KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับธรรมมะกับมนุษย์ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน ธรรมมะจากพระสงฆ์ สุปฏิปันโน เป็นข้อคิด และแนวทาง เพื่อเป็นแรงใจในการปฏิบัติภาวนาธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู
หน้า: 1 [2]
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู  (อ่าน 33619 ครั้ง)
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #15 เมื่อ: มีนาคม 23, 2015, 09:35:47 PM »

ในช่วงแรกของการมาพักบำเพ็ญภาวนา
ที่ "ถ้ำกลองเพล" หลวงปู่บอกว่า
ต้องอาศัยหญ้าคาเป็นที่รองนั่ง
ใช้ขอนไม้แทนหมอน
เอาบั้งทิง (ลำไม้ไผ่ทะลุข้อระหว่างปล้องออก)
ใช้แทนกระป๋องตักน้ำ
กุฏิวิหารก็อาศัยร่มไม้บ้าง ผาหินหรือถ้ำหินต่างๆ บ้าง
สำหรับภัตตาหาร ก็อาศัยตามแต่ชาวบ้าน
ศรัทธาเขาจะหาได้ มีน้ำพริกปลาร้ากับยอดผัก
เป็นอาหารหลักอาหารทิพย์เลยทีเดียว
ฉันแล้วไม่อืดท้อง ไม่ง่วงเหงาหาวนอน
นอนน้อยแต่ทำความเพียรมาก
หลวงปู่ท่านบอกว่า "รวยลาภ" ก็คือ
ธัมมะจักขุง อุทะปาทิ
ดวงตาแจ่มใส
ฌานัง อุทะปาทิ
รวยฌาน รวยสมาบัติ สมาธิภาวนา
ปัญญา อุทะปาทิ
รวยความกล้า ดวงปัญญา
ฆ่ากิเลสให้ตาย คลายกิเลสของเน่า
ให้หลุดพ้นถึงวิมุตติ พระนิพพาน
อาโลโก อุทะปาทิ
พระอาทิตย์ส่องแสงในกลางวัน
พระจันทร์ส่องแสงในราตรี
ส่วนดวงธรรมส่องแสงสว่างไสวทั่วโลก

จาก หนังสือหลวงปู่ขาว อนาลโย
โครงการหนังสือบูรพาจารย์ เล่ม ๔ หน้า ๓๑๐-๓๑๒
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #16 เมื่อ: มีนาคม 23, 2015, 09:36:09 PM »

ความโลภเป็นเหตุให้คนทำกรรมชั่ว
ครั้นตายแล้วก็เป็นเหตุแห่งการตกนรก
พอพ้นนรกมาแล้วก็มาเป็นเปรต
เฝ้าทรัพย์สมบัติอันหวงแหนของตน
ที่เก็บเอาไว้ ฝังเอาไว้ เช่น
เปรตงูเหลือมนอนขดเฝ้าสมบัติมิได้ไปไหนมาไหน
ความโกรธทำให้คนเสียคน กลายเป็นคนชั่ว
เช่น ไปฆ่าคนเพื่อเอาทรพย์สมบัติ
เพื่อผ่อนคลายโทสะของตน
เผาบ้านเผาช่องบุคคลอื่น
บางคนทำบุญทำทานกันใหญ่โตมโหฬาร
แต่เสียเพราะความโกรธ ความมีโทสะ
ความโกรธไหม้กุศลผลบุญจนหมดสิ้น
เมื่อหมดบุญหมดกุศล บาปก็พลอยทวีคูณขึ้น
ผลทานก็หนี ผลศีลก็ไม่มี
ผลภาวนาก็หนีเข้าป่าไปหมด
ตายแล้วก็ไปเกิดเป็นเปรต แต่ไม่ใช่เปรตงูเหลือม
แต่กลายเป็นเปรตเสือเพราะความโกรธ
ตัวเป็นคน ปากมีหนวดเหมือนเสือ
ตีนมือเป็นเสือ เหมือนเสือจริงๆ
หลวงปู่เคยถามเขาว่า
"ทำไมหรือคุณโยมจึงมาเป็นเสือ
ทำบุญจนจะหมดตัวอยู่แล้ว?"
เปรตเสือ ตอบว่า
"ดิฉันโกรธมาก เมื่อความโกรธมันขึ้นมาอยู่ที่หน้าตา
ดิฉันมองไม่เห็นใครเลย ด่าพระด่าเจ้า
ด่าข้าทาสบริวาร ด่าลูกด่าหลาน ด่าผัวด่าลูก ด่าเชื้อด่าชาติ
ของที่เราเคารพนับถือมีคุณค่าแต่เก่าก่อนยกขึ้นมาด่าจนหมดสิ้น
เป็นเพราะความโกรธตัวเดียวทำให้ดิฉันหมดความดี
คือ อริยทรัพย์ ตายแล้วจึงเกิดมาเป็นเสือ
เสวยทุกขเวทนาเป็นเปรตเสืออยู่อย่างนี้แหละ"
เปรตแม่เสือกับเปรตงูเหลือมมันต่างกัน
คือ เปรตงูเหลือมมีทรัพย์เฝ้า ยังมีความสุข
และยินดีในทรัพย์สมบัติ แต่เปรตเสือไม่มีอะไรจะเฝ้า
เพราะความโกรธเผาหมด เผาทั้งหัวใจเปรตให้ร้อนดังไฟสุม

จาก หนังสือหลวงปู่ขาว อนาลโย
โครงการหนังสือบูรพาจารย์ เล่ม ๔ หน้า ๓๓๕-๓๓๖
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #17 เมื่อ: มีนาคม 29, 2015, 01:10:15 PM »

กระต่ายน้อยร่วมเดินจงกรม

หลวงปู่ขาว อนาลโย ได้เล่าเรื่องที่ท่านบำเพ็ญเพียรอยู่ที่บ้านปู่พระยา ดอยมูเซอร์ ว่า วันหนึ่ง
หลวงปู่ลงไปเดินจงกรมในเวลาพลบค่ำ ไม่ได้จุดโคมไฟแต่อย่างใด พอเดินไปสักครู่
ก็รู้สึกว่ามีสัตว์อะไรอย่างหนึ่ง มากระทบเข้ากับเท้าของท่าน ท่านไม่ได้ให้ความสนใจ ยังเดินจงกรมตามปกติ
ต่อมาอีกประเดี๋ยว สัตว์นั้นก็มากระทบเท้าของท่านอีก ท่านก็บอกด้วยความเมตตาว่า
“ระวังหนา ระวังหนา เดี๋ยวเรามองไม่เห็น เราจะเหยียบเจ้าหนา จะหาว่าเราไม่เตือน”
เมื่อสัตว์นั้นมากระทบเท้าท่านหลายครั้งเข้า จึงเอะใจว่า “เอ๊ะ ! มันอะไรกันแน่นะ”
หลวงปู่จึงเดินไปจุดโคมไฟขึ้น จึงเห็นเป็นเจ้าเชี่ยงเมี่ยง (กระต่ายน้อย)

หลวงปู่ถามด้วยความเมตตาว่า
“เจ้ามาเดินจงกรมกับเราหรือ”
ดูท่าทางมันน่ารักน่าเอ็นดู แสดงอาการตอบรับด้วยการยกเท้าหน้าทั้งสองขึ้น คล้ายกับประนมมือไหว้
หูทั้งสองข้างลู่ไปตามลำตัวอย่างน่าสงสาร มันไม่กลัวหลวงปู่เลย
หลวงปู่พูดกับเจ้าเชียงเมี่ยงน้อยว่า

“เจ้านี่ก็ดูดีกว่ามนุษย์บางคนอีกหนอ มาหัดเดินจงกรมกับเรา มนุษย์เขาว่าใจสูง เขาว่าเขาเก่งแล้ว
แต่เขาก็สู้เจ้าไม่ได้ เพราะบางคนเดินเป็น แต่เดินจงกรมภาวนาไม่เป็น”
หลังจากฟังหลวงปู่พูดแล้ว กระต่ายน้อยก็กระโดดออกจากทางเดินจงกรม ไปเล็มหญ้าหากินตามประสาของมัน
คืนต่อๆ มา เจ้ากระต่ายน้อยก็กระโดดออกจากทางเดินจงกรม กับหลวงปู่เป็นประจำ ดูมันมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้กับหลวงปู่

สมณานัญจะ ทัสสะนัง การได้เห็นสมณผู้สงบ ผู้สะอาด ผู้มีศีลอันบริสุทธิ์
ผู้ทรงไว้ด้วยเมตตาธรรม นับเป็นมงคลอย่างยิ่ง เอตัมมัง คะละมุตตะมังฯ
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=2872
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #18 เมื่อ: มีนาคม 29, 2015, 01:13:19 PM »

บทเพลงลูกสาวพญานาค

การจำพรรษาของหลวงปู่ขาว อนาลโย ที่ภูถ้ำค้อนั้น ท่านว่าได้ข้อธรรมอย่างมากเลยทีเดียว
การพิจารณาค้นคว้าธรรมไม่ติดข้อง มีความรู้แปลกๆ หลายอย่าง รู้ทั้งเรื่องของโลกและรู้ทั้งเรื่องของโลกทิพย์
หลวงปู่เล่าว่า คืนหนึ่งท่านเข้าที่บำเพ็ญภาวนา จิตสงบ ปรากฎว่าตัวของท่านได้ลงไปถึงชั้นบาดาล
หลวงปู่ถามว่า “เมืองอะไร ?”
มีเสียงพูดขึ้นว่า “นี่คือบาดาลพิภพ เมืองนาค”

หลวงปู่บอกว่า ขณะนั้นเห็นตัวท่านเองยืนอยู่บนก้อนหินอยู่กลางน้ำ น้ำในเมืองบาดาลไม่เหมือนกับน้ำในเมืองมนุษย์
กล่าวคือน้ำในเมืองบาดาลน้ำจะไหลผ่านกัน เช่นสายหนึ่งไหลไปทางทิศเหนือ อีกสายหนึ่งจะไหลไปทางทิศใต้สลับกัน
สายหนึ่งไหลไปทางตะวันออก อีกสายก็ไหลไปทางตะวันตก บางแห่งจะไหลเวียนขวากับเวียนซ้าย น่าแปลกประหลาดมาก
หลวงปู่เห็นก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง มีลักษณะสวยงามมาก มีสาวงามซึ่งเป็นลูกของพญานาคยืนนิ่งอยู่
เธอสวยงามมาก หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ดูราวกับนางฟ้าเทพธิดา แต่งตัวด้วยเครื่องทรงที่งดงามเหมือนในภาพที่วาดกัน

สาวน้อยหันหน้ามาทางหลวงปู่ เธอประนมมือและแสดงความคารวะ
แล้วทำการร่ายรำพร้อมกับขับร้องเป็นเพลงว่า “อะหัง นะเม นะเม นะวะชาตินะวะ” หลวงปู่จำเนื้อเพลงได้ดี
ลูกศิษย์เคยกราบเรียนถามหลวงปู่ว่า เพลงของลูกสาวพญานาคมีความหมายว่าอย่างไร ท่านบอกว่าให้แปลเอาเอง
หลวงปู่เคยเล่าเรื่องนี้ถวายสมเด็จพระญาณสังวร (สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน)
สมเด็จฯ ท่านก็ไม่แปลให้ฟัง พระองค์ท่านอยากฟังหลวงปู่แปลมากกว่า จึงนิมนต์ให้หลวงปู่แปลให้ฟัง
หลวงปู่บอกว่า “ผมไม่ได้มหาเปรียญ ไม่ได้เรียนศึกษาจะแปลได้อย่างไร”

สมเด็จฯ ท่านว่า “หลวงปู่เรียนทางในไตรปิฎก ผมเรียนทางนอกทางตำรา”
หลวงปู่จึงยอมแปลให้ฟัง ท่านพูดว่า “พูดตามที่เป็นมา ไม่ใช่ตำราอะไรนะ อะหัง ก็แปลว่าเรา ชาติใหม่ของเราไม่มีอีกแล้ว มีชาติเดียวเท่านี้”
แล้วหลวงปู่ก็ยิ้มระรื่นตามนิสัยอารมณ์ดีของท่าน แล้วถามสมเด็จว่า “ผมแปลแบบบาลีโคก แบบนี้ถูกหรือไม่”
สมเด็จฯ ท่านตอบว่า “หลวงปู่แปลได้ถูกต้องแล้ว”

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=2872
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #19 เมื่อ: มีนาคม 20, 2016, 08:16:03 AM »

ลูกศิษย์ที่ได้ฟังต่างก็ตื่นเต้น และปลื่้มปิติไปตาม ๆ กัน เมื่ออยากรู้ว่าพระพุทธรูปองค์ใดในถ้ำกลองเพลกี่พรรษา
หลวงปู่ก็กรุณาชี้บอกว่าองค์นั้นเท่านี้พรรษานะ องค์นั้นเท่านั้นพรรษานะ
หลวงปู่อธิบายบอกชนิดที่มีความคุ้นเคยกับพระพุทธรูปแต่ละองค์เป็นอย่างมาก ศิษย์รุ่นเก่าๆ จะทราบเรื่องเป็นอย่างดี
เมื่อศิษย์รุ่นหลังถามว่าทำอย่างไรพวกเขาจะได้รู้ได้เห็นเรื่องที่หลวงปู่เล่ามาได้บ้าง หลวงปู่ท่านตอบว่า "ก็มานอนเหมือนคนตาย แล้วมันจะรู้ปราสาทวิมานอะไร อยากได้ อยากรู้ อยากเห็นต้องนั่งภาวนา จึงจะเห็นของพรรค์นี้ จะมาบอกเล่ากันทั้งหมดเดี๋ยวเขาจะหาว่าเราบ้า"
หลวงปู่ได้เมตตาสอนศิษย์่ต่อไปว่า

"ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวไว้ดี ถ้าอยากรู้อยากเห็นมันต้องทำเอาเอง พระธรรม ดวงธรรม
แสงสว่างทางแห่งความสุข วิมุตติ วิโมกข์ มันมีอยู่ในตัวเรา ขอจงลงมือทำ อย่ามัวแต่อยากเฉยๆ ไม่ประพฤติ ไม่ทำมันก็เหมือนคนตาบอดหลงทาง
พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ มีอยู่ทุกเมื่อ ใครกินผู้นั้นอิ่ม จะถามคนที่กินอาหารอิ่มว่ามันเป็นอย่างไร จะไปถามทำไม อาหารคือ ธรรมโอสถมีแล้ว เมื่อกิน คือลงมือปฏิบัติก็ไม่ต้่องถามดอก ถ้ามันถึงเมืองอ้อ เมืองพอ แล้วมันจะออกปากอุทานว่า ...อ๋อ!...เป็นอย่างนี้เอง!...
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #20 เมื่อ: มีนาคม 30, 2016, 09:53:22 PM »

เรื่องเดินนี่มันเรื่องหัดสติ จะใช้นึกพุทโธ
ไปพร้อมกันกับเท้าที่ก้าวไปก็ได้ ยังไงก็ได้
อย่าให้จิตมันออกไปเกี่ยวข้องกับอารมณ์ทั้งอดีตและอนาคต
ให้อยู่ที่จิตเท่านั้น อาตมากำหนดพุทโธๆ อยู่ที่จิต เท้าก็เดินไป
กำหนดอยู่ที่จิต ไม่ให้เกี่ยวข้องกับอารมณ์ใดๆ
ส่วนทางเดินจงกรม ก็ไม่เลือกทิศเลือกทาง ได้หมด
แล้วแต่มันจำเป็น ในที่เหมาะสม เดินไปเพื่อแก้ทุกข์เวทนา
ท่านอาจารย์มั่น ท่านว่าให้เดินตัดกระแสของโลก
จากทิศตะวันออกไปตะวันตก ท่านว่าตัดกระแสของสมุทัย
ให้ตัดกระแส แต่ถ้ามันจำเป็น มันยังไม่มีบ่อนที่เหมาะสม ก็ไม่เป็นไร
เดินมันไปอย่างนั้นเพื่อแก้ทุกขเวทนาดอก
.
หลวงปู่ขาว อนาลโย
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #21 เมื่อ: มิถุนายน 10, 2016, 08:19:29 PM »

หลวงปู่ขาว อนาลโย
หลวงปู่มั่น ได้เทศน์ในสมาธิขององค์หลวงปู่ขาวต่อไปว่า
"ท่านเอง (หลวงปู่ขาว) กำลังจะเป็นอาจารย์ของคนจำนวนมาก จึงควรทำกรุยหมายที่ถูกต้องดีงามไว้ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่กุลบุตรสุดท้ายภายหลัง ผู้ดำเนินตามจะไม่ผิดหวัง
ความเป็นอาจารย์คนนั้นสำคัญมาก จึงควรพิจารณาด้วยดี
อาจารย์ผิดเพียงคนเดียว อาจพาคนอื่นๆผิดไปด้วยจำนวนมากมาย"
"อาจารย์ทำถูกเพียงคนเดียว ก็สามารถนำผู้อื่นให้ถูกด้วยไม่มีประมาณเช่นเดียวกัน
ท่านควรพิจารณาเกี่ยวกับความเป็นอาจารย์ของคนจำนวนมากให้รอบคอบ เพราะคนอื่นจะมีทางเดินโดยสะดวกราบรื่น
ไม่ผิดพลาดเพราะความยึดเราเป็นอาจารย์สั่งสอน"
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #22 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2017, 08:22:27 AM »



"พึ่งร่างกาย กายก็แตก พึ่งน้ำในกาย น้ำก็สลาย พึ่งไฟในกาย ไฟก็กระจาย
กายทั้งร่างมีแต่เรื่องแตกกระจาย แล้วจะพึ่งอะไร? พึ่งบ้าน บ้านก็จะพัง พึ่งสมบัติเงินทอง ก็ล้วนแต่สิ่งจะพังทลาย
ยังเพลินเมามัว มั่วสุมอยู่หรือ? มนุษย์เราตัวฉลาดแท้ๆ ไม่สมควรกับความเป็นดังที่กล่าวมา
ความดีมีอยู่ แสวงหาซิมนุษย์ทั้งหลาย ท่านหาความดีได้ ทำไมเราหาไม่ได้? เวลาไพล่ไปหาความเลวทรามต่ำช้า ทำไมหาได้?
สิ่งเหล่านั้นมันวิเศษวิโสอะไร? ถ้ามันพาคนให้วิเศษ มนุษย์พากันวิเศษเลิศโลกไปนานแล้ว
ไม่จมปลักดังที่เห็นกันอยู่นี้เลย จึงไม่ควรเพลิดเพลิน ไม่ควรมัวเมา ไม่เข้าเรื่องอยู่เปล่าๆ อะไรดี มีสาระ รีบแสวงหา"
หลวงปู่ขาว อนาลโย
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
หน้า: 1 [2]
พิมพ์
กระโดดไป: