KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับธรรมมะกับมนุษย์ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน ธรรมมะจากพระสงฆ์ สุปฏิปันโน เป็นข้อคิด และแนวทาง เพื่อเป็นแรงใจในการปฏิบัติภาวนาธรรมะที่ถ่ายทอด โดย พระอาจารย์หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท
หน้า: [1]
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมะที่ถ่ายทอด โดย พระอาจารย์หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท  (อ่าน 8891 ครั้ง)
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« เมื่อ: มิถุนายน 28, 2015, 08:45:43 AM »

หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท คว่ำวัฏจักร วัฏจิต
ตอนย่างเข้าสู่ต้นปี ๒๔๙๒ ออกไปภาวนาตามป่าเขา จิตเกิดความอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง
เมื่อจิตเกิดความมหัศจรรย์อย่างนั้น จิตหมุนเพื่อการกำจัดไปโดยถ่ายเดียว
เหมือนหมอยาที่มีปัญญาเดินทางเข้าไปในป่า นำรากไม้กิ่งไม้มาเป็นยาได้ทุกชนิดฉะนั้น
โดยขณะที่ท่านเข้าป่าดงไปภาวนานั้น เกิดป่วยเป็นไข้มาลาเรียอยู่ในป่าโดยลำพัง
เข้าไปอยู่ในดงมาลาเรีย เชิงเขาบายศรี อำเภอท่าใหม่ บ้านยางระหง อันเป็นป่าทึบ
ภายหลังออกจากป่าก็ภาวนาสู้ไม่หยุดถอย
ในการพิจารณาระยะนี้...ท่านได้ตัดภพหักกงล้อแห่งวัฏสงสารจนสิ้น
ท่านเล่าถึง เพลงที่แม่หญิงเหนือเคยร้องว่า
“ทุกข์อยู่ในขันธ์ห้า รองลงมาขันธ์สี่ ทุกข์อยู่ในโลกนี้ ลงอยู่ข้อยผู้เดียวนั้น”
ที่เคยได้ยินขณะภาวนาอยู่จังหวัดเชียงใหม่ได้กลายมาเป็นสิ่งที่มีความหมายเสียแล้ว
คำว่า “ทุกข์อยู่ในขันธ์ห้ากลายเป็นสุขอยู่ในขันธ์ห้า”
ถึงแม้ขันธ์นี้จะเป็นของหนัก แต่ก็หนักตามหลักธรรมชาติ
ไม่เหมือนกิเลสหนักที่ระคนปนด้วยขันธ์
คำว่า “ทุกข์อยู่ในโลกนี้ ลงข้อยผู้เดียวนั้น
กลับกลายมาเป็นสุข อยู่ในโลกนี้ ลง ข้อยอยู่ผู้เดียว”
ถึงกับอุทานภายในใจว่า อโห วต อจฺฉริยํ...โอ!...อัศจรรย์หนอๆ
เห็นแล้วที่นี่ ธรรมที่เราเสาะแสวงหา
เป็นอุทานธรรมที่เกิดขึ้นในขณะนั้นอย่างถึงใจ
ประจักษ์ใจในคำว่า “พุทธสาวก”
เมื่อวัฏสงสารถูกตัดขาดลงเช่นนั้น
ท่านลุกขึ้นกราบพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ที่ถึงใจอยู่แล้วด้วยความถึงใจอีก
พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ
ตลอดจนข้อปฏิบัติอรรถธรรม เป็นความถึงใจอย่างที่สุด
บุญคุณข้าวน้ำ ที่บิดามารดา ตลอดจนสาธุชนทั้งหลายชุบเลี้ยงมา
เป็นความหมายแห่งมหาคุณโดยแท้จริง ธรรมปิติผุดขึ้นอิ่มเอิบสุดจะประมาณได้
ระลึกถึงบุญคุณคำสอนของท่านพระอาจารย์มั่น
ที่เป็นผู้เลี้ยงดูเรามาเป็นเวลานานด้วยอรรถ ด้วยธรรม
ถ้าไม่มีท่านพระอาจารย์มั่นเพียงองค์เดียว การปฏิบัติของเราคงไม่มีในวันนี้
ท่านเป็นผู้รู้จริงทุกสิ่งอย่าง บุญคุณของท่านนี้เทิดทูนตลอดอนันตกาล
คำว่า “พุทธสาวก” ประจักษ์จิตอย่างแท้จริง
เปรียบด้วย “เรือแห่งชีวิต”
หลวงปู่เจี๊ยะกล่าวให้แง่คิดในธรรมไว้ว่า
“เรือแห่งชีวิตที่เราเคยขี่มานาน
ด้วยอำนาจแห่งกิเลส กรรม วิบาก อันเป็นประดุจลูกคลื่นนั้น
เมื่อถึงชายฝั่งแล้ว เราก็ทิ้งเรือไม่แบกเรือขึ้นฝั่งไปด้วย”
เรือคืออะไร ก็คือศีล คือธรรมทั้งหลาย ที่ปฏิบัติมา เป็นประดุจลำเรือ
อาศัยปัญญาเป็นเครื่องนำทาง อาศัยพระพุทธเจ้าเป็นเครื่องส่องทิศ
อาศัยครูบาอาจารย์เพื่อเดินสู่จุดหมาย มีพระธรรมวินัยเป็นแผนที่ มีพระสงฆ์เป็นลูกเรือ
เมื่อถึงฝั่งอย่างที่เราต้องการแล้ว ย่อมทิ้งเรือต่างๆ ไว้เบื้องหลัง เป็นเอกจิต เอกธรรมชั่วนิรันดร



ขอบพระคุณข้อมูลจาก http://www.dhammajak.net
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 28, 2015, 08:46:26 AM »

พระอาจารย์บัว ญาณสัมปันโน ได้เมตตาเล่าให้ญาติโยมฟัง
เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๓๕ ที่สวนแสงธรรม ความดังนี้
ท่านเป็นพระดีนะอาจารย์เจี๊ยะ
พูดเรื่องภายในเป็นผ้าขี้ริ้วห่อทอง
คือ...กิริยาภายนอกท่านไม่น่าดูนะ กิริยาท่านข้างนอก บ๊งเบ๊งๆ
อะไรรู้สึกว่ามันไปอีกแบบหนึ่ง ยิ่งกว่าหลวงตาบัวเข้าไปอีก (หัวเราะ)
แม้แต่หลวงปู่มั่นก็ยังเถียงกันตาดำตาแดง
ตอนปี ๒๕๐๕ ท่าน (พระอาจารย์เจี๊ยะ) ไปจำพรรษากับเราที่ วัดป่าบ้านตาด
นั่นล่ะ เราจะเริ่มปลูกกุฏิหลังนั้นล่ะนะ
พวกโยมเขาก็ไปขุดดิน เกลี่ยดินที่จะปลูกฐาน
ทีนี้ท่านก็ไปทำอะไร เขาเรียก “คราด” อะไรสำหรับกวาดดินนั่นแหละ
ทีนี้ท่านทำไม่รู้จักเวลาล่ะสิ กำลังจะมืดแล้วนี่นา
เราเดินจงกรมอยู่ ก็เงียบ เป็นเวลาที่พระท่านเดินจงกรม
เสียงปังๆ ขึ้นเลยกลางวัดนี่
เอ๊ะ! มันเสียงใครมาทำอย่างนี้นะ
เราก็เดินไปเลยแหละ เดินไปท่านอาจารย์เจี๊ยะ
ท่านทำคราดนั้นนะ สำหรับกวาดดินกุฏิเรา ท่านไปทำเอาเวลาไม่ควรล่ะสิ
เสียงดังเปรี้ยงๆ ขึ้น ท่ามกลางวัดเงียบๆ นะ
เราก็เดินจากทางจงกรมแล้วไปเลย ไปก็ไปเห็นท่านกำลังทำอยู่
เราก็ยืนเลย เอากันทีเดียว
“ท่านอาจารย์เจี๊ยะ” ว่าอย่างนี้เลยนะ
“ถ้าหากว่าท่านอาจารย์ไม่เคยอยู่กับพ่อแม่ครูอาจารย์มาแล้ว
ผมก็จะว่าให้ท่านนะ นี่ท่านเคยอยู่กับพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นมาแล้ว
ท่านสอนยังไง กิริยายังไร ทำไมท่านถึงมาทำอย่างนี้”
พอว่าแล้วก็เดินกลับเลย
พอตื่นเช้าขึ้นมาท่านอาจารย์เจี๊ยะไปรออยู่ที่บนศาลา
ท่านไปนั่งรอตรงที่เรานั่ง พอเรานั่งกราบไหว้พระเสร็จแล้ว
เราก็มานั่งพัก ท่านปั๊บเข้ามาเลย มาจับขาเราดึงออกไปนะ
เราก็พูดว่า “ดึงออกไปทำไมขาวะ”
อาจารย์เจี๊ยะท่านก็ว่า “โอ๊ย! ผมขอกราบซักหน่อยเถอะ”
พอกราบแล้วน้ำตาร่วงต่อหน้าเรานะ
“แหม! ท่านอาจารย์พูดทำไมถึงถูกต้อง
ศัพท์เสียงอะไร ลักษณะเหมือนกับท่านอาจารย์มั่น” ขึ้นถึงศัพท์ถึงเสียงเลยนะ
“ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกันหมดเลย อู้ย! ผมกราบไหว้เลย
เมื่อคืนนี้ผม (ท่านอาจารย์เจี๊ยะ) สลดสังเวช ผมนี้ผิดจริงๆ”
นั่นเห็นมั้ย ท่านว่าอย่างนั้นนะ เพราะเราก็อ้างว่า
“ถ้าท่านไม่อยู่กับท่านอาจารย์มั่นมา ผมก็จะว่าจะสอนท่าน
นี่ท่านอยู่มาแล้วนี่ จะให้ผมสอนท่านว่ายังไง” นี่ล่ะท่านทิ้งปั๊วะเลยนะ
เพราะฉะนั้นตอนเช้าถึงมารอกราบ
แล้วลากเท้าเราไปเลยนะ ไปกราบกับฝ่าเท้าเลย
“ผมขอกราบท่านสนิทใจเลยๆ” ทั้งกราบทั้งน้ำตาร่วงเลย
ท่านว่า “ผมยอมท่านอาจารย์ ดูลักษณะท่าทางไม่ผิดท่านอาจารย์มั่น
ผมจับได้หมดเลย ผมเคารพสุดยอด”
ฉะนั้นจึงกราบแล้วก็น้ำตาร่วง
ท่านถึงได้บอกว่า “พระนี่ผมกลัวอยู่สององค์เท่านั้น
ท่านอาจารย์ใหญ่กับท่านอาจารย์มั่น นอกนั้นผมไม่กลัวใคร”
ว่าอย่างนี้วะ พูดตรงๆ อย่างนี้
ท่านมีนิสัยทำอะไรละเอียดลออมาก
เราถึงได้บอกว่า “ผ้าขี้ริ้วห่อทอง”
ภายนอกท่านกิริยาโผงผางๆ แต่ภายในท่านละเอียดลออ
ทุกสิ่งทุกอย่างละเอียดหมดนะ
หลักธรรม หลักวินัยไม่เคลื่อนคลาดเลย เนี่ย ที่เราชมท่านนะ
หลักธรรมหลักวินัยไม่เคลื่อนคลาดสะอาดมากทีเดียว อยู่กันมานาน



ขอบพระคุณข้อมูลจาก : www.dhammajak.net
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: มิถุนายน 28, 2015, 08:50:01 AM »

ออกวิเวกตามหาพระอาจารย์ขาว อนาลโย
ช่วงพรรษาที่ ๗-๑๐ (พ.ศ. ๒๔๘๖-พ.ศ. ๒๔๘๙)
หลังจากได้อยู่ร่วมกับท่านพระอาจารย์มั่นเป็นเวลา ๓ ปี ๔ แล้งแล้ว
ผ่านฤดูแล้งปี ๘๖ ท่านพระอาจารย์มั่น ท่านปรารภจะไปจำพรรษาที่เสนาสนะป่าบ้านนามน
หลวงปู่เจี๊ยะท่านเห็นว่า ท่านพระอาจารย์มีลูกศิษย์ลูกหามากขึ้นแล้ว
อาจารย์มหาบัวซึ่งมาฝากตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์มั่นก็เป็นที่ตายใจ ท่านเก่งฉลาด
เป็นที่ตายใจในเรื่องเกี่ยวกับท่านพระอาจารย์ได้เป็นอย่างดีเยี่ยม
ในขณะนั้นพระเณรที่ติดตามและลูกศิษย์ของท่านพระอาจารย์มั่นมีมากขึ้นโดยลำดับ
ชื่อเสียงเรื่องคุณธรรมของท่านเป็นที่เลื่องลือขจรไปทั่วทุกทิศ
หลวงปู่เจี๊ยะจึงเข้าไปกราบลาท่านและปลีกตัวอยู่องค์เดียวเร่งความเพียร
โดยพยายามสืบเสาะหาว่า ท่านอาจารย์ขาว อนาลโย อยู่ที่ไหน
เพราะท่านเป็นพระที่ท่านพระอาจารย์มั่นรับรองว่า เป็นพระถึงที่สุดแห่งธรรมแล้ว
ได้ทำไว้ในใจว่า ถ้าทราบข่าวว่า
ท่านอาจารย์ขาวอยู่ที่ไหน ก็จะดั้นด้นเข้าไปกราบให้จงได้
เมื่อท่านออกจากท่านพระอาจารย์มั่นแล้วก็เพียรค้นหาพระอาจารย์ขาว อนาลโย จนเจอ
แล้วก็มาได้ศึกษาคุยสนทนาธรรมกับท่านในเรื่องการปฏิบัติได้ถามเรื่องต่างๆ นานา
เพราะพระอาจารย์ขาวท่านเป็นผู้เฒ่าผู้แก่มีความชำนิชำนาญ
หลวงปู่เจี๊ยะท่านว่า สมัยท่านยังเป็นเด็กอยู่ก็ต้องศึกษากับครูบาอาจารย์
สิ่งใดผิด สิ่งใดถูก แล้วก็ได้เป็นประโยชน์ เพราะฉะนั้นการค้นคว้าจึงเป็นหลักสำคัญมาก
ค้นลงไป ค้นให้มาก ค้นเข้าไปพิจารณาไปเพื่อให้เห็นความจริง
ศึกษาธรรมกับพระอาจารย์ขาว อนาลโย
หลวงปู่เจี๊ยะท่านว่า
ทุกครั้งที่ได้พบพระอาจารย์ขาวกี่ครั้งๆ ท่านก็ถามว่า
“เจี๊ยะเป็นไงเอ๊ย ค้นบ่ ค้นบ่?” ท่านถามบ่อยๆ
“ค้นครับ” เราก็ตอบท่านอย่างนั้น
“เออ! เอาอย่างนั้นสิ” ท่านพูดให้กำลังใจว่าที่ทำนั้นถูกต้องไม่ผิด
ตอนหลังๆ เมื่อเจอะคุยกันกับท่าน ท่านก็ถามอย่างเดิม
หลวงปู่เจี๊ยะก็ตอบท่านอย่างเดิมว่า
“ค้นครับครูบาจารย์ ค้นครับ ค้นแยะ”
“เอ้อ!...อย่างนั้นสิ มันถึงจะดี” ท่านว่าอย่างนั้น



ขอบพระคุณข้อมูลจาก : www.dhammajak.net
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
หน้า: [1]
พิมพ์
กระโดดไป: