KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับธรรมมะกับมนุษย์ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน ธรรมมะจากพระสงฆ์ สุปฏิปันโน เป็นข้อคิด และแนวทาง เพื่อเป็นแรงใจในการปฏิบัติภาวนาธรรมะที่ถ่ายทอดโดย พระราชวุฒาจารย์ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
หน้า: 1 2 [3] 4
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย พระราชวุฒาจารย์ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล  (อ่าน 78824 ครั้ง)
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #30 เมื่อ: สิงหาคม 29, 2014, 11:11:27 PM »



นักปฏิบัติต้องปฏิบัติอะไร?

คือปฏิบัติจิตนั้นเอง คือทำจิตให้สงบ
ทำจิตให้สว่าง ทำจิตให้บริสุทธิ์

จิตบริสุทธิ์ก็คือความสงบนั่นเอง

เบื้องต้นที่จะทำจิตให้สงบ ก็ไม่มีอะไรมากมาย คือภาวนา

การภาวนาก็ไม่เอาอะไรมากมายนัก
เอาพุทโธอย่างเดียวก็พอแล้ว

ก่อนที่จะภาวนา เราต้องตัดอารมณ์ข้างนอก ออกให้หมดเสียก่อน
คือไม่ส่งอารมณ์ออกไปนอก อารมณ์ที่ส่งไปนอกไปหาปรุง หาแต่ง
ไปหาก่อหาเกิดไม่มีที่สิ้นสุด จิตของเราไม่สงบ

เพราะฉะนั้นก่อนที่จะภาวนาเราต้องตัดอารมณ์ออกให้หมด
ไม่ต้องส่งจิตไปนอก หันมาดูจิตของเรา อยู่ในจิตของเรา
ตั้งสติอยู่ในจิต แล้วก็บริกรรม ให้จิตเป็นผู้บริกรรมเอง
ไม่เอาอะไรมากมาย พุทโธอย่างเดียวก็พอแล้ว
แต่ว่าให้จิตเป็นผู้บริกรรมเอง ให้จิตเป็นผู้ว่าเอง ไม่ต้องว่ากับปาก

วิธีนั่งบริกรรม นั่งขัดสมาธิก็ได้ นั่งพับเพียบก็ได้
เอาตีนขวาทับตีนซ้าย ตั้งกายให้ตรง แล้วก็หลับตา
แล้วก็ดูจิต คือผู้รู้นั้นเอง

จิตผู้รู้มีประจำอยู่แล้วในคนทุกคน
ไม่ต้องไปหาที่อื่น ตั้งจิตอยู่ในจิต
ตั้งสติอยู่ในจิต ให้จิตเป็นผู้บริกรรมเอง
ไม่เอาอะไรมากมาย เอาพุทโธอย่างเดียว
แล้วบริกรรมพุทโธ พุทโธ พุทโธไป
จนจิตของเรามันสงบ

ในการบริกรรมพุทโธ
ผู้บริกรรมพุทโธอยู่ตรงไหน
ตั้งสติอยู่ตรงนั้น ให้จิตเป็นผู้ว่าเอง
ไม่ต้องว่ากับปาก ตาของเราหลับ
แล้วให้จิตเป็นผู้ว่าเอง ตั้งสติอยู่ตรงนั้นบริกรรมเรื่อยไป

เวลามันสงบเราจะรู้เอง คือจิตมันรวม มันรวมวูบลง
แล้วก็จิตมีอารมณ์อันเดียว นั่นมันสงบแล้ว

แล้วถ้าจิตสงบแล้วเราไม่ต้องบริกรรมต่อไป จิตกำหนดอยู่เฉยๆ
หมายถึงว่า จิตหลุดจากคำบริกรรมไป นั่นจิตมันรวม จิตมันสงบ
แล้วเราก็ไม่ต้องหันมาบริกรรมอีก

ความสงบอยู่ไหนก็ตั้งสติอยู่นั้น
แล้วกำหนดดูอาการของสมาธินั้นเป็นอย่างไร
แล้วก็ต้องจำให้ชัดเจน

จิตของเราสงบแล้ว นี่ให้รู้จักว่าจิตของเราสงบแล้ว
กุศลธรรมทั้งหลายทั้งปวง ก็ไปรวมอยู่ที่จิตที่สงบนั้นเอง

ที่สูงสุดอยู่ตรงนี้ หาที่อื่นไม่พบ จิตที่สงบนั้นคือตัวบุญ
เราต้องจำให้ชัด เวลาเรารู้ เรารู้เอง
มันผุดขึ้นมาในจิตของเราให้รู้เฉพาะตน นั่นละตัวบุญที่แท้จริง

แล้วไปหาที่อื่นไม่พบหรอกบุญ ต้องหาจากจิตจากใจของเรา
ถ้าจิตของเราสงบ บุญเกิดขึ้นแล้ว ไม่ต้องไปหาที่อื่น หาที่อื่นก็ไม่พบ

บุญกับบาปก็ประจำอยู่แล้วทุกๆคนนั่นแหละ
แต่บุญคือความสุข บาปคือความทุกข์
ทำจิตของเราให้สงบแล้ว หมายความว่าเราทำบุญเกิดแล้ว

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 14, 2015, 07:53:28 PM โดย golfreeze » บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #31 เมื่อ: กันยายน 15, 2014, 07:01:24 PM »



"ถึงจิตไม่สงบก็ไม่ควรปล่อยให้ มันออกไปไกล ใช้สติระลึกไปแต่ในกายนี้
ดูให้เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อสุภสัญญา หาสาระแก่นสารไม่ได้ เมื่อจิตมองเห็นชัดแล้ว
จิตก็เกิดความสลดสังเวช เกิดนิพพิทา ความหน่าย คลายกําหนัด ย่อมตัดอุปาทานขันธ์ได้เช่นเดียวกัน"

...หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #32 เมื่อ: ตุลาคม 26, 2014, 08:49:26 AM »

"การไม่กังวล การไม่ยึดถือ
นั่นแหละวิหารธรรมของนักปฏิบัติ"
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #33 เมื่อ: มกราคม 07, 2015, 09:00:28 PM »

"การบริกรรม พุทโธ เปล่าๆ โดยไร้เจตจำนงไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย กลับเป็นเครื่องบั่นทอนความเพียร
ทำลายกำลังใจในการเจริญจิตในคราวต่อๆ ไป แต่ถ้าเจตจำนงมั่นคง
การเจริญจิตจะปรากฏผลทุกครั้งไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอนดังนั้น
ในการนึก พุทโธ การเพ่งเล็งสอดส่อง ถึงความชัดเจน และความไม่ขาดสายของพุทโธ
จะต้องเป็นไปด้วยความไม่ลดละเจตจำนงที่มีอยู่อย่างไม่ลดละนี้
เปรียบได้ว่า มีลักษณะการประหนึ่งบุรุษหนึ่งจดจ้องสายตาอยู่ที่คมดาบที่ข้าศึกเงื้อขึ้นสุดแขนพร้อมที่จะฟันลงมา
บุรุษผู้นั้นจดจ้องคอยทีอยู่ว่า ถ้าคมดาบนั้นฟาดฟันลงมา ตนจะหลบหนีประการใดจึงจะพ้นอันตราย
เจตจำนงต้องแน่วแน่เห็นปานนี้ จึงจะยังสมาธิให้บังเกิดได้ ไม่เช่นนั้นอย่าทำให้เสียเวลา และบั่นทอนความศรัทธาตนเองเลย"

...หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #34 เมื่อ: มีนาคม 27, 2015, 09:50:52 PM »

"หลวงปู่ดูลย์เคยสอนเราว่า

ธรรมะมันอยู่ตรงหน้าเรานี่แหล่ะ

เพียงแต่เราเข้าใจผิดเพียงนิดเดียวเอง

เราก็เลยหล่นลงไปสู่ความผิดพลาด

เข้าใจผิด

เมื่อเข้าใจผิดแล้ว ก็ผิดแล้วผิดเลย

ว่าต้องเป็นเช่นนั้น เช่นนี้ ไปย๊าวเหยียดเลย

ธรรมะแท้ๆมันอยู่ตรงหน้าเรานี่แหล่ะ

จะไปหามันทำไม

ทำจิตให้เป็นปัจจุบันนี่ล่ะ

ธรรมะแท้มันอยู่ตรงนี้"

หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล
วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร
อ.บัวเชต จ.สุรินทร์

บันทึกโดย เขมปัญโญคฤหัสถ์
(ธรรมประทับใจ เอามาแบ่งให้สดับขอรับ)
สาธุๆๆๆ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #35 เมื่อ: มีนาคม 30, 2015, 06:48:45 AM »

"หลักธรรมที่แท้จริงนั้นคือ จิต ให้กำหนดดูจิต ให้เข้าใจจิตตัวเองให้ลึกซึ้ง
เมื่อเข้าใจจิตตัวเองได้ลึกซึ้งแล้ว นั่นแหละได้แล้วซึ่ง หลักธรรม เวลาภาวนาอย่าส่งจิตออกนอก
ความรู้อะไรทั้งหลายทั้งปวงอย่าไปยึด ความรู้ที่เราเรียนจากตำรับตำรา หรือกับครูบาอาจารย์
อย่าเอามายุ่งเลย ให้ตัดอารมณ์ออกให้หมด แล้วเวลาภาวนาก็ให้มันรู้ รู้จากจิตของเรานั่นแหละ
เมื่อจิตของเราสงบ เราจะรู้เอง ต้องภาวนา ให้มากๆ เข้า เวลามันจะเป็น จะเป็นของมันเอง
แล้วก็ความรู้อะไรๆ ให้มันออกจากจิตของเรา ความรู้ที่ออกจากจิตที่สงบนั่นแหละ เป็นความรู้ที่ลึกซึ้งถึงที่สุด"

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #36 เมื่อ: มิถุนายน 26, 2015, 10:16:19 PM »

หลวงปู่ดุลย์ อตุโล
---------------------------------------
เวลาภาวนาอย่าส่งจิตออกนอก ความรู้อะไรทั้งหลาย อย่าไปยึด ความรู้ที่เราเรียน กับตำรา หรือครู อาจารย์ อย่า เอามายุ่งเลย ให้ตัดอารมณ์ออกให้หมด แล้วเวลาภาวนาไปให้มันรู้ รู้จากจิตของเรานี่แหละ จิตของเราสงบ เราจะรู้เอง ต้องภาวนาให้มาก ๆ เข้า เวลามันจะเป็น จะเป็นของมันเอง แล้วก็ควานรู้อะไร ๆ ให้มันออกมาจากจิตของเรา ความรู้ที่ออกจากจิตที่สงบนั่นแหละเป็นความรู้ที่ลึกซึ้งถึงที่สุด ให้มันรู้จากจิตเองนั่นแหละมันดี คือจิตมันสงบ ทำจิตให้เกิดอารมณ์อันเดียว แต่ก่อนภาวนา ก็อย่าส่งจิตออกนอก ให้จิตอยู่ในจิต และก็ให้จิตภาวนาเอาเอง ไม่ต้องบริกรรมทางปาก ให้จิตเป็นผู้บริกรรม พุทโธ พุทโธ อยู่นั่นแหละ เกิดครั้งเดียวเท่านั้น และพุทโธนั่นแหละจะผุดขึ้นในจิตของเรา เราจะได้รู้จักว่า พุทโธนั้น เป็นอย่างไร แล้วรู้เอง..เท่านั้นแหละไม่มีอะไรมากมาย
ภาวนาให้มาก ๆ เข้า ใน อิริยาบถ 4 ยืน เดิน นั่ง นอน อะไร อะไรทำให้หมดเลย บริกรรม พุทโธ ให้จิตว่าเอาเอง ว่านาน ๆ ไป จิตของเราติดอยู่กับ พุทโธ นั้นแล้วไม่ลำบาก มันจะว่าเอาเอง ถ้ามันติดกับ พุทโธแล้วนะ นั่นแหล่ะ มันใกล้จะเป็นสมาธิแล้ว ถ้าเป็นสมาธิแล้ว เราก็กำหนดสมาธิของเราอยู่นั่นแหละ เออ..จิตมันเป็นสมาธิ มันเป็นอย่างนั้น ๆ แล้วเราก็รู้เอง เข้าไปรู้อยู่ในสมาธินั่น สมาธิสูงสุดอยู่ตรงนั้น คือ จิตมีอารมณ์เดียว จิตไม่ฟุ้งซ่าน ตัวจริงมันอยู่ตรงนั้น เรารู้อะไร เรารู้จากจิตของเราเอง เรารู้ถึงความบริสุทธิ์ ของเราเลย นอกจากนั้นไม่มีอะไร แต่เราต้องพยายามให้มาก ๆ เข้า ก่อนจะนอนหรือลุกจากที่นอน เราต้องทำเสียก่อน ทำแล้วก็นั่งให้นาน ๆ เวลามันจะเป็น มันจะรู้เองดอก แต่ถ้ายังไม่เป็น บอกเท่าไร มันก็ไม่รู้ รู้จากจิตของเรานะ รู้ถึงความบริสุทธิ์ของเราเลย รู้ถึงความเป็นจริง เท่านั้นเอง


ไม่มีอะไรมากมาย มีเท่านั้น รู้จากจิตที่เป็นสมาธิ รู้ถึงความเป็นจริงแล้ว เราก็หมดความสงสัยในพระพุทธศาสนา รู้ไม่ถึงความเป็นจริงก็ไม่หมดนควารมสงสัยดอก ศาสนาเป็นอย่างไร เรารู้ของเราเอง อย่าปล่อยให้มันปรุงแต่งมากนัก ข้อสำคัญ ให้รู้จักจิตของเราเท่านั้นเอง เพราะว่าจิตคือ ตัวหลักธรรม นอกจากจิตแล้วไม่มีหลักธรรมใด ๆ เลย
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #37 เมื่อ: กันยายน 15, 2015, 05:56:49 PM »



"ทั้งหมดอยู่ที่ความประพฤติ"

..ตลอดชีวิตของหลวงปู่ ท่านจะไม่ยอมรับ
กับการถือฤกษ์งามยามดีอะไรเลย

แม้จะถูกถาม ถูกขอให้บอกเพียงว่า จะบวชวันไหน
จะสึกวันไหน หรือวันเดือนปีไหนดี

เสียอย่างไร หลวงปู่ก็ไม่เคยเผลอเอออวยด้วย
มักจะพูดว่า..วันไหน เดือนไหนก็ดีทั้งนั้นแหละ!

คือ ถ้ามีผู้ขอเช่นนี้ หลวงปู่ท่านมักให้เขาหาเอาเอง หรือ
มักบอกว่า วันไหนก็ได้ ถ้าสะดวกดีแล้ว เป็นฤกษ์ดีทั้งหมด.

หลวงปู่ จะสอนว่า..

"...ทุกอย่าง รวมอยู่ที่ความประพฤติ
คือ ฤกษ์ดี ฤกษ์ร้าย โชคดี โชคร้าย

เรื่องเคระห์ กรรม บาป บุญ อะไรทั้งหมดนี้
ล้วนออกมาจาก ความประพฤติของมนุษย์ ทั้งนั้น..."


โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่ดุลย์ อตุโล
วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 14, 2015, 07:53:47 PM โดย golfreeze » บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #38 เมื่อ: กันยายน 17, 2015, 01:07:43 PM »

"จิต ปรุงกิเลส" คือ การที่จิตบังคับ ให้กาย วาจา ใจ กระทำสิ่งภายนอก
ให้มี ให้เป็น ให้ดี ให้เลว ให้เกิดวิบากได้ แล้วยึดติดอยู่ว่า นั่นเป็นตัว นั่นเป็นตน ของเรา ของเขา

"กิเลส ปรุงจิต" คือ การที่สิ่งภายนอก เข้ามาทำให้จิต เป็นไปตามอำนาจของมัน
แล้วยึดว่า มีตัว มีตนอยู่ สำคัญผิด จากความเป็นจริง อยู่ร่ำไป..

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล..
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #39 เมื่อ: กันยายน 18, 2015, 07:57:00 AM »

บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #40 เมื่อ: ตุลาคม 06, 2015, 07:33:57 AM »



ในหลวงกับพระอริยะ

เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๒๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จเยี่ยมหลวงปู่เป็นการส่วนพระองค์ เมื่อทั้งสองพระองค์ทรงถามถึงสุขภาพอนามัยและการอยู่สำราญแห่งอริยาบถของหลวงปู่ ตลอดถึงทรงสนทนาธรรมกับหลวงปู่แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปุจฉาว่า

"หลวงปู่ การละกิเลสนั้นควรละกิเลสอะไรก่อน" ฯ

หลวงปู่ถวายวิสัชนา

"กิเลสทั้งหมดเกิดรวมที่จิต ให้เพ่งมองดูที่จิต อันไหนเกิดก่อนให้ละอันนั้นก่อน"
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #41 เมื่อ: เมษายน 10, 2016, 04:16:37 PM »

ที่ใจเป็นทุกข์ เพราะเกิดความยึดมั่น
แล้วมีการปรุงแต่งในความคิดขึ้น
และอุบายที่จะละความทุกข์ก็คือ
หยุดการปรุงแต่ง แล้วปล่อยวางให้เป็น
...หลวงปู่ดูลย์ อตุโล...
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #42 เมื่อ: เมษายน 17, 2016, 10:54:04 AM »

ผู้เขียนได้พบหลวงปู่ดูลย์ อตุโล (พระราชวุฒาจารย์) แต่ครั้งแรกท่านไปพักเรียนหนังสืออยู่ที่วัดสุทัศนาราม อุบลราชธานี ในสมัยนั้นดูเหมือนท่านได้ ๑๐ พรรษา ท่านมีเมตตาแก่ผู้เขียนเป็นอันมาก พอเห็นหน้าตาเข้าเรียกร้องให้ไปหาและก็ได้สัมโมทนียกถาโดยสุภาพเรียบร้อย ตามวิสัยของท่าน ผู้มีนิสัยเช่นนั้น เพราะท่านพูดแต่ละคำนั้นดูเหมือนกลั่นกรองแล้วจึงค่อยพูด พูดเฉพาะที่จำเป็น ไม่ได้พูดพร่ำเพรื่อ และพูดในสิ่งที่ควรทำและทำได้ นับว่าเป็นที่น่าเลื่อมใสศรัทธาอย่างยิ่ง นิสัยอันนี้นับได้ว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่คบหาสมาคม

ผู้เขียนก็ได้เข้าไปหาท่านเมื่อท่านเรียกโดยสุภาพเรียบร้อย ฟังโอวาทของท่านแล้วประทับใจจนกระทั่งบัดนี้ ไม่เฉพาะแต่ผู้เขียนเท่านั้นที่เห็นท่านแล้วเคารพนับถือ พระเณรทั้งวัดก็เคารพนับถือ ถึงแม้ท่านเป็นคณะมหานิกายมาอาศัยเรียนหนังสือชั่วคราวก็ตาม กิจการงานท่านเป็นหัวหน้าหมู่ในวัดนั้นได้ แม้แต่สมภารก็ยังนับถือท่านว่าเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง และการสร้างพระอุโบสถวัดสุทัศน์ฯ สมภารยังนิมนต์ท่านมาช่วยควบคุมการก่อสร้าง

ท่านได้ญัตติเป็นธรรมยุตก่อนเข้าพรรษา หรือออกพรรษาแล้วผู้เขียนชักจะลืมเสียแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ดี เมื่อออกพรรษาแล้วท่านอาจารย์สิงห์ออกจากอุบลราชธานี ไปเที่ยววิเวกขึ้นมาทางจังหวัดสกลนคร-อุดรธานี-หนองคาย ท่านก็ได้ติดตามท่านอาจารย์สิงห์ไปด้วย จากนั้นหลายปีผู้เขียนกำลังเรียนหนังสือไม่ได้ติดตามข่าวของท่าน

จนกระทั่งผู้เขียนได้บวชเป็นพระ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๖ เพราะเวลานั้นท่านอาจารย์สิงห์กลับคืนอุบลราชธานีอีก ได้ข่าวว่าหลวงปู่ดูลย์ก็กลับไปด้วย แต่ไม่ได้ไปอุบลราชธานี ท่านแยกไปทางจังหวัดสุรินทร์ เลยไม่ได้พบท่าน ได้ข่าวว่าเมื่อท่านกลับไปทางจังหวัดสุรินทร์แล้ว ก็ไม่ได้กลับไปทางจังหวัดสกลนคร-อุดรธานี-หนองคายอีก ท่านคงเที่ยวอยู่แถวจังหวัดสุรินทร์บ้านเดิมของท่าน

เมื่องานศพหลวงปู่ฝั้น ที่อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร จึงได้พบท่านอีก ท่านยังได้แสดงความเมตตาปรารถนาหวังดีต่อผู้เขียนอย่างยิ่ง ในที่ประชุมพระเถรานุเถระเป็นอันมาก ท่านยังอุตส่าห์มาทักทายปราศรัยกับผู้เขียน แล้วก็พูดธรรมะที่ละเอียดลึกซึ้งสุขุมที่เป็นแนวปฏิบัติทั้งนั้น ท่านมักพูดแต่เรื่องจิต คือ เรียกว่า จิตคือพุทธะ และจิตที่ส่งออกไปภายนอกเรียกว่า สมุทัย อันเป็นเหตุนำทุกข์มาให้ ท่านพูดอย่างนี้บ่อยๆ ท่านพูดกับผู้เขียนอยู่นาน คล้ายๆ กับว่าท่านจะเมตตากับผู้เขียนโดยเฉพาะ ท่านพูดแต่ในทางปฏิบัติ เห็นว่าผู้เขียนเป็นผู้ปฏิบัติ คล้ายๆ กับว่าจะมีความรู้สูงในด้านปฏิบัติแต่แท้จริงแล้วเปล่า ก็พระเทสก์ธรรมดาๆ นี่เอง

ต่อมา ครั้งสุดท้ายท่านได้ไปวางศิลาฤกษ์อุโบสถวัดหนึ่งที่อำเภอผือ จังหวัดอุดรธานี แล้วท่านไปนอนค้างที่วัดของผู้เขียนคืนหนึ่ง ท่านก็พูดอย่างเก่า รู้สึกว่าท่านกระฉับกระเฉงแข็งแรงมาก ชราภาพถึงขนาดนั้นแล้วรูปร่างลักษณะของท่านยังไม่เปลี่ยนแปลงไปนัก และท่านไม่เคยถือไม้เท้าเลย

ในโอวาทของท่านที่ท่านพูดว่า จิต คือ พุทธะ ในตอนนี้ผู้เขียนขออธิบายว่า พุทธะ คือความรู้ทั่วไป ไม่ได้หมายถึงสัมมาสัมพุทธะ พุทธะ คือผู้รู้ทั่วไป หรือธาตุรู้ก็ว่า

แล้วก็อีกคำหนึ่งท่านว่า จิตส่งออกนอกเป็นตัวสมุทัย มันก็แน่ทีเดียว ถ้าจิตส่งแล้วมันเป็นตัวสมุทัย โดยความเข้าใจของผู้เขียน จิต คือผู้คิดผู้นึก ผู้ส่ง ผู้ปรุงแต่ง ผู้จดผู้จำ เป็นอาการวุ่นวายของจิตทั้งหมด ครั้นมาเห็นโทษเห็นภัยเห็นเช่นนั้นแล้วถอนเสียจากความยุ่ง ความวุ่นวายแล้ว เข้ามาหาตัวเดิม คือ ใจ แล้วไม่มีคิดไม่มีนึก ไม่มีส่งไม่ส่าย ไม่มีจดไม่มีจำอะไรทั้งหมด คือเป็นกลางๆ อยู่เฉยๆ นี่ละ ผู้เขียนเรียกว่า ใจ คืออยู่กลางๆ ของความดีความชั่ว ความปรุงความแต่ง อดีตอนาคตปล่อยวางหมด จึงกลับมาเป็นใจ จิตคือ พุทธะ ท่านคงหมายเอาตอนนี้

ผู้ใคร่อยากรู้ใจแท้ ถึงแม้ยังไม่เป็นสาวกพุทธะปัจเจกพุทธะ สัมมาสัมพุทธะก็ตาม ขอให้ศึกษาพอเป็นสุตพุทธะเสียก่อน คือ จงกลั้นลมหายใจไปสักพักหนึ่งลองดู ในที่นั่นจะไม่มีอะไรทั้งหมด นอกจากความรู้เฉยๆ ความรู้ว่าเฉยนั่นแหละเป็นตัวใจ พุทธะ ทั้งสี่จะมีขึ้นมาได้ ก็เพราะมีใจ ดังนี้ ถ้าหาไม่แล้ว พุทธะทั้งสี่จะมีไม่ได้เลยเด็ดขาด

แท้จริง จิตกับใจ ก็อันเดียวกันนั่นเอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ตรัสไว้ว่า จิตอันใดใจก็อันนั้น แต่ผู้เขียนมาแยกออกเพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจง่ายตามภาษาบ้านเราเท่านั้น เมื่อพูดถึงใจแล้วต้องหมายความของกลาง อย่างใจมือ ใจเท้า หรือใจไม้ แม้แต่ใจของคนก็ชี้เข้าตรงที่ท่ามกลางอกนั่นเอง แต่ความจริงแล้วใจไม่ได้อยู่ที่นั่น ใจย่อมอยู่ในที่ทั่วไป สุดแท้แต่จะเอาไปเพ่งไว้ตรงไหน แม้แต่ฝาผนังตึกหรือต้นไม้ เมื่อเอาใจไปไว้ตรงนั้น ใจก็ย่อมปรากฏอยู่ ณ ที่นั้น

คำพูดของหลวงปู่ดูลย์ที่ว่า จิต คือ พุทธะ ย่อมเข้ากับคำอธิบายของผู้เขียนที่ว่า ใจ คือ ความเป็นกลางนิ่งเฉย ไม่ปรุงแต่ง ไม่นึกไม่คิด ไม่มีอดีตอนาคต ลงเป็นกลางมีแต่รู้ตัวว่านิ่งเฉยเท่านั้น เมื่อออกมาจาก ใจ แล้วจึงรู้คิดนึกปรุงแต่งสารพัด วิชาทั้งปวงเกิดจากจิตนี้ทั้งสิ้น

นักปฏิบัติทั้งหลายจึงต้องควบคุมจิตของตน ด้วยตั้ง สติรักษาจิต อยู่ตลอดเวลา ถ้าจิตแส่ส่ายไปในกามโลก รูปโลก อรูปโลก รู้ว่าเป็นไปเพื่อก่อแล้ว รีบดึงกลับมาให้เข้าใจ นับว่าใช้ได้แต่ยังไม่ดี ต้องเพียรพยายามฝึกหัดต่อไปอีก จนกระทั่งใจนึกคิดปรุงแต่งไปในกามโลก รูปโลก อรูปโลก ก็ รู้เท่าทัน ทุกขณะ อย่าไปตามรู้หรือรู้ตาม จะไม่มีเวลาตามทันเลยสักที เหมือนคนตามรอยโคไม่เห็นตัวมัน จึงตามรอยมัน

รู้เท่า คือ เห็นตัวมัน แล้วผูกมัดเอาตัวมันเลย แล้วฝึกหัดจนกระทั่งมันเชื่อง แล้วจะปล่อยให้มันอยู่อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องตามหามันอีก นับว่าใช้ได้ดี

ถ้าตามใจของตนไม่ทัน หรือไม่เห็นใจตน มันจะไปหรืออยู่ หรือมันจะคิดดีคิดร้ายอย่างไรก็ไม่รู้เรื่องของมัน นั้นใช้ไม่ได้เลย จมดิ่งลงกามภพโดยแท้

เราขอตักเตือนเพื่อนสหธรรมิก ผู้บวชมาหวังความบริสุทธิ์เจริญก้าวหน้าในพุทธศาสนาว่า การกระทำสิ่งใดด้วยกาย วาจา และใจอันเป็นไปเพื่อโลก เมื่อถามตนเองก็รู้อยู่และโลกมนุษย์ทั้งหลายก็รู้อยู่ สิ่งนั้นผิดวิสัยของสมณะ จงละเสียอย่ากระทำ จงศึกษาแต่ธรรมวินัยและข้อวัตรปฏิบัติให้เข้าใจถ่องแท้ และปฏิบัติตามให้ถูกทุกประการ อันจะนำมาซึ่งความเย็นใจแก่ตน และเป็นเหตุให้คนอื่นเกิดความเลื่อมใสศรัทธา เป็นเหตุให้พุทธศาสนาจีรังถาวรสืบไป

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล (พระราชวุฒาจารย์) ได้สละทิ้งร่างกายอันกอปรด้วยของปฏิกูลโสโครกทนได้ยาก พร้อมทั้งญาติโยมและสานุศิษย์จำนวนมากไปแล้ว แต่เมตตาธรรมที่ท่านได้ประสาทไว้แก่สานุศิษย์ทั้งหลาย ยังเหลืออยู่ คุณธรรมดังกล่าวแล้วประทับจิตใจของทุกๆ คนไม่ลืมหาย กระผม พระเทสรังสี พร้อมด้วยอุบาสกอุบาสิกา และสานุศิษย์พระภิกษุสามเณรทั้งหลาย ขอน้อมถวายความเคารพด้วยกายวาจาและใจ ในที่ทุกสถาน ทุกกาล ทุกเมื่อ

พระนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาจารย์ (เทสก์ เทสรังสี)
๙ มีนาคม ๒๕๒๘
วัดหินหมากเป้ง อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #43 เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2016, 07:50:49 AM »




"การให้ธรรมะ ชื่อว่าให้สิ่งที่ไม่ตาย เพราะบุคคลจะพ้นจากความตาย ไม่ต้องเกิดอีกได้
ก็เพราะอาศัยการได้สดับตรับฟังธรรม ด้วยเหตุนี้พระพุทธองค์จึงตรัสว่า การให้ธรรมะชนะการให้ (สิ่งอื่น) ทั้งปวง
แม้การจะทำทานให้ถูกต้อง ก็ต้องอาศัยการฟังธรรม"

....หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3604


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #44 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2016, 08:51:49 PM »



อุบาสกผู้คงแก่เรียนคนหนึ่ง สนทนากับหลวงปู่ว่า
"กระผมเชื่อว่า แม้ในปัจจุบันพระผู้ปฏิบัติถึงขั้นได้บรรลุ
มรรคผลนิพพานก็คงมีอยู่ไม่น้อย เหตุใดท่านเหล่านั้นจึงไม่แสดงตนให้
ปรากฏ เพื่อให้ผู้สนใจปฏิบัติทราบว่าท่านได้บรรลุถึงคุณธรรมนั้นๆแล้วเขาจะได้มีกำลังใจและมีความหวัง เพื่อเป็นพลังเร่งความเพียร
ในทางปฏิบัติให้เต็มที่" ฯ
หลวงปู่กล่าวว่า
"ผู้ที่เขาตรัสรู้แล้ว เขาไม่พูดว่าเขารู้แล้วซึ่งอะไร เพราะสิ่งนั้นมันอยู่เหนือคำพูดทั้งหมด"

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ทัวร์พม่า | JR Pass
หน้า: 1 2 [3] 4
พิมพ์
กระโดดไป: