์

ศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมยังการทำไว้ในใจโดยแยบคายให้บริบูรณ์ การทำไว้ใน

ใจโดยแยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมยังสติสัมปชัญญะให้บริบูรณ์ สติสัมปชัญญะที่

บริบูรณ์   ย่อมยังการสำรวมอินทรีย์ให้บริบูรณ์   การสำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์

ย่อมยังสุจริต ๓ ให้บริบูรณ์      สุจริต ๓ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังสติปัฏฐาน ๔  ให้

บริบูรณ์  สติปัฏฐาน ๔  ที่บริบูรณ์ย่อมยังโพชฌงค์ ๗ ให้บริบูรณ์  โพชฌงค์

๗  ที่บริบูรณ์  ย่อมยังวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์   วิชชาและวิมุตตินี้มีอาหาร

อย่างนี้ และบริบูรณ์อย่างนี้ ฯ

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.dhammahome.com/
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
หน้า: [1]
พิมพ์
กระโดดไป: