"ความสุขที่แท้จริง"
น้ำตาที่สัตว์โลกต้องหลั่งในแต่ละภพแต่ละชาตินี้ ถ้าเอามารวมกันแล้ว พระองค์ทรงตรัสว่ามากยิ่งกว่าน้ำในมหาสมุทร
คิดดูก็แล้วกันว่า จะต้องมาเกิดมาร้องห่มร้องไห้กี่ครั้งกัน ถึงจะมีน้ำตามากกว่าน้ำในมหาสมุทร
นั่นคือปริมาณของความทุกข์ของสัตว์โลก ที่มีกันอยู่ทุกภพทุกชาติที่มาเกิดมาได้ร่างกาย
ก็จะต้องมีการร้องห่มร้องไห้ มีความเศร้าโศกเสียใจ เวลาที่จะต้องพลัดพรากจากสิ่งต่างๆ จากบุคคลต่างๆ
พลัดพรากจากร่างกายไป การหาความสุขทางร่างกาย จึงเป็นการหาความทุกข์มากกว่า แต่เนื่องจากไม่มีทางเลือก
ก็เลยจำเป็นต้องหาความสุขแบบทางร่างกายนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้มีคนมาบอกทางเลือก ก็คือพระพุทธเจ้า
พอพระพุทธเจ้าทรงค้นพบความสุขที่ถาวรแล้ว ก็นำเอามาเผยแผ่มาบอกมาสอน วิธีที่จะให้เข้าถึงความสุขที่ถาวรนี้
ถ้าเชื่อถ้าศรัทธา แล้วน้อมนำเอาไปปฏิบัติ ก็จะสามารถเข้าถึงความสุขที่ถาวรนี้ได้ เมื่อเข้าได้แล้วก็จะมาเป็นผู้ช่วยพระพุทธเจ้า
มาเผยแผ่สั่งสอนวิธีเข้าถึงความสุขที่แท้จริงนี้ต่อจากพระพุทธเจ้า พระพุทธศาสนาจึงยังมีปรากฏอยู่ในโลกนี้ได้จนถึงบัดนี้
ก็เพราะว่ามีผู้ที่เชื่อมีศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า ได้น้อมนำเอาไปปฏิบัติจนสามารถเข้าถึงความสุขที่แท้จริงที่ถาวรนี้ได้
แล้วก็นำเอามาเผยแผ่สั่งสอนให้แก่ผู้ที่ไม่รู้ต่อไป
นี่เป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนา ให้เจริญรุ่งเรืองมาถึง ๒,๕๐๐ กว่าปีแล้ว และก็จะเจริญรุ่งเรืองต่อไปตามที่ทรงพยากรณ์ไว้
พระพุทธศาสนานี้ก็จะมีอายุอยู่ได้ประมาณ ๕,๐๐๐ ปีด้วยกัน หลังจากนั้นก็จะไม่มีใครที่จะมาสั่งมาสอน
มาบอกวิธีให้เข้าถึงความสุขอันนี้ ถ้าไม่มีพระพุทธศาสนา สัตว์โลกก็ต้องหาความสุขทางร่างกายต่อไป
แล้วก็ต้องหลั่งน้ำตาที่มากยิ่งกว่าน้ำในมหาสมุทรต่อไปอีก จนกว่าจะมีพระพุทธเจ้าพระองค์ใหม่มาตรัสรู้
มาค้นพบความสุขที่ถาวร ความสุขทางใจ แล้วก็มาประกาศพระศาสนา เพื่อมาช่วยมาสอนสัตว์โลกให้ได้เข้าถึงความสุขที่แท้จริงนี้
ความสุขที่ถาวรนี้ต่อไป นี่คือเรื่องของความสุขทางใจ นานๆ จะมีโอกาสได้เข้าถึงกันสักครั้งหนึ่ง.
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๐
"ความสุข ๒ แบบ"
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
|