แสดงกระทู้
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 15
31  รวมรูปภาพต่างๆเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา พาเที่ยววัด ใน Kammatan.com Gallery / แนะนำวัดเก่า พาเที่ยววัด และตำนาน ประวัติของวัด / วัดโลกโมฬี ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง เชียงใหม่ เมื่อ: เมษายน 23, 2009, 05:15:16 PM


วัดโลกโมฬี เป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ อายุกว่าห้าร้อยปี สร้างในสมัยอาณาจักรล้านนา
ตั้งอยู่บริเวณทิศเหนือของตัวเมืองเชียงใหม่ ใกล้แจ่งหัวริน

ในปี พ.ศ. 1910 พญากือนา ทรงให้ราชบุรุษไปนิมนต์พระมหาเถระเจ้ามาสืบศาสนาในล้านนา แต่พระมหาเถระทรงชราภาพมาก
จึงให้พระอนันทะเถระและพระเถระที่เป็นศิษย์อีก 10 รูป มาสืบทอดพระพุทธศาสนาในดินแดนล้านนาซึ่งคณะสงฆ์เหล่านั้น
ได้จำพรรษาที่วัดโลกโมฬี อันเป็นสถานที่ใช้ในการต้อนรับพระราชอาคันตุกะจากต่างเมือง

ต่อมาในปี พ.ศ. 2070 พญาเมืองเกษเกล้า ได้ถวายบ้านหัวเวียงให้เป็นอารามวัดโมฬี และใน พ.ศ. 2071
ได้ทรงให้สร้างมหาเจดีย์และวิหารโลกโมฬี ต่อมาเมื่อพญาเกศเกล้าถูกลอบปลงพระชนม์ในปี พ.ศ. 2088 เหล่าข้าราชการ ขุนนาง
ได้ทำพิธีที่วัดแสนนอก นำพระบรมอัฐิมาบรรจุไว้ที่วัดโลกโมฬีนอกกำแพงเมืองเชียงใหม่ด้านเหนือของพระอาราม
ซึ่งเป็นพระอารามหลวงประจำพระองค์ จากนั้นเสนาอำมาตย์จึงได้ทูลเชิญพระนางจิรประภามหาเทวี พระอัครมเหสี
ขึ้นครองราชสมบัติ ขณะนั้นล้านนากำลังอ่อนแอ สมเด็จพระไชยราชาธิราช กษัตริย์อยุธยา จึงยกทัพมาตีล้านนา
แต่ด้วยพระนางจิรประภาได้ถวายเครื่องบรรณาการไปถวายขอเป็นมิตร
พร้อมทูลเชิญสมเด็จพระไชยราชาธิราชเสด็จมาทำบุญที่กู่พญาเมืองเกศเกล้า วัดโลกโมฬี
32  รวมรูปภาพต่างๆเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา พาเที่ยววัด ใน Kammatan.com Gallery / แนะนำวัดเก่า พาเที่ยววัด และตำนาน ประวัติของวัด / วัดศรีโคมคำ พะเยา เมื่อ: เมษายน 15, 2009, 11:46:03 AM
วัดศรีโคมคำ ตั้งอยู่ริมกว๊านพะเยา เลขที่ ๖๙๒ ถนนพหลโยธิน ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองพะเยา สร้างราวพุทธศตวรรษที่ 20 ประดิษฐานพระเจ้าตนหลวง พระพุทธรูปใหญ่ที่สุด และเก่าแก่ที่สุดในแผ่นดินล้านนา




พระเจ้าตนหลวง



วัดศรีโคมคำ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองพะเยา ถนนพหลโยธิน ห่างจากตัวเมืองไปทางเหนือประมาณ ๑,๐๐๐ เมตร ด้านทิศใต้ - ทิศตะวันตก ติดกับกว๊านพะเยา ทิศเหนือ – ตะวันออก ติดกับถนนพหลโยธิน เริ่มก่อสร้างองค์พระประธาน (พระเจ้าตนหลวง) ราวพุทธศตวรรษที่ 20 เสร็จสมบูรณ์เมื่อ พุทธศักราช ๒๐๖๗ ใช้เวลาสร้างโดยประมาณ ๓๓ ปี การก่อสร้างในสมัยนั้นมีพระเมืองตู้ เจ้าผู้ครองเมืองพะเยาเป็นผู้ทรงอุปถัมภ์ กาลเวลาต่อมาราวปีพุทธศักราช 2100 หัวเมืองต่าง ๆ ของล้านนาไทยหลายหัวเมืองอาทิ นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ ลำพูน ถูกข้าศึกพม่าเข้ามารุกราน ทำให้ประชาชนชาวบ้านชาวเมืองทิ้งบ้านทิ้งเมืองหนีเข้าป่า รวมไปถึงทรัพย์สินก็โดนข้าศึกยึดเอาไปเสียสิ้น แม้กระทั่งทรัพย์สินทางพระศาสนาก็ถูกทอดปล่อยทิ้งร้างไว้เป็นสิ่งเก่าแก่เสียหายปรักหักพัง พระราชอาณาจักรล้านนานับแต่พุทธศตวรรษที่ 21 ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่านับสองร้อยปี บ้านเมืองก็รกร้างว่างเปล่าไร้ผู้คนอาศัย เมืองพะเยาได้ถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่าเป็นเมืองร้างอยู่ประมาณ ๕๖ ปี จนกระทั่งพุทธศักราช ๒๓๘๗ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทรง โปรดเกล้าแต่งตั้งให้เจ้าพุทธวงศ์ เจ้าหลวงนครเชียงใหม่องค์ที่ ๔ เป็นพระยาประเทศอุดรทิศ ขึ้นมาครองเมืองพะเยา ทรงตั้งเจ้ามหายศ เป็นพระยาอุปราช ครั้นพระยาประเทศอุดรทิศถึงแก่พิราลัย ไปทรงโปรดเกล้าฯ เจ้ามหายศ ขึ้นครองเมืองพะเยาแทน และตั้งเจ้าบุรีรัตน์ขั้นเป็นพระยาอุปราชแทน ท่านทั้งสองได้เริ่มบูรณะปฏิสังขรณ์องค์พระประธานพระเจ้าตนหลวง วัดศรีโคมคำขึ้นใหม่ เริ่มก่อสร้างพระวิหารหลวงรวมไปถึงเสนาสนะขึ้นมาใหม่ ให้มีสภาพสมบูรณ์คงทนแข็งแรง และได้ทำนุบำรุงวัดศรีโคมคำนับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ไปจนกระทั่งถึงเจ้าผู้ครองเมืองพะเยาอีกหลายพระองค์ เช่น เจ้าหลวงอินทะชมพู เจ้าหลวงขัตติยะ เจ้าหลวงชัยวงศ์ จนถึงเจ้าหลวงองค์สุดท้าย คือ เจ้าหลวงมหาชัยศีติสาร พระยาประเทศอุดรทิศ เจ้าหลวงเมืองพะเยาทุกพระองค์ได้บูรณะปฏิสังขรณ์วัดศรีโคมคำ พระวิหารหลวงหลังเก่าที่สร้างมาช้านาน ทรงรื้อแล้วก่อสร้างใหม่ โดยให้นายพัฒน์เป็นช่างก่อสร้างก่อสร้าง ได้ทำการบูรณะมาเป็นเวลานานแต่ก็ยังไม่เสร็จกระทั่งนายช่างพัฒน์มาถึงแก่กรรมจึงได้ทอดทิ้งการบูรณะไว้ชั่วคราว ครั้นต่อมาการปกครองบ้านเมืองได้เปลี่ยนแปลงจากเจ้าผู้ครองเมืองมาเป็นระบบการปกครองเป็นมณฑล เมืองพะเยาตอนแรกขึ้นกับนครลำปาง ซึ่งขึ้นกับมณฑลพายัพ ต่อมาได้ย้ายมาขึ้นกับเมืองเชียงราย พอถึงสมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเปลี่ยนอำนาจการบริหารปกครองประเทศใหม่โดยยกเลิกมณฑลเปลี่ยนมาเป็นจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ตำแหน่งเจ้าผู้ครองจึงได้เลิกร้างไป พระยาประเทศอุดรทิศเจ้าเมืองพะเยาลำดับต่อมา กราบบังคมลาออกจากตำแหน่งทางการ จึงตั้งนายคลาย บุษยบรรณ มาเป็นนายอำเภอเมืองพะเยา จังหวัดเชียงราย พระยาประเทศอุดรทิศถึงแม้จะพ้นจากตำแหน่งทางราชการแล้วก็ยังให้การอุปถัมภ์วัดศรีโคมคำเฉกเช่นเดิม มิได้ทรงทอดทิ้ง ขณะนั้นได้ทราบกิตติศัพท์ว่า ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทยเกิดขึ้น ท่านสังกัดอยู่วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูนท่านมีบารมีธรรมสูง ทำการสร้างและบูรณะปฏิสังขรณ์โบราณวัตถุ-สถานไปทั่วถ้วนแผ่นดินล้านนา โดยเริ่มต้นจากลำพูน-เชียงใหม่ มีประชาชนเลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมาก ข่าวนี้ได้แพร่สะพัดถ้วนทั่วแผ่นดินล้านนาไทย จึงได้ประชุมปรึกษากัน ทางฝ่ายคณะสงฆ์เมืองพะเยาโดยมีพระครูศรีวิราชวชิรปัญญา เจ้าคณะแขวงเมืองพะเยาขณะนั้น เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ทางฝ่ายบ้านเมืองมีพระยาประเทศอุดรทิศ อดีตเจ้าผู้ครองเมืองพะเยา และนายคลาย บุษยบรรณ นายอำเภอเมืองพะเยา พร้อมด้วยพ่อค้า คหบดี ประชาชนต่างก็มีมติเห็นชอบพร้อมเพรียงถ้วนทั่วกัน จึงได้ไปอาราธรา พระคุณเจ้าครูบาศรีวิชัยมาเป็นประธานในการก่อสร้างพระวิหารหลวงใหม่ วัดศรีโคมคำ โดยใช้ให้พระปัญญา วัดบ้านปิน และจ่าสิบตำรวจเอกอ้าย พูนชัยไปอาราธนานิมนต์ท่านมาสร้างพระวิหาร ท่านได้สอบถามถึงประวัติความเป็นมาของพระเจ้าตนหลวงว่าเป็นมาอย่างไร เมื่อได้รับทราบตำนานแล้วว่าวัดศรีโคมคำ เป็นโบราณสถานอันเก่าแก่คู่บ้านคุ่เมืองพะเยามาแต่กาลก่อนหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน ท่านได้กล่าวว่า "พระเจ้าตนหลวงนี้เป็นพระบ้านคู่เมืองแผ่นดินล้านนาว่าจะมาปล่อยทิ้งร้างว่างเปล่าเลยก็หาดูควรไม่" ท่านมีเงื่อนไขว่า ให้คณะสงฆ์และราชการ คหบดี พ่อค้า ประชาชนชาวพะเยาเตรียมวัสดุ อาทิ อิฐ ปูน ทราย หิน เหล็ก ไว้ให้พร้อม พระครูศรีวิราชวชิรปัญญา เจ้าคณะแขวงเมืองพะเยา จึงได้ประชุมปรึกษาคณะสงฆ์ เจ้าคณะหมวด เจ้าอาวาส ภิกษุสามเณรทุกวัดวาอาราม เข้ามาตั้งปางกระท่อม ปั้นอิฐก็ได้ประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ ก้อน ทราย กิน โดยขอความร่วมมือผู้มีกำลังศรัทธา ต่างก็หามาไว้จนครบถ้วนแล้วไปอาราธนาท่านมาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวัสดุอุปกรณ์ครบถ้วยแล้ว ท่านรับนิมนต์ทันทีแล้วเตรียมเอาพระภิกษุผู้ชำนาญการก่อสร้างมาเป็นบริวาร ออกเดินทางมาจากจังหวัดลำพูนตามลำดับเส้นทานจนถึงเมืองพะเยา เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ ตรงกับวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๔ เหนือ วันที่ ๒๘ ธันวาคมพ.ศ. ๒๔๖๕ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เริ่มลงมือรื้อพระวิหารหลังเก่าจนเสร็จเรียบร้อย วันเสาร์ที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๖ ตรงกับวัน ๗ ฯ ๒ ค่ำ ปีจอ จุลศักราช ๑๒๔๘ วางศิลาฤกษ์ ลงเสาพระวิหารใหญ่ ต่อจากนั้นก็เทเสาพระวิหารต้นอื่นต่อไป ขุดรายฝาผนัง ก่อฝาผนัง และก่อกำแพงล้อมรอบ สร้างศาลาบาตร(ศาลาราย)รอบกำแพงวัดสร้างพระอุโบสถ พระวิหาร พระพุทธบาทจำลอง สร้างพร้อมกันทั้งหมดทุก ๆ หลังในคราวเดียวกัน การก่อสร้างทั้งหมดได้สำเร็จเสร็จสิ้นภายในปีเดียวเหมือนเนรมิตขึ้น คิดค่าก่อสร้างเป็นจำนวนเงิน ๑๑๓,๐๐๐ รูปี (รูปีหนึ่งคิดราคา ๗๕ สตางค์)

ครั้นเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ ได้ทำบุญสมโภชฉลองพระวิหารพร้อมกับเสนาสนะอื่น ๆ ที่ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว การทำบุญฉลองพระวิหารใช้เวลานานถึง ๑ เดือนเต็ม หลังจากพิธีทำบุญสมโภชฉลองพระวิหารแล้วเสร็จ พระคุณเจ้าครูบาศรีวิชัย ก็ได้เดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ต่อ เพื่อสร้างวิหารวัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้มอบหมายให้พระครูบาแก้ว คนฺธวํโส เป็นผู้รับภาระดูแลรักษาโบราณสถาน-วัตถุและพระวิหารวัดศรีโคมคำ เมืองพะเยาแทน





33  รวมรูปภาพต่างๆเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา พาเที่ยววัด ใน Kammatan.com Gallery / พุทธศาสนาสองฝั่งโขง / Re: ประเพณีแห่มาลัย เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2009, 01:59:05 PM
พิมพ์อะไรว้า..อ่านไม่ออก
34  รวมรูปภาพต่างๆเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา พาเที่ยววัด ใน Kammatan.com Gallery / พุทธศาสนาสองฝั่งโขง / ประเพณีแห่มาลัย เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2009, 01:18:46 PM
ประเพณีแห่มาลัย บ้านฟ้าหยาด อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร


ร้อยมาลัยข้าวตอก แทนดอกมณฑารพ นบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า



ดอกมณฑารพ


' ฮีตหนึ่งนั้นเถิงเมื่อเดือนสามได้
จงพากันจี่ข้าวจี่ไปถวายสังฆเจ้าเอาแท้หมู่บุญ
กุศลยังสิค้ำตามเฮามื้อละคาบ
หากธรรมเนียมจังซี้มีแท้แต่นาน
ให้ไปทำทุกหมู่บ้านทุกที่เอาบุญพ่อเอย
คองหากเคยมีมาแต่ปางปฐมพุ้น
อย่าพากันไลถิ้มประเพณีตั้งแต่เก่า
บ้านเมืองเฮาสิเศร้าภัยฮ้ายสิแล่นตาม '


บุญเดือนสามจึงมีบุญข้าวจี่และบุญมาฆบูชา (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3) บุญข้าวจี่นั้นยังคงพบว่ามีการทำอยู่เหมือนกันในบางท้องถิ่น บุญมาฆบูชา เป็นวันสำคัญวันหนึ่งทางศาสนาพุทธสำหรับบุญพวงมาลัยของอำเภอ มหาชนะชัยนั้น มีการทำครั้งแรกเมื่อไหร่นั้นไม่แน่ชัด แต่มีการทำมานานและทำติดต่อกันมาทุก ๆ ปี เป็น เอกลักษณ์ของอำเภอมหาชนะชัย
ประวัติบุญพวงมาลัย
เนื้อความในพระไตรปิฎกส่วนที่ว่าด้วยพระสุตตันตปิฎก บทปรินิพพานสูตร กล่าวคือ ดอกมณฑารพ ซึ่งเป็นดอกไม้บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีความสวยงามและมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ เมื่อถึงกาลเวลาที่ดอกมณฑารพจะบาน และร่วงหล่นก็ด้วยเหตุการณ์สำคัญ ๆ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพาน จาตุรงคสันนิบาต และทรงแสดงพระธัมมจักรกัปวัตนสูตร ดอกมณฑารพจึงได้ร่วงหล่นลงมายังโลกมนุษย์ ครั้งเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเสด็จดับขันปรินิพพาน ที่เมืองกุสินารา ดอกมณฑารพนี้ก็ได้ร่วงหล่นลงมาทั้งก้านและกิ่ง เปรียบเหมือนความเสียอกเสียใจพิไรรำพันต่อการเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า รวมถึงเหล่าพระภิกษุผู้ได้ชื่อว่าอรหันตขีนาสพทั้งหลายด้วย ข่าวการเสด็จดับขันปรินิพพานได้แพร่ขยายออกไปในหมู่เหล่าข้าราชปริพารประชาชนทั้งหลายได้พากันมาถวายสักการะพระบรมศพของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความซาบซึ้งในพระปัญญาธิคุณ พระกรุณาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณ อีกทั้งยังได้พากันเก็บเอาดอกมณฑารพที่ร่วงหล่นลงมาเพื่อไปสักการะบูชาและรำลึกถึงสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไปดอกมณฑารพที่เก็บมาสักการะบูชาเริ่มเหี่ยวแห้งและหมดไป เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระปัญญาธิคุณ พระกรุณาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้า รวมทั้งเหตุการณ์ในวันสำคัญต่าง ๆ จึงได้พากันนำเอาข้าวตอกมาสักการะบูชา เพราะถือว่าข้าวเป็นสิ่งที่มีคุณค่า และเป็นของสูงที่มนุษย์จะขาดไม่ได้ การจัดข้าวตอกดอกไม้ถวายเป็นพุทธบูชามีจุดเริ่มต้นเมื่อไหร่นั้น ยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่เชื่อกันว่าแรก ๆ จะใส่พานไว้โปรยเวลาพระสงฆ์เทศนา ต่อมาจึงมีการนำมาประดิษฐ์ตกแต่งที่เห็นว่าสวยงาม

ระยะเวลาการแห่พวงมาลัย
อำเภอมหาชนะชัย จะมีการแห่พวงมาลัย 2 ครั้งคือ
1. วันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 3 ก่อนวันมาฆบูชา 1 วัน โดยแห่ไปทอดถวาย ณ วัดหอก่อง
2. วัดฟ้าหยาดจะทำพร้อม ๆ กับบุญ ประจำปี หรือบุญกุ้มข้าวใหญ่ รวมถึงบุญคูณลานให้เสร็จพร้อมกันทีเดียว อยู่ช่วงประมาณเดือนยี่หรือเดือนสอง


ประเภทของพวงมาลัย
พวงมาลัยของชาวอำเภอมหาชนะชัยมี 2 แบบ คือ
1. พวงมาลัยข้าวตอกแตก วัสดุที่ทำประกอบด้วยข้าวตอกแตกเป็นหลัก ข้าวตอกแตก คือ ข้าวเปลือกที่คั่วให้ข้าวแตกออกจากเปลือกด้วยความร้อนจากไฟ จะคล้ายกับข้าวโพดคั่ว
2. พวงมาลัยแบบเส้นด้าย เป็นพวงมาลัยที่ทำด้วยเส้นฝ้ายเป็นหลัก


วิธีการทำด้ายสุก
จะอยู่ในขั้นตอนนำด้ายที่ทำเป็นติ้วแล้วมาแช่น้ำประมาณ 1 คืน ให้อิ่มตัวแล้วต้มน้ำใส่ข้าวสารเจ้า จากนั้นคั้นชนเอาน้ำข้าวไว้เพื่อนำฝ้ายไปแช่หรือชุบให้อิ่มตัวก่อนจะบีบฝ้ายแล้วนำไปตาก เส้นฝ้ายจะมีลักษณะกลม ขณะที่นำไปตากต้องหมั่นไปดึงเพื่อให้เส้นด้ายถึงพอดี เมื่อด้ายแห้งแล้วก็นำไปเพื่อใช้ในงานที่จะทำต่อไป


วิธีการร้อยมาลัย
ผู้ที่ทำพวงมาลัยจึงนำข้าวตอกแตก หรือฝ้ายมาทำพวงมาลัย ดังนี้
1. พวงมาลัยข้าวตอกแตก จะร้อยต่อดอกแบบอุบะ โดยมีความยาวอยู่ 3 ขนาด เราเรียกขั้นตอนนี้ว่า ทำสายพวงมาลัย จำนวนสายมากน้อย เล็กหรือใหญ่ ตามแต่ศรัทธากำลังความสามารถของผู้ทำ สายมาลัยจะผูกนำมามัดใส่กรงที่ทำด้วยไม้เป็นรูปสามเหลี่ยมสองอันผูกไขว้กัน ซึ่งจะทำให้เกิดมุมดังนี้
1.1 มุมนอก 6 มุม จะมัดสายมาลัยที่สั้นที่สุด มุมละ 5-9 สาย
1.2 มุมใน 6 มุม จะมัดสายมาลัยที่ยาวขนาดกลาง มุมละ 5-9 สาย
1.3 ตรงกลาง จะทำเป็นพวงใหญ่และยาวที่สุดสายเดียว จะมัดโยงมาจากไม้ที่ใช้ห้อยพวงมาลัยแห่
2. พวงมาลัยเส้นด้าย ก็จะนำฝ้ายที่ทำเป็นเส้นด้ายเป็นติ้ว (ไจ,ไนหรือปอย) แล้วมาตกแต่งใส่กรงไม้เหมือนพวงมาลัยข้าวตอกแตก จะมีมุมนอก มุมในและตรงกลาง
สายมาลัยข้าวตอกแตกหรือมาลัยฝ้าย เมื่อมัดใส่กรงไม้แล้วก็จะนำมาประดับตกแต่ง ดังนี้
1. ตกแต่งเป็นลวดลาย เช่น ลวดลายตาข่าย ลายเกล็ด ลายก้านสามดอก ลายกระเบื้อง สายสี่ก้านสี่ดอก ลายดาวกระจาย ลายแก้วชิงดวง ลายแมงมุม ลายดาวล้อมเดือน และลายวิมานแปลง ตามแต่ฝีมือและความรู้ความชำนาญ
2. ตกแต่งด้วยดอกไม้ประดิษฐ์ ทำเป็นดอกไม้ พู่ พุ่ม หรือสีสันของการประดิษฐ์งานฝีมือ

การแห่พวงมาลัย
พวงมาลัยที่ทำเสร็จแล้วจะนำไปแห่ในวันเวลาที่นัดหมายกัน คือ แห่ไปถวายวัดฟ้าหยาดช่วงจัดงานบุญประจำปี (บุญกุ้มข้าวใหญ่) บุญคูณลาน และบุญพวงมาลัย ซึ่งจัดทำพร้อมกันช่วงเดือนยี่ (เดือนสอง) และแห่ไปถวายวัดหอก่องในวันขึ้นสิบสี่ค่ำ เดือนสาม ก่อนวันมาฆบูชาหนึ่งวัน ชาวบ้านที่เป็นเจ้าของพวงมาลัยจึงนำพวงมาลัยของตนเองมารวมกันยังที่นัดหมาย มีขบวนกลองยาวช่วยเพิ่มรสชาติความสนุกสนานมีชีวิตชีวาในการแห่ เจ้าของพวงมาลัยจะใช้ไม้ไผ่ลำยาวเพื่อยกหรือชูมาลัยให้สูงจากพื้นดิน จะได้ไม้ห้อย (ระ) ติดพื้นดิน เพราะสิ่งของที่จะเป็นพุทธบูชาถือว่าเป็นของสูงค่ายิ่งนัก ในขบวนแห่นอกจากพวงมาลัยข้าวตอกแตกและพวงมาลัยเส้นฝ้ายแล้ว ยังมีพานพุ่มที่จัดเป็นพุ่มเงิน พุ่มทอง และพุ่มดอกไม้ที่จัดประดับตกแต่งด้วยเงิน สิ่งของและปัจจัยไทยทานที่ประสงค์จะทำบุญตามกำลังศรัทธาของแต่ละคน


35  ภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4 / ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมะ ที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ เพื่อเข้าใจในสัมมาทิฏฐิ / มาสร้างบุญบารมีกันเถอะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 14, 2009, 01:46:05 PM
1. นั่งสมาธิ    อย่างน้อยวันละ 15 นาที(หรือเดินจงกรมก็ได้)
     อานิสงส์ --- เพื่อสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดขึ้นทั้งภพนี้และภพหน้า
                เพื่อจิตใจที่สว่างผ่อนปรนจากกิเลส ปล่อยวางได้ง่าย
                จิตจะรู้วิธีแก้ปัญหาชีวิตโดยอัตโนมัติ
               ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันอับจน
               ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพกายและจิตแข็งแรง
              เจ้ากรรมนายเวรและญาติมิตรที่ล่วงลับจะได้บุญกุศล
 
2. สวดมนต์ ด้วยพระคาถาต่างๆอย่างน้อยวันละครั้งก่อนนอน
     อานิสงส์ --- เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง
                 ชีวิตหน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า
                 เงินทองไหลมาเทมา แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง จิตจะเป็นสมาธิได้เร็ว
                 แนะนำพระคาถาพาหุงมหากา , พระคาถาชินบัญชร ,
                 พระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก เป็นต้น
                 เมื่อสวดเสร็จต้องแผ่เมตตาทุกครั้ง
 
3. ถวายยารักษาโรค ให้วัด , ออกเงินค่ารักษาให้พระตามโรงพยาบาลสงฆ์
    อานิสงส์ - -- ก่อให้เกิดสุขภาพร่มเย็นทั้งครอบครัว โรคที่ไม่หายจะทุเลา
                          สุขภาพกายจิตแข็งแรง อายุยืนทั้งภพนี้และภพหน้า
                         ถ้าป่วยก็จะไม่ขาดแคลนการรักษา
 
4. ทำบุญตักบาตร ทุกเช้า
    อานิสงส์ --- ได้ช่วยเหลือศาสนาต่อไปทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ขาดแคลนอาหาร
                       ตายไปไม่หิวโหย อยู่ในภพที่ไม่ขาดแคลน ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์
 
5.. ทำหนังสือหรือสื่อต่างๆ เกี่ยวกับธรรมะแจกฟรีแก่ผู้คนเป็นธรรมทาน
      อานิสงส์ --- เพราะธรรมทานชนะการให้ทานทั้งปวง ผู้ให้ธรรมจึงสว่างไปด้วยลา ภ ยศ
                     สรรเสริญ ปัญญา และบุญบารมีอย่างท่วมท้น เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้
                     ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่คาดฝัน
 
6. สร้างพระถวายวัด
    อานิสงส์ --- ผ่อนปรนหนี้กรรมให้บางเบา ให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง
                       สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง ครอบครัวเป็นสุข
                        ได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ของพุท ธศาสนาตลอดไป
 
7. แบ่งเวลาชีวิตไปบวชชีพรามณ์ หรือบวชพระอย่างน้อย 9 วันขึ้นไป
    อานิสงส์ --- ได้ตอบแทนคุณพ่อแม่อย่างเต็มที่
                        ผ่อนปรนหนี้กรรมอุทิศผลบุญให้ญาติมิตรและเ??้ากรรมนายเวร
                        สร้างปัจจัยไปสู่น ิพพานในภพต่อๆไป ได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนา
                       จิตเป็นกุศล
 
8. บริจาคเลือดหรือร่างกาย
     อานิสงส์ --- ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพแข็งแรง ช่วยต่ออายุ
                       ต่อไปจะมีผู้คอ ยช่วยเหลือไม่ให้ตกทุกข์ได้ยาก เทพยดาปกปักรักษา
                      ได้เกิดมามีร่างกายที่งดงามในภพหน้า ส่วนภพนี้ก็จะมีราศีผุดผ่อง
 
9. ปล่อยปลา ที่ซื้อมาจากตลาดรวมทั้งปล่อยสัตว์ไถ่ชีวิตสัตว์ต่างๆ
  อานิสงส์ --- ช่วยต่ออายุ ขจัดอุปสรรคในชีวิต
                     ชดใช้หนี้กรรมให้เจ้ากรรมนายเวรท ี่เคยกินเข้าไป ให้ทำมาค้าขึ้น
                     หน้าที่การงานคล่องตัวไม่ติดขัด ชีวิตที่ผิดหวังจะค่อยๆฟื้นคืนสภาพที่สดใส
                     เป็นอิสระ
 
10. ให้ทุนการศึกษา , บริจาคหนังสือหรือสื่อการเรียนต่างๆ , อาสาสอนหนังสือ
  อานิสงส์ --- ทำให้มีสติปัญญาดี ในภพต่อๆไปจะ ฉลาดเฉลียวมีปัญญา
                      ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนอย่างรอบรู้ สติปัญญาสมบูรณ์พร้อม
 
11. ให้เงินขอทาน , ให้เงินคนที่เดือดร้อน(ไม่ใช่การให้ยืม)
  อานิสงส์ --- ทำให้เกิดลาภไม่ขาดสายทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ตกทุกข์ได้ยาก
                      เกิดมาชาติหน้าจะร่ำรวยและไม่มีหนี้สิน ความยา กจนในชาตินี้จะทุเลาลง
                     จะได้เงินทองกลับมาอย่างไม่คาดฝัน
 
12. รักษาศีล 5 หรือศีล 8
  อานิสงส์ --- ไม่ต้องไปเกิดเป็นเปรตหรือสัตว์นรก
                     ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐครบบริบูรณ์ ชีวิตเจริญรุ่งเรือง
                       กรรมเวรจะไม่ถ่าโถม ภัยอันตรายไม่ย่างกราย เทวดานางฟ้าปกปักรักษ า
อานิสงส์ 10 ข้อของการไม่กินเนื้อสัตว์

1. เป็นที่รักของบรรดาเทพ พรหม ตลอดจนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
2. จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น
3. สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์เหี้ยมโหดเค ี ยดแค้นในใจลงได้
4. ปราศจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย
5. มีอายุมั่นขวัญยืน
6. ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากเทพทั้งปวง
7. ยามหลับนิมิตเห็นแต่สิ่งที่ดีงามเป็นสิริมงคล
8. ย่อมระงับการจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ่งกันและกัน
9. สามารถดำรงอยู่ในกระแสพระนิพพาน ไม่พลัดหลงตกลงสู ่ อบายภูมิ
10. ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตจะมุ่งสู่สุคติภพ
อานิสงส์การจัดสร้างพระพุทธรูปหรือสิ่งพิมพ์อันเกี่ยวกับพระธรรมคำสอนเป็นกุศลดังนี้
1. อกุศลกรรมในอดีตชาติแต่ปางก่อน จะเปลี่ยนจากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นสูญ
2. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง สรรพภยันตรายสลาย ปวงภัยไม่มี คนคิดร้ายไม่สำเร็จ
3. เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติแต่ปางก่อน เมื่อได้รับส่วนบุญไปแล้วก็จะเลิกจองเวรจองกรรม
4. เหล่ายักษ์ผีรากษส งูพิษเสือร้าย ไม่อาจเป็นภัยอยู่ในที่ใดก็แคล้วคลาดจากภัย
5. จิตใจสงบ ราศีผ่องใส สุขภาพแข็งแรง กิจการงานเป็นมงคล รุ่งเรืองก้าวหน้าผู้คนนับถือ
6. มั่นคงในคุณธรรม ความอุดมสมบูรณ์ปรากฏ (เกินความคาดฝัน) ครอบครัวสุขสันต์   วาสนายั่งยืน
7. คำกล่าวเป็นสัจจ์ ฟ้าดินปราณี ทวยเทพยินดี มิตรสหายปรีดา หนี้สินจะหมดไป
8. คนโง่สิ้นเขลา คนเจ็บหายได้ คนป่วยหายดี ความทุกข์หายเข็ญ   สตรีจะได้เกิดเป็นชายเพื่อบวช
9. พ้นจากมวลอกุศล เกิดใหม่บุญเกื้อหนุน มีปัญญาล้ำเลิศ บุญกุศลเรืองรอง
10. สิ่งที่สร้างจะบังเกิดเป็นกุศลจิตแก่ทุกคนที่ได้พบเห็นเป็นเนื้อนาบุญอย่างเอนกทุกชาติของผู้สร้างที่เกิดจะได้ฟังธรรมจากพระอริยเจ้าปัญญาในธรรมแก่กล้าสามารถได้อภิญญาหก สำเร็จโพธิญาณ
 
อานิสงส์การบวชพระบวชชีพรามณ์     ( บวชชั่วคราวเพื่อสร้างบุญ , อุทิศให้พ่อแม่เจ้ากรรมนายเวร )
1. หน้าที่การงานจะเจริญรุ่งเรือง ได้ลาภ ยศ สรรเสริญตามปรารถนา
2. เจ้ากรรมนายเวรจะอโหสิกรรม หนี้กรรมในอดีตจะคลี่คลาย
3. สุขภาพแข็งแรง สติปัญญาแจ่มใส ปัญหาชีวิตคลี่คลาย
4. เป็นปัจจัยสู่พระนิพพานในภพต่อๆไป
5. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง โพยภัยอันตรายผ่อนหนักเป็นเบา
6. จิตใจสงบ ปล่อยวางได้ง่าย มองเห็นสัจธรรมแห่งชีวิต
7. เป็นที่รักที่เมตตามหานิยมของมวลมนุษย์มวลสัตว์และเหล่าเทวดา
8. ทำมาค้าขึ้น ไม่อับจน การเงินไม่ขาดสายไม่ขาดมือ
9. โรคภัยของตนเอง ของพ่อแม่ และของคนใกล้ชิดจะเบาบางและรักษาหาย
10. ตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ได้เต็มที่สำหรับผู้ที่บวชไม่ได้เพราะติดภาระกิจต่างๆ   ก็สามารถได้รับอานิสงส์เหล่านี้ได้ด้วยการสร้าง
คนให้ได้บวชสนับสนุนส่งเสริมอาสา การให้คนได้บวช

        ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างบุญที่ยกขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงอานิสงส์ที่ท่านพึงจะได้รับจงเร่งทำบุญเสียแต่วันนี้ เพราะเมื่อท่านล่วงลับท่านไม่สามารถสร้างบุญได้อีกจนกว่าจะได้เกิด หากท่านไม่มีบุญมาหนุนนำแรงกรรมอาจดึงให้ท่านไปสู่ภพเดรัจฉาน ภพเปรต ภพสัตว์นรกที่ไม่อาจสร้างบุญสร้างกุศลได้ต่อให้ญาติโยมทำบุญอุทิศให้ก็อาจไม่ได้รับบุญดังนั้นท่านจงพึ่งตนเองด้วยการสร้างสมบุญบารมีซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ท่านจะนำติดตัวไปได้ทุกภพทุกชาติเสียแต่วันนี้ด้วยเทอญ



จาก FWD-Mail
36  ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และทุกอย่าง เกี่ยวกับ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า / ทุกอย่างที่เกี่ยวกับ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน / พระพุทธเจ้า 10 ชาติ เมื่อ: มกราคม 15, 2009, 10:50:05 AM
ชาติที่ 1 พระเตมีย์ใบ้


ประวัติพระเตมีย์ใบ้ ในรูปแบบไฟล์ WMA
พระเตมีย์ใบ้ ตอนที่ 1  http://www.fungdham.com/download/read/todsachart-chadok/01-temebie-1.WMA
พระเตมีย์ใบ้ ตอนที่ 2  http://www.fungdham.com/download/read/todsachart-chadok/02-temebie-2.WMA



ชาติที่ 2 พระมหาชนก


ประวัติพระมหาชนก ในรูปแบบไฟล์ WMA
พระมหาชนก  http://www.fungdham.com/download/read/todsachart-chadok/03-pramahachanok.WMA



ชาติที่ 3 พระสุวรรณสาม


ประวัติพระสุวรรณสาม ในรูปแบบไฟล์ WMA
พระสุวรรณสาม  http://www.fungdham.com/download/read/todsachart-chadok/04-prasuwunnasarm.WMA



ชาติที่ 4  พระเนมิราช


ประวัติพระเนมิราช ในรูปแบบไฟล์ WMA
พระเนมิราช  http://www.fungdham.com/download/read/todsachart-chadok/05-pranemiratch.WMA


ชาติที่ 5  พระมโหสถ


ประวัติพระมโหสถ ในรูปแบบไฟล์ WMA
พระมโหสถ  http://www.fungdham.com/download/read/todsachart-chadok/06-pramahosoth.WMA



ชาติที่ 6  พระภูริทัต


ประวัติพระภูริทัต ในรูปแบบไฟล์ WMA
พระภูริทัต  ตอนที่ 1  http://www.fungdham.com/download/read/todsachart-chadok/07-prapuritath-1.WMA
พระภูริทัต  ตอนที่ 2  http://www.fungdham.com/download/read/todsachart-chadok/08-prapuritath-2.WMA



ชาติที่ 7  พระจันทกุมาร


ประวัติพระจันทกุมาร ในรูปแบบไฟล์ WMA
พระจันทกุมาร  http://www.fungdham.com/download/read/todsachart-chadok/09-prajuntakumarn.WMA



ชาติที่ 8  พระพรหมนารถ


ประวัติพระพรหมนารถ ในรูปแบบไฟล์ WMA
พระพรหมนารถ  http://www.fungdham.com/download/read/todsachart-chadok/10-prapromnarod.WMA



ชาติที่ 9  พระวิฑูร


ประวัติพระวิฑูร ในรูปแบบไฟล์ WMA
พระวิฑูร  ตอนที่ 1  http://www.fungdham.com/download/read/todsachart-chadok/11-pravitoon-1.WMA
พระวิฑูร  ตอนที่ 2  http://www.fungdham.com/download/read/todsachart-chadok/12-pravitoon-2.WMA



ชาติที่ 10  พระเวสสันดร


ประวัติพระเวสสันดร ในรูปแบบไฟล์ WMA
พระเวสสันดร  ตอนที่ 1  http://www.fungdham.com/download/read/todsachart-chadok/13-pravethsandorn-1.WMA
พระเวสสันดร  ตอนที่ 2  http://www.fungdham.com/download/read/todsachart-chadok/14-pravethsandorn-2.WMA
พระเวสสันดร  ตอนที่ 3  http://www.fungdham.com/download/read/todsachart-chadok/15-pravethsandorn-3.WMA



อ้างอิง : ธรรมะสวัสดี   http://groups.google.co.th/group/DhammaSawasdee/web/
37  ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และทุกอย่าง เกี่ยวกับ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า / ทุกอย่างที่เกี่ยวกับ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน / Life of the Buddha (Khmer) เมื่อ: มกราคม 13, 2009, 05:20:44 PM
[youtube=425,350]CF7gxD8MztY[/youtube]

คลิกเข้าไปดูได้น่ะครับ Buddha (Khmer)
38  ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และทุกอย่าง เกี่ยวกับ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า / ทุกอย่างที่เกี่ยวกับ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน / Life of the Buddha (Thai) เมื่อ: มกราคม 13, 2009, 05:15:47 PM
39  ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และทุกอย่าง เกี่ยวกับ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า / ทุกอย่างที่เกี่ยวกับ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน / The life of Buddha เมื่อ: มกราคม 13, 2009, 05:07:44 PM
40  ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และทุกอย่าง เกี่ยวกับ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า / ทุกอย่างที่เกี่ยวกับ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน / Re: การ์ตูน พระพุทธเจ้า สิบชาติ ๑๐ พระเวสสั&# เมื่อ: มกราคม 13, 2009, 04:39:15 PM
แจ่มเลย
41  รวมรูปภาพต่างๆเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา พาเที่ยววัด ใน Kammatan.com Gallery / พุทธศาสนาสองฝั่งโขง / Re: วัดเชียงทอง หลวงพระบาง - ลาว เมื่อ: มกราคม 08, 2009, 02:27:25 PM
 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม สู้เซียนไม่ได้หรอก มันมีเทคนิคเล็กน้อย หุๆ
42  รวมรูปภาพต่างๆเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา พาเที่ยววัด ใน Kammatan.com Gallery / พุทธศาสนาสองฝั่งโขง / วัดเชียงทอง หลวงพระบาง - ลาว เมื่อ: มกราคม 08, 2009, 01:51:59 PM








เพิ่มเติม http://samarn.multiply.com/photos/album/137/137
43  รวมรูปภาพต่างๆเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา พาเที่ยววัด ใน Kammatan.com Gallery / พุทธศาสนาสองฝั่งโขง / ตักบาตรข้าวเหนียว หลวงพระบาง - ลาว เมื่อ: มกราคม 08, 2009, 09:30:31 AM



















44  ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และทุกอย่าง เกี่ยวกับ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า / ทุกอย่างที่เกี่ยวกับ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน / Re: พุทธประวัติ พร้อมภาพประกอบ เมื่อ: ธันวาคม 24, 2008, 05:20:39 PM
62. แสดงโอวาทปาติโมกข์



     นี่เป็นภาพเหตุการณ์ในวันมาฆะ ที่เรียกกันว่าวันที่พระสงฆ์ที่เป็นพระอรหันต์จำนวนเป็นพัน ๆ รูปได้มาพร้อมกันโดยมหัศจรรย์ โดยไม่ได้นัดหมาย จำนวนถึง 1,250 องค์ มาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ซึ่งเรื่องเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ ที่พระสาวกมีน้ำใจอันหนึ่งอันเดียวกันว่า มุ่งหน้าสู่พระศาสดา

    ท่านทั้งหลายเหมือนกัน พวกเราบางทีก็ไม่ได้นัดหมาย ต่างคนต่างมา ต่างอยากจะรู้ ต่างอยากจะดู ต่างอยากจะฟัง เพราะจิตใจของเรานั้นมอบให้พระพุทธเจ้าเข้ามานั่งอยู่ในหัวใจเสียแล้ว อยู่ที่ไหน ๆ ก็สามารถรวมกันได้โดยไม่ต้องเรียกร้องบอกกล่าว

45  ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และทุกอย่าง เกี่ยวกับ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า / ทุกอย่างที่เกี่ยวกับ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน / Re: พุทธประวัติ พร้อมภาพประกอบ เมื่อ: ธันวาคม 24, 2008, 05:18:11 PM
61. โปรดพระเจ้าพิมพิสาร



     ภาพนี้ พระองค์ได้มาโปรดพระเจ้าพิมพิสาร ซึ่งแต่เดิมนั้นนับถือเคารพอุรุเวลกัสสปะมาก ก่อนที่พระองค์จะแสดงธรรมนั้นได้ถามอุรุเวลกัสสปะว่า บัดนี้ ท่านได้เลื่อมใสในธรรมของใคร ท่านเคารพธรรมของใคร อุรุเวลกัสสปะก็บอกเคารพธรรมของพระผู้มีพระภาค เลื่อมใสพระผู้มีพระภาค เป็นการเรียกศรัทธาให้เกิดขึ้นก่อน เมื่อพระเจ้าพิมพิสารเห็นว่าอาจารย์ของตนยังเลื่อมใสพระผู้มีพระภาค จึงเกิดเพิ่มศรัทธาในพระผู้มีพระภาคขึ้นมา เมื่อศรัทธาเสียแล้วจะป้อนธรรมะลงไปมันก็ง่าย เหมือนท่านทั้งหลาย ถ้าศรัทธาในพระพุทธประวัติชุดนี้ ก็ทำให้เข้าใจง่ายและอยากจะฟังติดตาม พระเจ้าพิมพิสารก็เช่นกันเมื่อได้ฟังธรรมก็ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน พร้อมกับบริวารอีกเป็นจำนวนมาก
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 15