KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4ทางแห่งพระนิพพาน เดินไปอย่างไร มีวิธีปฏิบัติอย่างไรนิพพานเป็นอัตตา แต่ในโลกและจักรวาล ทุกอย่างเป็นอนัตตาหมด
หน้า: 1 [2] 3
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: นิพพานเป็นอัตตา แต่ในโลกและจักรวาล ทุกอย่างเป็นอนัตตาหมด  (อ่าน 40830 ครั้ง)
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #15 เมื่อ: กันยายน 07, 2011, 09:02:32 AM »

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ จำผมได้ไหม 
คุณเข้ามา แต่ผมออกไปนานจนจำชื่อตัวเองไม่ได้

แถ อีกแล้วครับ พี่น้อง
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #16 เมื่อ: กันยายน 07, 2011, 09:03:11 AM »

อ่านตำราแล้วเบลอ อาศัยนั่งเทียนตีความตามตำรา
ปล่อยไก่เป็นเล้า งวดนี้เลขเด็ด....อาจารย์ใบ้หวยมาเอง
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #17 เมื่อ: กันยายน 07, 2011, 09:04:06 AM »

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ crossis 
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ โคตรมั่วเลยครับ

สอง ดาบส นี้ คืออาจารย์ เจ้าชาย สิทธัตถะ
คนแรกสอน เจ้าชาย สิทธัตถะ จนท่านชำนาญในญาณเท่า อุทกดาบส คือ ญาณ 7
คนที่สองก็เช่นกัน สอนจนของให้ เจ้าชายมาเป็นครูเท่ากับตน คือ เจ้าชายสิทธัตถะ ได้ถึง สมาบัติ 8

ถ้าขนาดเรื่องนี้ยังไม่รู้เลย ยังมาอวดอ้างรู้เรื่อง นิพพาน ไม่อายเด็กหลอครับ


พรหม คือ ได้ญาณ สูงสุดคือ รูปญาณ 4
อรูปพรหม คือได้ ญาณ สูงสุดถึง อรูปญาณ 4 รวมกับ รูปญาณ 4 ที่เคยได้ เรียกว่า สมาบัติ 8

ขำมากครับ ถ้า คุณ มีปัญญา อย่างอวดอ้างจริง
1. เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้
2. เรื่องที่ คุณ oatthidet ยกมา ก็ แถ อีก
3. เรื่องที่ผมถามไป ถ้าคุณ ปฎิบัติได้อย่างว่าจริง สูงว่า อรูปพรหมจริง
ผมอยู่ที่ไหน ทำงานอะไร บัตรประชาชนเลขที่อะไร

ง่ายๆครับ
อย่า มา แถครับ
รั่วตลอด ฮ่าๆๆๆ
ตอบ

เก่งจริงๆเลยนะคุณนี่....เก่งจริงๆเลยนะ เรื่องโง่ๆนี่ ภาษาชาวบ้านคือ โง่แล้ว เสือกอวดฉลาด

พระพุทธเจ้าเป็นศิษย์ที่เหนือกว่าอาจารย์ เป็นผู้ค้นพบวิชาสติปัฏฐาน 4 หรือวิปัสสนา พระพุทธเจ้ากะว่าจะไปสอนอฬารดาบสและอุทกดาบสถึงจุดกึ่งกลางระหว่างรูปภพและอรูปภพว่าเป็นนิพพานที่่ไม่มีสมมุติ แต่ก็สายเกินไป ถึงขนาดท่านอุทานว่า

"โอหนอ น่าเสียดายอาจารย์ทั้งสอง(อาฬารดาบส กับอุทกดาบส) ฉิบหายจากความดีแล้ว...."

ลองไปหาอ่านเรื่องนี้ดู คราวหลังจะได้ไม่ต้องอวดฉลาดอีก

ผมปฏิบัติไม่ถึงอรูปพรหมหรอก เพราะนั่นเป็นทางที่ผิดพลาด
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #18 เมื่อ: กันยายน 07, 2011, 09:06:34 AM »

ขอให้หลับฝันดีนะ คุณ จำผมได้ไหม
ผมรอคำตอบคุณ อยู่นะ

พ่อคุณที่ปฎิบัติได้ สูงส่งกว่า พรหม อรูปพรหม ทั้งหลาย

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ จำผมได้ไหม 
หัวข้อนี้เป็นธรรมะระดับลึกสุดๆ ผู้ที่มีความอวดเก่ง อหังการ นึกว่าตัวเองแน่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นรูปพรหม หรืออรูปพรหม ใด ก็ยากที่จะเข้าใจ

เหิมเกริมขนาด ยกตนเทียบ พระพุทธเจ้า
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ จำผมได้ไหม 
....งั้้นพระพุทธเจ้าก็ต้องเป็นอลัชชี และเป็นคนบ้าเลยล่ะซิ เพราะผมเข้าใจเหมือนกับท่าน

อีกทั้งแอบอ้าง คำสอนพระอริยะแล้ว บิดเบือนไปในทางมิจฉาทิฐิ
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ จำผมได้ไหม 

แค่พระพุทธองค์บอกให้ละอัตตานุทิฏฐิ หรืออุปทาน หรืออนัตตา

อัตตานุทิฏฐิ (หลวงปู่มั่น ภูคิทัตโต) - เห็นซึ่งอาตมะตัวตน ได้ในขันธ์ 5 (เห็นผิดว่าขันธ์ 5 มีตัวตน) เห็นรูปมีในตนบ้าง เห็นตนมีในรูปบ้าง เห็น เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่ามีในตนบ้าง เห็นตนว่ามีเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณบ้าง

เมื่อบุคคลตรัสรู้อริยสัจจ์ 4 ประชุมลงในขณะจิตอันเดียวได้แล้วชื่อว่า เป็นผู้ละสักกายทิฏฐิ เมื่อบุคคลใดมาเข่นฆ่า ซึ่งอัตตานุทิฏฐิ คือความเห็นผิดว่าเป็นอัตตาตัวตนลงเสียได้แล้วก็จะพึงเป็นบุคคลผู้ข้ามมฤตยูความตายเสียได้ เอวํ โลกํ อเวกขนตํ มจจุราชา น ปสสติ เมื่อบุคคลมาเห็นซึ่งโลกทั้งหลาย คือขันธโลก อายตนโลก และธาตุโลก โดยความเป็นของสูญ สังหารอัตตานุทิฏฐิลงเสียได้อย่างนี้ มฤตยุราช คือความตายย่อมไม่เห็น เพราะบุคคลผู้นั้นพ้นสัตว์วิสัยเสียแล้ว มัจจุราชย่อมไม่เห็นซึ่งผู้นั้น ผู้นั้นย่อมถึงพระนิพพานธรรมอันเป็นวิสัยแห่งมฤตยูราช ล่วงวิสัยมฤตยูราชเสียได้ด้วยประการฉะนี้ฯ
 

พอโดนคนอื่นเขารู้ทันก็ ...

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ จำผมได้ไหม 

คุณเข้ามา แต่ผมออกไปนานจนจำชื่อตัวเองไม่ได้

แถ อีกแล้วครับ พี่น้อง
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #19 เมื่อ: กันยายน 07, 2011, 09:07:12 AM »

ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

นี่ ขนาด ญาณ สมาบัติ ยังไม่รู้เลยว่า มันไม่ใช่ วิปัสนา
แยกไม่ออกหลอครับ ระหว่าง สมถะ กับ วิปัสนา

สติปัฎฐานสี่ ที่อ้างมันคือ วิปัสนา
ส่วน สมาบัติ 8 คือ สมถะ

ฮ่าๆๆๆๆๆ โคตร ขำครับ

อีกเรื่องครับ ที่พระตถาคต ตรัสว่า " "โอหนอ น่าเสียดายอาจารย์ทั้งสอง(อาฬารดาบส กับอุทกดาบส) ฉิบหายจากความดีแล้ว...."
ที่ท่าน ค้นพบใต้ต้นมหาโพธิ คือ หลักธรรมแห่งการ ตรัสรู้ จนอุทานออกมา
ไม่ใช่สติปัฎฐานสี่
แต่ คือ อริยะสัจสี่

ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฮาครับ

ว่าจะไปนอน เจอคนแถ มันอดมาขำไม่ได้ จริงๆๆ

อวดรู้อวด ฉลาด
รั่วตลอดครับ
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #20 เมื่อ: กันยายน 07, 2011, 09:07:39 AM »

แต่ชื่อจริงของผม พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อในเว็บผมมีเป็นร้อยชื่อ เพราะโดนไล่ออกจากเว็บธรรมมะเกือบ 100 ครั้ง มันจึงไม่สามารถจำชื่อที่ใช้ได้
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #21 เมื่อ: กันยายน 07, 2011, 09:08:19 AM »

ผมไม่ได้ถามชื่อคุณ

คุณอ้างตัวว่า ปฎิบัติได้สูงว่า พรหม และ อรูปพรหม ทั้งหลาย

ผมถามว่า ผมชื่ออะไร อยู่ที่ไหน ทำงานอะไร บัตรประชาชนเลขที่เท่าไร

เข้าใจคำถามไหมนี่

สติ อะ สติ มีไหม

เพราะงี้ไง ผมมีเป็นร้อยชื่อ เพราะโดนไล่ออกจากเว็บธรรมมะเกือบ 100 ครั้ง
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #22 เมื่อ: กันยายน 07, 2011, 09:08:46 AM »

เก่งอีกแล้วเรื่องโง่ๆ นับถือความโง่ของคุณจริงๆ แล้วยังหัวเราะเยาะคนอื่นอีก ไม่ยอมหัวเราะเยาะความโง่ของตนเอง ฮ่าๆๆๆๆๆ โคตร ขำครับ

เสียเวลากับคุณจริงๆ แต่ก็ต้องตอบ เพราะคนอื่นอ่านแล้วได้ประโยชน์

....ก็เพราะอุทกดาบส และอาฬารดาบสทำแต่สมถะ หรือ สมาบัติ น่ะซิ ท่านไม่เคยวิปัสสนา พวกท่านจึงไม่พบทางเข้านิพพาน

พระอรหันต์สุกขวิปัสสโก ทำสมถะได้แค่ ฌาน 1 เต็มที่ก็ฌาน 2 แต่ท่านเข้านิพพานได้ เพราะท่านเน้นวิปัสสนา
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #23 เมื่อ: กันยายน 07, 2011, 09:09:44 AM »

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ จำผมได้ไหม 
เก่งอีกแล้วเรื่องโง่ๆ นับถือความโง่ของคุณจริงๆ แล้วยังหัวเราะเยาะคนอื่นอีก ไม่ยอมหัวเราะเยาะความโง่ของตนเอง ฮ่าๆๆๆๆๆ โคตร ขำครับ

เสียเวลากับคุณจริงๆ แต่ก็ต้องตอบ เพราะคนอื่นอ่านแล้วได้ประโยชน์

....ก็เพราะอุทกดาบส และอาฬารดาบสทำแต่สมถะ หรือ สมาบัติ น่ะซิ ท่านไม่เคยวิปัสสนา พวกท่านจึงไม่พบทางเข้านิพพาน

พระอรหันต์สุกขวิปัสสโก ทำสมถะได้แค่ ฌาน 1 เต็มที่ก็ฌาน 2 แต่ท่านเข้านิพพานได้ เพราะท่านเน้นวิปัสสนา

ฮ่าๆๆ นี่ก็ รั่วครับ
ทำ สมถะ ญาณ 1 ญาณ 2 ได้เป็นพระอรหันต์ เขาเรียกว่า ปัญญาวิมุตติ

มันเกี่ยวอะไรกับ อุทกดาบส และอาฬารดาบส ที่เป็นอาจารย์ เจ้าชายสิทธัตถะ
ที่สอน สมาบัติ 8 ให้ท่าน

มันเกี่ยวอะไรกันครับ

จับประเด็นได้ไหม สติอะมีไหม

คนไม่มีสติ ไม่ว่าทำอะไรก็ รั่วครับ รั่วตลอด
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #24 เมื่อ: กันยายน 07, 2011, 09:10:59 AM »

โดนไล่ออกจากเว็บธรรมะเกือบ 100 ครั้ง ยังไม่สำนึกอีก

น่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง ความเห็นผิดของคุณ คุณจะมาเรียกร้องเอาอะไรครับ

ทั้งที่มีแต่คนบอกเตือนคุณด้วยความปราถนาดี คุณก็ยังไม่ฟัง

ใครถามอะไรคุณก็ตอบไม่ได้ แล้วจะสอนให้คนอื่นเชื่อได้ยังไงครับ

งั้นคุณกล่าวถึงการปฎิบัติเลยครับ ไม่ต้องอ้างอิงพระไตรปฺิฎก หรือ ตำราไหนๆ

จะได้ไม่เป็นการนั่งเทียน อ่านตำรามาอย่างเดียว


อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ จำผมได้ไหม 
คุณเข้ามา แต่ผมออกไปนานจนจำชื่อตัวเองไม่ได้

คุณได้อ่านไหมครับ ไม่เกี่ยวกันเลย ผมบอกกล่าวอะไรคุณก็ไม่เข้าใจ

เป็นเพราะเหตุใดกัน ถามอย่างหนึ่ง ตอบอย่างหนึ่ง แล้วจะคุยกันรู้เรื่องหรือครับ
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #25 เมื่อ: กันยายน 07, 2011, 09:11:29 AM »

ผมโดนข้อหาเข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างถูกต้องและลึกซึ๊ง พวกมารซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ดูแลเว็บธรรมะต่างๆ เลยต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไล่ผม แต่เขาก็ไล่ไม่ได้ เพราะผมใช้วิธีเดียวกับพวกมาร

มึงไล่กูออก กูก็สมัครใหม่ ใช้เบอร์อีเมลใหม่ ชื่อใหม่ บัตรประชาชนก็ใหม่ มีคนให้ผมมา 15 ใน ทั้งชายและหญิง เด็กและคนชรา คนตายยังมีเลย
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #26 เมื่อ: กันยายน 07, 2011, 09:12:17 AM »

เช่นนั้นคุณคุยกับผมแบบหมดเปลือกเลยครับ เพราะผมเห็นไม่ตรงกับคุณ จำผมได้ไหม

ผมก็มีความมั่นใจในการปฎิบัติของตนเองอยู่ไม่น้อย ด้วยศัทธาที่ผมมีต่อพระพุทธศาสนาครับ

การปฎิบัติเป็นไปเพื่อการหลุดพ้นจริงๆ การปฎิบัตินั้นเป็นการทำลายความเคยชิน

หรือจะเรียกว่า สามัญสำนึกตามหลักวิชาการ หรือจะเรียกว่า อาสวะตามพระไตรปิฎก

ก็ไม่ได้แตกต่างกัน อยู่ที่ผู้ปฎิบัตินั้นจะสามารถเอาชนะความเคยชินของตนเองได้หรือไม่

ที่มนุษย์เป็นทุกข์อยู่ด้วยการกระทำของตนเอง ก็มาจากความเคยชินที่มีในตนเองทั้งนั้น

หรือแม้กระทั้ง ฤาษี พราหมณ์ ก็ก้าวพ้นความเคยชินนี้ไม่ได้ จึงยังต้องหลงติดอยู่ในวัฎสงสาร

หากไม่มีอาสวะแล้ว ไม่ว่าจะ กิเลส ตัณหา อุปทนา ก็คงอยู่ไม่ได้

ความเที่ยง หรือ ไม่เที่ยง ก็เป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นโดยปกติของโลก

สิ่งที่ทำให้ ฤาษี พราหมณ์ ไม่สามรถสำเร็จมรรคผลได้ เพราะจิตสงบในขณะนั่งปฎิบัติเท่านั้น

ครั้นออกจากการปฎิบัติแล้ว จิตใจก็เกิดกิเลสขึ้นได้ และนี่คือที่มาของคำว่าทางสายเอก

ผู้ที่เจริญสติอยู่ตลอดเวลาได้ ก็จะเป็นในรูปแบบ สติปัฎฐาน 4 จะเรียกว่าเป็นทางสายเอกด้วยเหตุนี้

แต่หากจะไม่ปฎิบัติให้มีจิตใจที่เข้มแข็งแล้ว ก็ไม่สามารถเอาชนะความเคยชินของตนเองได้

นี่คือสิ่งที่ผมเข้าใจในการปฎิบัติ ว่าเป็นไปด้วยเหตุใด นำผลอย่างไรมาสู่ผู้ปฎิบัติ
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #27 เมื่อ: กันยายน 07, 2011, 09:13:27 AM »

อุปมาอุปมันไม่ถูกครับ ไม่ใช่เสือสู้สิงห์ แต่เป็นกองทัพพญามารบุกเข้ารุมพระพุทธเจ้า
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
AVATAR
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 29
กระทู้: 966


ดูรายละเอียด
« ตอบ #28 เมื่อ: กันยายน 07, 2011, 09:14:03 AM »

ใครบอกว่านิพานเป็นอัตตาอยู่ระหว่างภพ
คื่อ ระหว่างรูปภพและอรูปภพ นะ มัวดีจิงนะ
บันทึกการเข้า

เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อพากันหลุดพ้นออกจากวัฏฏสงสารนี้
phonsakw
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 1
**

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 2
กระทู้: 94


ดูรายละเอียด
« ตอบ #29 เมื่อ: กันยายน 11, 2011, 05:10:13 PM »


อย่างนั้น พระพุทธเจ้า ก็มั่วน่ะซิ   เสด็จปรินิพพาน คือ ในลำดับทั้ง ๒ คือ ในลำดับแห่งฌาน ในลำดับแห่งปัจจเวกขณญาณ.
               พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากฌานแล้ว หยั่งลงสู่ภวังค์ แล้วปรินิพพานในระหว่างนั้น ชื่อว่าระหว่างฌาน ในลำดับ ๒ นั้น. พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากฌานแล้ว พิจารณาองค์ฌานอีก หยั่งลงสู่ภวังค์ แล้วปรินิพพานในระหว่างนั้นนั่นแหละ ชื่อว่าระหว่างปัจจเวกขณญาณ


อย่างนั้น หลวงปู่ดู่ และหลวงปู่ดุลย์ พวกท่านก็มั่วน่ะซิ

หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

"พระนิพพานอุปมาขนาดเท่าเส้นผม ผู้ที่จะผ่านพ้นในขั้นสุดท้ายไปได้หรอืไม่ได้อยู่เพียงนิดเดียวในการทำจิตตัดจุดนี้ได้หรือไม่เท่านั้น พระพุทธเจ้าตอนที่ท่านจะปรินิพพาน ท่านได้ปรินิพพานไประหว่างรูปฌานและอรูปฌาน เป็นการดับขันธ์ด้วยความบริสุทธิ์เหนือสมมติโดยสิ้นเชิง
"

สำหรับนักวิปัสสนาคงจะไม่ชอบที่ผมพูดแบบนี้ เพราะท่านไม่เน้นฌาน ได้แค่ฌาน 1 ก็พอแล้ว ผมจึงขอนำคำของหลวงปู่ดูลย์ อตโล มาลงดีกว่า:

หลวงปู่ดูลย์ อตโล

....พระพุทธเจ้า พระองค์ไม่ได้เข้าสู่นิพพานในฌานสมาบัติอะไรที่ไหนหรอก เมื่อพระองค์ออกจากจตุตถฌานแล้ว จิตขันธ์หรือนามขันธ์ ก็ดับพร้อม ไม่มีอะไรเหลือ นั่งคือพระองค์ดับเวทนาขันธ์ ในภาวะจิตตื่น หรือวิถีจิตอันปกติของมนุษย์ ครอบพร้อมทั้งสติ และสัมปชัญญะ ไม่ถูกภาวะอื่นใดมาครอบงำอำพรางให้หลงใหลใดๆ ทั้งสิ้น เป้นภาวะแห่งตนเองอย่างสมบูรณ์ ภาวะนันเรียกว่า มหาสุญญตา หรือจักรวาลเดิม หรือเรียกกว่า นิพพาน อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ......
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3
พิมพ์
กระโดดไป: