KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับ

ธรรมมะกับมนุษย์ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน => ธรรมมะจากพระสงฆ์ สุปฏิปันโน เป็นข้อคิด และแนวทาง เพื่อเป็นแรงใจในการปฏิบัติภาวนา => ข้อความที่เริ่มโดย: golfreeze ที่ ตุลาคม 02, 2012, 03:09:35 PM



หัวข้อ: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ ตุลาคม 02, 2012, 03:09:35 PM
(http://www.kammatan.com/gallary/images/20090217203110_luangpu_wan.jpg)

ส้วมเคลื่อนที่

ภายใต้หนังกำพร้าของคนเรามีแต่ความโสโครก น่าเกลียดน่าสะอิดสะเอียน
มีอวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต ไส้น้อย ไส้ใหญ่ กระเพาะ น้ำเลือด น้ำเหลือง
น้ำหนอง น้ำดี อุจจาระ ปัสสาวะ เหงื่อไคล ขังอยู่ภายในร่างกายโดยมีหนังกำพร่าห่อหุ้มอยู่
ถ้าลอกหนังออกจะเห็นร่างมีเลือดไหลโซมกาย เนื้อที่ปราศจากผิวหนังห่อหุ้มจะมองไม่เห็น
ความสวยสดงดงามเลย มองแล้วอยากจะอาเจียนมากกว่าน่ารัก ที่พอจะมองเห็นว่าสวยงามก็ตรงผิวห
นังห่อหุ้มเท่านั้น ผิวหนังนี้ก็ใช่ว่าจะเกลี้ยงเกลาเสมอไปไม่ คนเราต้องคอยอาบน้ำชำระล้างทุกวัน
เพราะสิ่งโสโครกเหงื่อไคลภายในหลั่งไหลออกมาลบเลือนความผุดผ่องของผิวกายอยู่ตลอดวัน
ถ้าไม่คอยชำระล้างก็จะสกปรกเหม็นสาบน่ารังเกียจ ทางช่องทวารขับถ่ายอุจจาระปัสสาวะ
ก็หลั่งไหลออกมาตามกำหนดเวลาของมันทุกวัน น่ารังเกียจ เลอะเทอะโสมม
ซึ่งเจ้าของไม่ปรารถนาจะแตะต้องทั้งๆ ที่เป็นของในกายของตัวเอง
ยิ่งพิจารณาไปคนเราก็คือส้วมเคลื่อนที่ หรือป่าช้าที่บรรจุซากศพเคลื่อนที่ และเป็นผีเน่าที่เดินได้ดีๆ นี่เอง

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่


หัวข้อ: Re: ส้วมเคลื่อนที่ ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: keroro ที่ ตุลาคม 04, 2012, 05:14:33 PM
ขอบคุณข้อมูลดีๆนะครับ


หัวข้อ: Re: ส้วมเคลื่อนที่ ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ ตุลาคม 07, 2012, 12:56:44 PM
(http://www.kammatan.com/gallary/images/20121002151042_luangpu_wan.jpg)


***บุพเพสันนิวาสอันเหลือเชื่อของหลวงปู่แหวน***


...หลวงปู่ว้าวุ่นใจเป็นอย่างยิ่ง จิตที่เคยควบคุมบังคับให้สงบนิ่งได้ก็เกิดปรวนแปรไป ความคิดคำนึงคอยแต่จะโลดแล่นซัดส่ายไปหาหญิงงามอย่างเดียว ทำให้หลวงปู่แหวนเกิดความหวาดกลัวตัวเองเป็นอย่างยิ่ง ขืนอยู่ต่อไปอาจจะพ่ายแพ้ต่อกิเลสเมื่อไหร่ก็ได้

ดังนั้น
หลวงปู่แหวนจึงตัดสินใจเก็บบริขารทั้งหลายเดินทางกลับประเทศไทยอย่างฉับพลัน ทันที
เมื่อข้ามแม่น้ำโขงสู่ผืนแผ่นดินมาตุภูมิแล้วก็มุ่งหน้าขึ้นไปทางอำเภอศรี เชียงใหม่ ระหว่างเดินทางหนี "มาตุคาม"
ซึ่งเป็นเนื้อคู่บุพเพสันนิวาสมาแต่ชาติปางก่อน จิตใจของหลวงปู่ยังโลดแล่นไปหาสาวงามเกือบตลอดเวลา
เป็นความรู้สึกที่ฟุ้งซ่านที่รุนแรงร้ายกาจสุดพรรณนาทีเดียว
หลวงปู่แหวนเดินทางมาถึงพระบาทเนินกุ่ม หินหมากเป้ง จึงหยุดยั้งอบรมตนอยู่ ณ ที่นี้
และก็เป็นวาสนาของหลวงปู่ที่ได้พบกับท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ซึ่งท่านได้ปลีกตัวออกจากหมู่คณะมาบำเพ็ญภาวนาอยู่ในบริเวณนั้นพอดี
หลวงปู่แหวนมีปีติยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบกับท่านอาจารย์ใหญ่

การได้มาพักอบรมตนอยู่ใกล้กับท่านพระอาจารย์มั่นก่อนเข้าพรรษาปีนั้น ทำให้หลวงปู่แหวนระงับความฟุ้งซ่านลงได้ไม่น้อย
แม้กระนั้นภาพของหญิงงามก็ยังปรากฏเป็นครั้งคราว ทำให้ดวงจิตหวั่นไหวอยู่เสมอ แต่เมื่อเร่งภาวนายิ่งขึ้นภาพนั้นก็สงบระงับไป
หากพลั้งเผลอเมื่อใดภาพสาวงามก็จะผุดขึ้นมาอีก
หลังจากเข้าพรรษาแล้ว หลวงปู่แหวนได้ตั้งใจปรารภความเพียรอย่างหนัก การเร่งความเพียรอย่างเต็มที่ทำให้จิตสงบอย่างรวดเร็ว
ทรงตัวสู่ฐานสมาธิได้ง่าย ไม่วุ่นวายฟุ้งซ่านอีก คล้ายกับจิตมันยอมสยบราบคาบแล้ว และเกิดอุบายทางปัญญาพอสมควร

แต่หลวงปู่หารู้ไม่ว่า ยิ่งเร่งความเพียรเอาจริงเอาจังหนักขึ้นเท่าใด กิเลสที่แสร้งสงบนิ่งก็เริ่มต่อต้านเอาจริงเอาจังมากขึ้นเท่านั้น
คราวนี้แทนที่จะควบคุมจิตให้ดำเนินไปตามทางที่ต้องการ มันกลับเตลิดโลดแล่นไปหาสาวงามที่บ้านนาสอง ริมฝั่งแม่น้ำงึมอีก
และครั้งนี้พลังของกิเลสดูจะรุนแรงยิ่งกว่าเดิม

หลวงปู่แหวนพยายามหาอุบายธรรมต่างๆ มาปราบเจ้าตัวกิเลสที่ฟูขึ้นมา แต่ไม่สำเร็จ หลวงปู่เล่าว่า

"ยิ่งเร่งความเพียร ดูเหมือนเอาเชื้อไปใส่ไฟ ยิ่งกำเริบหนักเข้าไปอีก เผลอไม่ได้เป็นต้องไปหาหญิงนั้นทันที
บางครั้งมันหนีออกไปซึ่งๆ หน้า คือขณะที่คิดอุบายการพิจาณาอยู่นั้นเอง (จิต) มันก็วิ่งออกไปหาหญิงนั้นซึ่งๆ
หน้ากันเลยทีเดียว" โอ... "มาตุคาม" นี้อันตรายนัก และหากเป็นบุพกรรมอันผูกพันร้อยรัดอยู่ด้วยบุพเพสันนิวาสเข้าไปอีก
การเอาชนะเพื่อยุติกรรมยิ่งลำบากยากเข็ญเป็นที่สุด"

หลวงปู่แหวน ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อพลังกิเลสกองนี้โดยเด็ดขาด อุบายการปฏิบัติธรรมทุกอย่างถูกนำมาใช้เพื่อต่อสู้กับกิเลสมารสุดชีวิต
เช่น เว้นการนอนเสีย มีเฉพาะอิริยาบถนั่ง เดิน ยืน เท่านั้น หลวงปู่แหวนทรมานจิตมันอยู่หลายวันหลายคืน
พร้อมกันนั้นก็พิจารณาดูว่าจิตยอมอยู่ใต้บังคับหรือไม่ มันคลายความรักต่อหญิงงามคนนั้นหรือไม่

ทำถึงอย่างนี้แล้วกลับไม่ได้ผล เพราะเผลอเมื่อไหร่ จิตมันจะโลดทะยานไปหาหญิงนั้นอีก

เอาใหม่...เมื่อจิตมันยังรัดรึงอยู่กับ "มาตุคาม" ไม่ยอมปล่อย ยอมคลาย หลวงปู่จึงตัดอิริยาบถนั่งกับนอนทิ้งไป
 เหลือยืนกับเดินจงกรม กระทำความเพียรเช่นนี้ทั้งวันทั้งคืน

แต่จิตมันก็ยังแส่ส่ายไปหาหญิงงามไม่ยอมหยุด ยิ่งทรมานมันมากเท่าไหร่ ดูเหมือนว่ามันจะดื้อรั้นโต้ตอบมากเท่านั้น

คราวนี้เปลี่ยนวิธีใหม่อีก... ไม่ฉันอาหารมันล่ะ เหลือแต่น้ำอย่างเดียว ถ้าจิตมันยังดื้อถือดี ยังทะยานเข้าหากองกิเลสไม่ยอมเลิกรา
หลวงปู่ตั้งเจตนาว่า ตายเป็นตาย ให้มันรู้ไปว่าจิตได้พ่ายแพ้แก่อำนาจกิเลสอย่างราบคาบแล้ว
หลวงปู่แหวนเพ่งพิจารณาหาอุบายกำราบจิตใหม่โดยการเพ่งเอาร่างกายของหญิงงาม นั้นยกขึ้นมาแล้วพิจารณากายคตาสติ
แยกอาการ ๓๒ นั้นทีละส่วน โดยอนุโลม ปฏิโลมเทียบเข้าหากายของตน พิจารณาละเอียดให้เห็นตามความเป็นจริงว่า
 อวัยวะแต่ละส่วนของหญิงนั้นก็มีเหมือนกันทุกอย่าง จะผิดแผกแตกต่างกันก็ด้วยลักษณะแห่งเพศเท่านั้น

หลวงปู่ทรงสมาธิแล้วพิจารณาอยู่เช่นนั้นกลับไปกลับมา ปัญญาก็เกิดขึ้น ปัญญาพิจารณา กายคตาสติ
ไปจนถึงหนังถ้าถลกหนังที่ห่อหุ้มเนื้อออกจนหมด ความจริงก็ปรากฏทันที นั่นคือเนื้อกายซึ่งปราศจากผิวหนังห่อหุ้มอยู่ย่อมีสภาพที่
ไม่น่าดู หรือ ดูไม่ได้เอาเสียเลย เพราะเหลือแต่เนื้อแดง ๆ เยิ้มด้วยน้ำเหลือง มีเส้นเลือดผุดพราวไปทั่ว "ตัวรู้"
ก็บอกว่าหากหญิงงามไม่มีหนังหุ้ม เหลือแต่เนื้อแดง ๆ ใครเล่าจะพิศวาสได้ลงคอ

อ้อ... คนเรามา "หลง" อยู่ตรง "หนัง" นี่เอง

ปัญญาเพ่งพินิจต่อไปอีกจนเห็นความเน่าเปื่อยแล้วก็สลายกาย เป็นกองเนื้อเน่า ๆ และกองกระดูกเท่านั้นเอง
ไม่มีอะไรตั้งอยู่ทรงสภาพเดิมไว้ได้อีก ไม่มีส่วนไหนจะคงอยู่ได้เลย

ปัญญาเพ่งต่อไปถึง มูตร (ปัสสาวะ) และ กรีษ (อุจจาระ) ของหญิงงาม ปัญญาก็ตั้งคำถามอีกว่า
ที่หญิงงาม น่ารัก น่าพิศวาสนั้น มูตรกับกรีษงามด้วยหรือเปล่า กินได้ไหม เอามาตระกองกอดได้ไหม "จิต" ตอบว่า "ไม่ได้"
ปัญญาก็ตั้งคำถามอีกว่า เมื่อกินไม่ได้ เอามาตระกองกอดไม่ได้ แล้วอันไหนล่ะที่ว่างาม อันไหนที่ว่าดี

จิตโดนปัญญาซักฟอกอย่างหนักเช่นนั้นก็ตอบไม่ได้ หาเหตุผลมาโต้แย้งไม่ได้
จิตมันก็อ่อนลงเพราะจนด้วยเหตุผลของปัญญา ก็ต้องยอมรับความเป็นจริง ยอมสารภาพผิดแต่โดยดี

จิตซึ่งเคยโลดแล่นแส่ส่ายออกไปตามวิสัยความอยากของมันก็พลันถึงความสงบ ไม่กำเริบร้อนเร่าอีก

หลวงปู่แหวนยังไม่วางใจจิตนัก ท่านจึงทดสอบโดยส่งจิตไปหาหญิงงามบ้านนาสอง ริมฝั่งแม่น้ำงึมหลายครั้ง
แต่จิตก็ไม่ยอมโลดแล่นไปอีก จิตคงทรงอยู่ในความสงบเพราะได้เห็นความเป็นจริงของธรรมแล้ว

การอดอาหาร และทำความเพียรอย่างยิ่งยวด เพื่อเอาชนะกิเลสมารของหลวงปู่แหวนครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์
จิตของท่านรู้แจ้งเห็นจริงในภัยของมาตุคาม อย่างทะลุปรุโปร่งและสิ้นพยศตั้งแต่นั้น...ตลอดไป

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่



ขอบพระคุณข้อมูลจาก : facebook กลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ http://www.kammtan.com


หัวข้อ: Re: ส้วมเคลื่อนที่ ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: the suffering ที่ ตุลาคม 07, 2012, 03:19:12 PM
ประทับใจมาก ;D


หัวข้อ: Re: ส้วมเคลื่อนที่ ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ ตุลาคม 09, 2012, 02:47:11 PM
(http://www.kammatan.com/gallary/images/20121009144628_ajan_wan.jpg)

"เราเกิดมา นินทา สรรเสริญก็ดี อย่าไปรับเอามาหมักไว้ในใจปล่อยผ่านไปเสีย
ความรัก ความชัง ความโลภ ความหลง เกิดขึ้นก็เพราะกิเลสมันเสวนากันอยู่
จาโค ปฏินิสฺสคฺโค สละคืนถอนออกจากใจนี้เสีย ตัณหาทั้งหลายก็ไหลมาจากเหตุ
ให้ละวางเสียให้หมด ให้ตั้งอยู่ในศีล ในทาน ในการบำเพ็ญกุศล ละบาปเสียให้หมด
ทั้งทางกาย ทางวาจา ทางใจ ที่ทุจริตละเสียให้หมด รักษากาย วาจา ใจ ที่สุจริตไว้"

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่


หัวข้อ: Re: ส้วมเคลื่อนที่ ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ ตุลาคม 13, 2012, 11:58:47 AM
(http://www.kammatan.com/gallary/images/20121013115819_luangpu_wan.jpg)

บรรดาสัตว์ทั้งหลายนั้น เมื่อไม่มีทุกข์มาถึงตัว มักไม่เห็นคุณพระศาสนา
มัวเมาประมาท ปล่อยกายปล่อยใจ ให้ประพฤติทุจริต ผิดศีลธรรมอยู่เป็นประจำนิสัย
เห็นผิดเป็นถูก เห็นกงจักรเป็นดอกบัว

ต่อเมื่อได้รับทุกข์เข้า ที่พึ่งอื่นไม่มี นั่นแหละจึงได้คิดถึงพระ
คิดถึงศาสนา แต่ก็เป็นเวลาที่สายไปแล้ว

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ


หัวข้อ: Re: ส้วมเคลื่อนที่ ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2013, 04:07:33 PM
(http://www.kammatan.com/gallary/images/20130204160607_luangpu_wan.jpg)

ให้ตั้งอยู่ในศีล
อดีตที่ล่วงมาแล้วอย่าไปคำนึงมาเป็นอารมณ์
ตัดอดีต อนาคตลงให้หมด

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ

ขอบพระคุณข้อมูลจาก : FB เครือข่ายกลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ เมษายน 13, 2013, 08:16:30 PM
(http://kammatan.com/gallary/images/20130206130552_luangta_mahabua_233.jpg)

“..ถ้าเราไม่หมั่นหาอุบายมาอบรมจิตแล้ว ส่วนมากจิตมักจะเกิดความเฉื่อยชา วางเฉย
ดังนั้น อุบายจึงเป็นของสำคัญ ยกขึ้นสู่การพิจารณาชี้แจง ให้จิตอาจหาญ ร่าเริง
เห็นแจ้งในจิตในใจของเรา ถ้าจิตยิ่งเกิดเกียจคร้านเท่าไรเราก็ต้องเพิ่มความพยายามตักเตือน
โดยอุบายให้มากขึ้นให้เท่าเทียมกัน จนเกิดความขยันขันแข็ง เบิกบานผ่องใส

ให้ ตั้งความสัจจ์ความเพียรไว้ อย่าเป็นคนเกียจคร้าน พระพุทธเจ้าสั่งสอนเราให้ตั้งอยู่ในมรรคในผล
 ให้พยายามรักษาจิตรักษาใจของเรา อาศัยความองอาจกล้าหาญ ในความพากความเพียรของเรา
อย่าอ่อนแอท้อแท้ เราต้องสู้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าองอาจกล้าหาญจึงจะผ่านอุปสรรคไปได้..”

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ เมษายน 24, 2013, 09:09:42 PM
(http://kammatan.com/gallary/images/20130424204250_28053_543366255713920_1850294815_n.jpg)

หลวงปู่แหวนท่านสอนว่า

ทุกคนได้สมบัติจากคุณพ่อ คุณแม่ ขาสอง แขนสอง หัวหนึ่ง
จงรักษาให้ดีๆ อย่าได้ใช้ผิดๆ เช่น
ทำร้ายชีวิตสัตว์ผู้อื่น แม้ตนเอง
ใช้ลักทรัพย์
ทำผิดประเพณีอันดีงาม ทางกาเม
พูด คิด ส่อเสียด อันเป็นเท็จ
ดื้มกินของมึนเมา เป็นเหตุให้ประมาท

ตั้งใจมั่น รักษาหายใจมั่นไว้ในศีล
อย่าขอพระแล้ว ออกไม่พ้นวัด ศีลตกหาย

รักษาสมบัติพ่อแม่ไว้ดีๆ
อย่าเป็นชาวพุทธขาดศีล
พระพุทธเจ้า ท่านสั่ง ท่านสอน
สร้างเหตุดี ผลดีมีแก่เรา



คำสอนจากหลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ พฤษภาคม 01, 2013, 07:58:56 PM
(http://kammatan.com/gallary/images/20130501195831_luangpu_wan.jpg)

ความดีนั้น เราต้องทำอยู่เสมอให้เป็นที่อยู่ของจิต เป็นอารมณ์ของจิต
ให้เป็นมรรค คือ ทางดำเนินไปของจิต มันจึงจะเห็นผลของความดี

ไม่ใช่เวลาใกล้ตายจึงจะนิมนต์พระไปให้ศีล ให้ไปบอกพุทโธ หรือตายไป
 แล้วให้ไปรับศีล เช่นนี้เป็นการกระทำที่ผิดทั้งหมด

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ พฤษภาคม 04, 2013, 11:41:00 AM
@..มาอ่านเรื่อง2พระอริยะเจ้า
หลวงปู่แหวนกับหลวงปู่ตื้อ
ออกธุดงค์พบปีศาจอสุรกาย..@

ในเช้าวันหนึ่ง หลวงปู่แหวนกับหลวงปู่ตื้อ
ได้อาศัยบิณฑบาตที่หมู่บ้านชาวป่า มี 4-5
หลังคาเรือน ชาวบ้านพากันมาใส่บาตรด้วย
ความดีใจ เพราะนานๆ จึงจะมีพระธุดงค์มาโปรดสักที

ชาวบ้านถามว่า พระคุณเจ้าทั้งสองจะไปไหน
หลวงปู่บอกว่าจะมุ่งไปทางเทือกเขาที่มองเห็น
แล้วจะลงไปทางสุวรรณเขต (อยู่ตรงข้ามกับมุกดาหาร)
ชาวบ้านแสดงอาการตกใจ พร้อมทั้งทัดทานว่า
อย่าไปทางโน้นเลย เพราะมียักษ์ปีศาจดุร้ายสิงอยู่
คอยทำร้ายคนและสัตว์ที่ผ่านไปทางนั้น

หลวงปู่ทั้งสอง กล่าวขอบใจในความหวังดี
และบอกว่าท่านทั้งสองได้มอบกายถวายชีวิต
ให้พระศาสนาแล้ว ขออย่าได้ห่วงตัวท่านเลย
แล้วท่านก็ออกเดินทางไปในทิศทางดังกล่าว

หลวงปู่ออกเดินทางโดยข้ามลำน้ำสองแห่ง
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ป่าแถบนั้นเงียบกริบ
ไม่ได้ยินเสียงสัตว์ต่างๆ เลย แม้แต่นกก็ไม่มี
ดูผิดประหลาดมาก

พอใกล้ค่ำหลวงปู่ทั้งสอง ก็มาถึงยอดเขาสูง
ที่มีลักษณะประหลาดมาก คือยอดเป็นสีดำ
คล้ายถูกไฟเผา รูปลักษณะดูตะปุ่มตะป่ำ
คล้ายหัวคนบ้าง หัวตะโหนกช้างบ้าง
แปลกไปจากเขาลูกอื่นๆ

หลวงปู่ทั้งสอง เลือกปักกลดค้างคืนข้างลำธาร
ที่มีน้ำใสไหลผ่านอยู่ที่เชิงเขาลูกนั้น ปักกลด
ห่างกันประมาณ 10 เมตร เมื่อสรงน้ำพอสดชื่น
แล้วต่างองค์ก็นั่งสงบภายในกลดของตน
ทั้งสององค์ตระหนักในความประหลาดของ
สถานที่นั้น ไม่ได้พูดอะไรกันเพียงแค่
นั่งสงบอยู่ภายในกลด

ประมาณ 5 ทุ่ม หลวงปู่แหวน ก็ออกจากกลด
เตรียมจะเดินจงกรม หลวงปู่ตื้อ ออกมาตาม
และพูดว่า “ผมรู้สึกว่าที่นี่วิเวกผิดสังเกตนะ”
หลวงปู่แหวน ตอบ “ผมก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน”
พูดกันแค่นี้แล้วต่างองค์ต่างก็เดินจงกรมในทางของตน

ต่อจากนั้นไม่นานก็มีเสียงกรีดแหลมเยือกเย็น
ดังลงมาจากยอดเขารูปประหลาดนั้น
เสียงนั้นแหลมลึกบีบเค้นประสาทจนรู้สึก
เสียวลงไปถึงรากฟันทีเดียว

หลวงปู่ตื้อ ถามพอได้ยินว่า
“ท่านแหวนได้ยินแล้วใช่ไหม”
หลวงปู่แหวน ตอบด้วยเสียงเรียบ ๆ ว่า
“ผมกำลังฟังอยู่”
เสียงกรีดร้องนั้นใกล้เข้ามาทุกที
ฟังแล้วน่าขนพองสยองเกล้า ทั้งสององค์
คงเดินจงกรมอยู่เงียบๆ ตามปกติเหมือน
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ป่านั้นเงียบสงัดจริงๆ เสียงนกเสียงแมลงก็ไม่มี
ครั้นแล้วเกิดพายุปั่นป่วนมาอย่างกระทันหัน
ชนิดไม่มีเค้ามาก่อนเลย ต้นไม้โยกไหวรุนแรง
ราวกับจะถอนรากออกมา อากาศพลันหนาวเย็น
วิปริตขึ้นมาทันที

พลันปรากฏร่างประหลาดขึ้นร่างหนึ่ง
ตัวดำมะเมื่อม สูงราว 7 ศอก มีขนยาว
รุงรังคล้ายลิงยักษ์ แต่หน้าคล้ายวัวควาย
ตาโปน มือสองข้างยาวลากดิน มันก้าว
เข้ามาอยู่ห่างจากหลวงปู่ทั้งสองประมาณ
10 เมตรเห็นจะได้

สัตว์ประหลาดนั้นส่งเสียงร้องโหยหวนขึ้น
พลันพายุนั้นก็สงบลง แสดงว่ามันมีอำนาจ
เหนือธรรมชาติ สัตว์นั้นส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง
ร้ายกาจเหมือนกลิ่นศพที่กำลังขึ้นอืด
มันกระทืบเท้าสนั่นจนแผ่นดินสะเทือน

หลวงปู่แหวนเล่าในภายหลังว่า ท่านไม่รู้สึกกลัว
แต่ขนลุกซู่ซ่าไปหมด เพราะไม่เคยเห็นสัตว์
ประหลาดอย่างนั้นมาก่อน ยังไม่รู้ว่าเป็นปีศาจ
หรือสัตว์อะไรแน่ ท่านได้กำหนดสติไม่ให้ใจ
คอวอกแวก ทอดสายตาไปยังสัตว์ประหลาดนั้น
กำหนดจิตแผ่เมตตาไปยังร่างนั้น
สัตว์ร่างยักษ์นั้นหยุดร้อง หยุดส่งกลิ่นเหม็น
แสดงว่ารับกระแสเมตตาได้ มันค่อยๆ
ทรุดร่างลงนั่งยองๆ เอามือยันพื้นไว้
ทำท่าแสดงความนอบน้อมต่อท่าน

หลวงปู่ตื้อ พูดพอได้ยินว่า “ท่านแหวนทำดีมาก”
พร้อมทั้งเดินมาสมทบ แล้วพูดว่า “
เขาแบกหามบาปหาบทุกข์อันมหันต์
เขามาหาเรา เพื่อให้ช่วยปลดทุกข์ให้เขานะ
เขาสร้างกรรมไว้มาก เมื่อตายจากมนุษย์แล้ว
ต้องมาเป็นปีศาจอสุรกาย ทนทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่”

หลวงปู่แหวน ได้กำหนดจิตถามดูก็ได้ความว่า
สมัยเป็นมนุษย์เขามีการกระทำที่มากล้นด้วยตัณหา
และความโลภ คือละเมิดศีลข้อ 2 และข้อ 3 อยู่เสมอ
จึงต้องมาเป็นปีศาจอสุรกาย รับทุกข์อยู่ที่นั่นมากว่าร้อยปีแล้ว

ปีศาจอสุรกายนั้นดูท่าทางอ่อนลงมาก
มันร้องไห้คร่ำครวญน่าสงสาร ขอความ
เมตตาจากพระคุณเจ้าทั้งสองให้เขาได้
พ้นทุกข์ทรมานนั้นด้วยเถิด

หลวงปู่แหวน ได้พิจารณาเห็นว่า เขาสร้างกรรม
ซับซ้อนเหลือเกินใครจะช่วยเขาได้ พลันหลวงปู่ตื้อ
ตอบมาในสมาธิว่า

“กรรมเป็นเรื่องสลับซับซ้อนลึกซึ้งอยู่ก็จริง
บางทีพระผู้มีศีลบริสุทธิ์และมีบารมีเช่นท่านแหวน
ก็อาจจะช่วยให้เขาพ้นทุกข์ได้ ลองอ่านพระคาถา
หรือเทศนาธรรมให้เขาฟังดูสิ”
หลวงปู่แหวนได้กำหนดจิตว่าพระคาถา
แล้วเทศนาให้เขาสำนึกบาปบุญคุณโทษ
เขาค่อยๆ คลายความกังวลลง ก้มลงกราบด้วยความซาบซึ้ง

“พระคุณเจ้า ข้าพเจ้าได้กำหนดจิตพิจารณาตาม
กระแสธรรมของท่านแล้ว เกิดแสงสว่างกับข้าพเจ้า
อย่างมหัศจรรย์ และข้าพเจ้าได้เห็นสภาวธรรม
คือ ชาติ ชรา มรณะ อันเป็นทุกข์เป็นธรรมดา
ของสรรพสัตว์ทั้งหลายแล้วพระคุณเจ้า”
สีหน้าเขาดูสดชื่นขึ้น ก้มลงกราบหลวงปู่
ทั้งสององค์ แล้วร่างนั้นก็หายไป

จากหนังสือ “หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ”
วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่
(โครงการหนังสือบูรพาจารย์ เล่ม3)



ขอบพระคุณข้อมูลจาก : FB คุณ กลุ่มสร้างสรรค์ รักพระพุทธเจ้า


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: the suffering ที่ พฤษภาคม 04, 2013, 07:24:23 PM
หลวงปู่แหวนเล่าในภายหลังว่า ท่านไม่รู้สึกกลัว
แต่ขนลุกซู่ซ่าไปหมด เพราะไม่เคยเห็นสัตว์
ประหลาดอย่างนั้นมาก่อน ยังไม่รู้ว่าเป็นปีศาจ
หรือสัตว์อะไรแน่ ท่านได้กำหนดสติไม่ให้ใจ
คอวอกแวก ทอดสายตาไปยังสัตว์ประหลาดนั้น
กำหนดจิตแผ่เมตตาไปยังร่างนั้น
สัตว์ร่างยักษ์นั้นหยุดร้อง หยุดส่งกลิ่นเหม็น
แสดงว่ารับกระแสเมตตาได้ มันค่อยๆ
ทรุดร่างลงนั่งยองๆ เอามือยันพื้นไว้
ทำท่าแสดงความนอบน้อมต่อท่าน
[/pre]


สาธุ


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ กรกฎาคม 04, 2013, 09:34:49 PM
(http://www.kammatan.com/gallary/images/20130704213347_luangpu_whan.jpg)


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ ตุลาคม 22, 2013, 10:22:54 PM
..ธรรมปฏิบัติพระสายป่ากรรมฐาน..

"..จิตของเรา ถ้ามัน"เกียจคร้าน"ขึ้นมา มันง่วงหงาวหาวนอน มันจะให้เรานอนท่าเดียว
ถ้ามันเกิดอย่างนี้ขึ้นมา เราต้อง"หาอุบาย"มาข่มขู่ตักเตือน "อุบายใด"ที่ยกขึ้นมาชี้แจงแล้ว"จิต"
ยอมเชื่อฟัง นั่นแหละคืออุบายที่ควรแก่จิตในลักษณะนั้น และในขณะนั้นๆ ถ้าเราไม่ข่มขู่ชี้โทษโดยอุบายที่ชอบ ใครเขาจะมาตักเตือนเรา

บางครั้ง"จิต"ถ้ามัน"เกียจคร้าน"ขึ้นมา มันจะวางเฉยในอารมณ์ทั้งหมด
ในลักษณะเช่นนี้แหละ เราต้องหาอุบายมาทำให้จิตตื่นให้ได้ เช่นไหว้พระสวดมนต์
หรือยกธรรมบทใดบทหนึ่งขึ้นมาพิจารณา ให้ตั้งอยู่ในความหมั่นความเพียรภาวนาสมาธิ ในคุณงามความดีของตน

นั่งภาวนาพยายามเพ่งดูในจิตในใจของเรานี้แหละ ถ้าไม่อาศัยความขยันหมั่นเพียรนี่..ไม่ได้!!
จิตเรานี้มันมักจะ"ไหล"ไปสู่อารมณ์ต่างๆ เป็นอดีต อนาคตไป เราต้องหาอุบายมาชี้แจง ให้ตั้งอยู่ใน"ปัจจุบันธรรม.."

_/|\_โอวาทธรรมหลวงปู่แหวน สุจิณโณ_/|\_


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ พฤศจิกายน 21, 2013, 09:37:27 PM
“ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา
เปรียบอุปมาเหมือนลำธารแม่น้ำน้อยนับไม่ถ้วน
ไหลลงไปสู่ทะเล หาแดนบ่ได้
นี้ก็ฉันใด กามตัณหามันบ่มีที่พอหรอกหนา
ฮัก (รัก) ก็กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา
ชังมันก็เกิดจากนี่ละ ได้ลูกได้หลานมาแล้วก็พออกพอใจ
ก็เพราะกามนี้แหละเป็นตัวเหตุ
เกิดก็เพราะกาม ตายก็เพราะกาม ทุกข์ก็เพราะกาม สุขก็เพราะกาม
กามตัณหาเหมือนเชือกผูกคอ
ภวตัณหารักลูก เป็นหูเป็นตาขึ้นมา เหมือนปอผูกศอก วิภวตัณหา
ทรัพย์สินเงินทองนับด้วยล้านโกฏิ พันหมื่นแสนก็ดี
ก็ไหลออกจากตัณหาทั้ง ๓ นี่นะ ”

หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ พฤศจิกายน 21, 2013, 09:40:37 PM
การเจริญสติบำเพ็ญภาวนาเท่านั้นถึงจะบรรลุพระอรหันต์ได้
การตัดกิเลสตัณหาต้องใช้พระกรรมฐานเท่านั้น พระกรรมฐานมีให้เลือกตั้งสี่สิบกอง"

ในอดีตมีคนเคยมาชวนหลวงปู่ฉันเจ ฝ่ายหลวงปู่ท่านตอบว่า
"ถ้ากินเจมันประเสริฐเป็นบุญใหญ่นัก วัว ควาย ก็คงเป็นพระอรหันต์หมดแล้ว
คนเราจะกินอะไรไม่สำคัญ สำคัญที่ว่ากิเลสตัณหาตัดได้หรือเปล่า
แล้วการกินเจก็ไม่ช่วยให้กิเลสตัณหาลดลง แต่ถ้าจะกินเพื่อสุขภาพละก็อนุโมทนา
แต่การกินเจไม่ช่วยให้พ้นนรกได้หรอก คนกินเจลงนรกก็เยอะแยะ
เพราะกิเลสตัณหายังเต็มหัวมันอยู่"

หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ ธันวาคม 03, 2013, 02:51:56 PM
"อย่าไปไขว่คว้าอะไรให้มันมากมายนัก ให้กำหนดสติรู้จิตเพียงอย่างเดียว
 บาปมันเกิดที่จิต บุญมันเกิดที่จิต ดีชั่วเกิดที่จิต สวรรค์นิพพานเกิดที่จิต มันไม่ได้เกิดที่อื่น "


หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ มกราคม 12, 2014, 09:17:06 PM
" อย่าเป็นคนเกียจคร้าน
พระพุทธเจ้าสั่งสอนเอาให้ตั้งอยู่ในมรรคในผล
ให้พยายามรักษาจิตรักษาใจของเรา
อาศัยความองอาจกล้าหาญ ในความพากความเพียรของเรา
อย่าอ่อนแอท้อแท้ เราต้องสู้กับทุกสิ่งทุกอย่าง
ถ้าองอาจกล้าหาญจึงจะผ่านอุปสรรคไปได้ "

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ มกราคม 30, 2014, 11:20:25 PM
เวลา กิเลส มันเกิดขึ้น
เกิดขึ้นทางกาย เกิดขึ้นทางวาจา เกิดขึ้นทางใจ
รู้ทันมัน เดี๋ยวนี้ มันก็ดับไป เดี๋ยวนี้แหละ

ตัว "สติ" มันปกครองอยู่เสมอ
ถ้ามีสติ อยู่ทุกเมื่อ มันบ่ได้คุมมันล่ะ
ครั้นเกิดขึ้น รู้ทัน มันก็ดับ รู้ทัน ก็ดับ
รู้ทัน ก็ดับ ..คิดผิด ก็ดับ คิดถูก ก็ดับ
พอใจ ไม่พอใจ ก็ดับลงทันที ที่ "ตัวสติ"

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ พฤษภาคม 11, 2014, 10:59:50 PM
เราไม่ยินดี จะก่อภพใหม่ต่อไปอีกแล้ว มันก็หมดเรื่องกันเท่านั้นละก้า
มิเข้าไปนอนในท้องแม่นอนกินน้ำกาม เกิดแก่เจ็บตายไม่มีแก่เราต่อไป มันหมดสิ้นละทีนี้
ถ้าไม่หมดมันก็หมุนอยู่นั้นละ ค้นอยู่ในนี้ละ อย่าไปละ ท่านไม่ให้ประมาทก้อนธัมเมา
อริยสัจธรรมทั้ง ๔ ก็อันนี้แล้ว ทุกข์มันก็เกิดนี่ละ สมมติอันใดทุกข์ก็อันนั้นละ
มรรคสัจอันในนิโรธธรรม เป็นธรรมอันดับทุกข์ก็อันนั้นละ ค้นอยู่ในนี้แหละ

ครั้งไปค้นที่อื่น เดี๋ยวก็ไปติดแผนที่ จำแผนที่ได้อันนั้นเป็นอย่างนั้นๆ สติปัฏฐาน ๔
ไปรู้แต่แผนที่ ตัวธรรมแท้ๆ ไม่รู้ กายานุปัสสนาสติปัฏฐานไปรู้แต่แผนที่
เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐานก็รู้แต่แผนที่ แล้วก็ไปติดแผนที่นั่นละ มันใช้ไม่ได้ละ มันต้องวางแผนที่

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ พฤษภาคม 11, 2014, 11:05:30 PM
(http://kammatan.com/gallary/images/20140511230447_luangpu_wan.jpg)

การต่อสู้กามกิเลส เป็นสงครามอันยิ่งใหญ่
กามกิเลสนี้ร้ายนัก มันมาทุกทิศทาง
ความพอใจก็คือกิเลส ความไม่พอใจก็คือกามกิเลส
กามกิเลสนี้ อุปมาเหมือนแม่น้ำ ธารน้ำน้อยใหญ่ไม่มีประมาณ
ไหลลงสู่ทะเล ไม่มีที่เต็ม ฉันใดก็ดี

กามตัณหาที่ไม่พอดี ภวตัณหา วิภวตัณหา
เป็นแหล่งก่อทุกข์ ก่อความเดือดร้อนไม่มีที่สิ้นสุด

ทั้งหมดอยู่ที่ใจ สุขก็อยู่ที่ใจ ทุกข์ก็อยู่ที่ใจ
ใจนี่แหละคือตัวเหตุ ทำความพอใจ ให้อยู่ที่ใจนี่..

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ พฤษภาคม 11, 2014, 11:06:30 PM
กามนี้เราเคยติดมาแล้วนับอเนกอนันต์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระองค์เร่งความเพียรจนรู้แจ้งเห็นจริง กามตัวเดียวที่ทำให้สัตว์ตาย
กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา เอาเข้ากลายเป็น กามตันหน้า ภวตันตา วิภวตันใจ
เมื่อกามเหล่านี้เข้าไปอุดไปตัน หน้า ตา ใจ แล้วก็เกิดความหลง ความรัก ความชัง
ความพอใจ ก็เพราะกาม
ความไม่พอใจก็เพราะกาม
มันเกิดขึ้นกับใจ

หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ พฤษภาคม 31, 2014, 10:49:03 AM
(http://kammatan.com/gallary/images/20140531104953_luangpu_wan.jpg)

กามนี้เราเคยติดมาแล้วนับอเนกอนันต์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระองค์เร่งความเพียรจนรู้แจ้งเห็นจริง กามตัวเดียวที่ทำให้สัตว์ตาย
กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา เอาเข้ากลายเป็น กามตันหน้าภวตันตา วิภวตันใจ
เมื่อกามเหล่านี้เข้าไปอุดไปตัน หน้า ตา ใจ แล้วก็เกิดความหลง ความรัก ความชัง
ความพอใจ ก็เพราะกาม
ความไม่พอใจก็เพราะกาม
มันเกิดขึ้นกับใจ

หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ พฤษภาคม 31, 2014, 10:51:03 AM
นวํ นตฺถิ เราไม่ยินดี จะก่อภพใหม่ต่อไปอีกแล้ว มันก็หมดเรื่องกันเท่านั้นละก้า
มิเข้าไปนอนในท้องแม่นอนกินน้ำกาม เกิดแก่เจ็บตายไม่มีแก่เราต่อไป
มันหมดสิ้นละทีนี้
ถ้าไม่หมดมันก็หมุนอยู่นั้นละ ค้นอยู่ในนี้ละ อย่าไปละ
ท่านไม่ให้ประมาทก้อนธัมเมา
อริยสัจธรรมทั้ง ๔ ก็อันนี้แล้ว ทุกข์มันก็เกิดนี่ละ สมมติอันใดทุกข์ก็อันนั้นละ
มรรคสัจอันในนิโรธธรรม เป็นธรรมอันดับทุกข์ก็อันนั้นละ ค้นอยู่ในนี้แหละ
ครั้งไปค้นที่อื่น เดี๋ยวก็ไปติดแผนที่ จำแผนที่ได้อันนั้นเป็นอย่างนั้นๆ
สติปัฏฐาน ๔ ไปรู้แต่แผนที่ ตัวธรรมแท้ๆ ไม่รู้
กายานุปัสสนาสติปัฏฐานไปรู้แต่แผนที่
เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐานก็รู้แต่แผนที่
แล้วก็ไปติดแผนที่นั่นละ มันใช้ไม่ได้ละ มันต้องวางแผนที่

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ มิถุนายน 23, 2014, 10:33:43 PM
ผู้ใดรักษาศีล มิขาดตกบกพร่อง ไหว้พระสวดมนต์เจริญสมถะและวิปัสสนาตามสมควร
ได้ปัญญาตามวาสนา โอกาศที่จะพ้นจากการท่องเที่ยวไปในภพน้อย ภพใหญ่ เกิดแล้วตาย
ตายแล้วเกิด เป็นวัฏจักร ก็พอจะมองเห็นทางมรรคผลนิพพานอยู่ไม่ไกล
จงรีบทำความเพียรเสียเพื่อมรรคผลนิพพานนั้น แล้วจะพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ กรกฎาคม 07, 2014, 09:37:50 PM
"ให้ภาวนาเอากายเป็นมรรค เอากายเป็นผล จงพากันละอุปาทานทั้งห้า
อนิจจังทั้งห้า ทุกขังทั้งห้า อนัตตตาทั้งห้า ละรูปธรรม นามธรรมนี้
วางได้มันก็เป็นธรรมนั่นแหละ ว่างไม่ได้มันก็ยึดเอารูปธรรมนามเป็นตัวเป็นตน
มันก็เป็นธรรมเมาอยู่นั่นเอง ความโกรธ ความหลง อกุศล ธรรมเมาทั้งหลาย
เมื่อเกิดขึ้น เรานั่นแหละเดือดร้อน เพราะฉะนั้นละให้หมด ทำใจของตนให้ผ่องใส"

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ กรกฎาคม 07, 2014, 09:40:34 PM
(http://kammatan.com/gallary/images/20140531104953_luangpu_wan.jpg)

ถ้าเราแผ่เมตตาเหมือนกับพระอาทิตย์ส่องแสง เมตตานั้นจะมีพลังสูงยิ่ง
เพราะธรรมชาติของพระอาทิตย์ขณะที่ส่องแสงไม่ได้เลือกชุมชน สรรพสัตว์ยากดีมีจน
อยู่ที่สูงหรือที่ต่ำ จะใกล้หรือไกล ก็ได้รับความร้อนเท่ากัน เมตตาธรรมก็เช่นกัน
ขอให้แผ่ไปให้แก่ชนทุกชั้นทุกระดับ ใครจะรับได้มากน้อย สุดแต่วาสนาบารมีของผู้นั้น

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ กรกฎาคม 07, 2014, 09:45:35 PM
(http://kammatan.com/gallary/images/20140707214357_luangpu_wan.jpg)

"สิ่งใดที่มันล่วงมาแล้ว เลยมาแล้ว เราไม่สามารถไปตัด ไปปลงมันได้อีกแล้ว
สิ่งที่เราทำไปนั้น ถ้ามันดีมัน ก็ดีไปแล้ว ผ่านไปแล้ว พ้นไปแล้ว ถ้ามันชั่วมันก็ชั่วไปแล้ว
ผ่านไปแล้ว เช่นกัน อนาคตยังมาไม่ถึง สิ่งที่ยังไม่มาถึง
เราก็ยังไม่รู้ไม่เห็นว่ามันจะเป็นอย่างไร อย่างมากก็เป็นแต่เพียงการคาดคะเนเอาเอง
ว่าควรเป็นยังงั้น เป็นยังงี้ ซึ่งมันอาจจะเป็น หรือไม่เป็นไปอย่างที่เราคาดคะเนก็ได้
ปัจจุบัน คือ สิ่งที่เกิดขึ้นจริง เราได้เห็นจริง ได้สัมผัสจริง
เพราะฉะนั้นความดีต้องทำในปัจจุบัน ทานก็ดี ศีลก็ดี ภาวนาก็ดี
ต้องทำเสียในปัจจุบันที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราต้องการความดี
ก็ต้องทำให้เป็นความดีในปัจจุบันนี้ ต้องการความสุข ต้องการความเจริญ ก็ต้องทำให้เป็นไปในปัจจุบันนี้”

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ กรกฎาคม 07, 2014, 09:52:53 PM
ต้องการ ละ ความพยาบาท หรือ ความคิดปองร้าย ต้องหมั่นเจริญเมตตา หรือ ไมตรีจิต คิดให้ผู้อื่นมีความสุข

ต้องการ ละ ความคิดเบียดเบียนผู้อื่น ต้องหมั่น เจริญ กรุณา หรือ เอ็นดู คือช่วยเหลือผู้อื่นพ้นทุกข์

ต้องการ ละ ความอิจฉาริษยา ต้องหมั่น เจริญมุทิตา หรือ พลอยยินดีเมื่อผุ้อื่นได้ดี

ต้องการ ละ ความขัดใจ ต้องหมั่น เจริญอุเบกขา หรือ การวางใจเป็นกลาง

ต้องการ ละ ความกำหนัดยินดี ต้องหมั่น เจริญอสุภะ หรือ เห็นความไม่งามเบื้อหลังความงาม

ต้องการ ละ ความคือตัวถือตน ต้องหมั่น เจริญ กฎการเปลี่ยนแปลง ให้เข้าใจ

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ สิงหาคม 06, 2014, 11:17:55 PM
เงินทอง ส่งถึงโรงพยาบาล
ลูกหลาน ส่งถึงหลุมศพ
บุญกุศล ส่งถึงภพหน้า
ภาวนา ส่งถึงนิพพาน

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ ธันวาคม 23, 2014, 11:10:24 PM
(http://kammatan.com/gallary/images/20141223230945_luangpu_wan22.jpg)
การเพ่งอย่าให้มันออกไปข้างนอก...
ให้เพ่งเข้ามาหาใจ...
ให้เข้าสู่ใจ ให้เข้าสู่ ฐิติ ภูตัง...
ให้ตั้งอยู่ในธรรม
อันไม่ไป ไม่มา ไม่เข้า ไม่ออก...
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ ธันวาคม 23, 2014, 11:14:27 PM
เวลากิเลสมันเกิดขึ้น
เกิดขึ้นทางกาย
เกิดขึ้นทางวาจา
เกิดขึ้นทางใจ
รู้ทันมันเดี๋ยวนี้
มันก็ดับไปเดี๋ยวนี้แหละ ตัว "สติ" มันปกครองอยู่เสมอ
ถ้ามี "สติ" อยู่ทุกเมื่อ
มันบ่ได้คุมมันแหละ
ครั้นเกิดขึ้น "รู้ทันมันก็ดับ" "รู้ทันก็ดับ
คิดผิดก็ดับ
คิดถูกก็ดับ
พอใจ ไม่พอใจ
ก็ดับลงทันทีที่ "สติ"

หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ มีนาคม 16, 2015, 09:48:04 PM
คนทุกคนเกิดมาย่อมมี ดี,ไม่ดี ในตัว
คนอื่นทำไม่ดีร้อยครั้ง,พันครั้ง ไม่เท่า เราทำไม่ดีครั้งเดียว
คนอื่นทำดีร้อยครั้ง,พันครั้ง ไม่เท่า เราทำดีครั้งเดียว
ความดีหรือไม่ดีไม่ได้อยู่กับบุคคลอื่น
หากอยูที่ตัวเรา เราทำอะไรอยู่ ดี หรือ ไม่ดี เรารู้เอง
ธรรมะพระพุทธเจ้าสอนให้ดูตัวเอง ทำตัวให้ดี
เหมือนท่านทานยา
ยาขนานนี้ กินแล้วแข็งแรงไม่มี โรคภัยเบียดเบียน...
กับ..ยาขนานนี้ กินแล้วไม่แข็งแรง มีโรคภัยเบียดเบียน...
ท่านจะทานยาขนานไหน ธรรมะก็เหมือนกันฉันนั้น

หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ
วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ มีนาคม 16, 2015, 09:49:52 PM
ละอยู่ที่ใจ วางอยู่ที่ใจ ไม่ใช่ที่อื่น เอาใจนี้ละ เอาใจนี้วางจึงใช้ได้
ไม่ใช่ไปจำเอาคำพูดในคัมภีร์มาพูดใช้ไม่ได้ มันต้องน้อมเข้ามาหากายหาใจของเรานี้
กำหนดการละ กำหนดการวางลงใน กาย วาจา ใจ ของเรานี้ รวมลงในไตรทวารนี้ ไม่ใช่ที่อื่น

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ กรกฎาคม 02, 2015, 07:05:45 PM
๒ กรกฎาคม รำลึก ๓๐ ปี อาจาริยบูชาคุณ หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ "พระอริยเจ้าแห่งวัดดอยแม่ปั๋ง"

"..นับอสงไขยไม่ได้ นับล้านอสงไขยไม่ถ้วน เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด มาตั้งแต่ดึกดําบรรพ์
มาตั้งแต่อดีต อนิจฺจํ ทุกขํ อนตฺตา มันเรื่องของสังขาร รู้เท่าสังขาร รู้เท่าสมมติ วางสังขารหมด
วางสมมติหมด ก็โลกวิทูรู้แจ้งโลก รู้แจ้งโลกแล้ว ก็รู้แจ้งธรรม

ฉะนั้น ไม่ให้ประมาท ให้ค้นอยู่ในก้อนธัมเมาอันนี้ละ พระธัมเมาก็ว่ามันเมาอยู่กับรูปนี้
ไม่เมารูปนี้ก็รูปอื่นมีทั่วไป ครั้งค้นนี้ให้แจ้ง แล้วก็หลุดออก แล้วมันก็สบาย
วางขันธ์ ๕ ธาตุ ๔ ดิน น้ำ ไฟ ลม เอาละอย่าไปเอามาก มันเป็นธัมเมา..."

โอวาทธรรมคำสอน หลวงปู่แหวน สุจิณโณ

ภาพประกอบวาดโดย เอ ท่องถิ่นธรรม พระกรรมฐาน

_/\_ _/\_ _/\_


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ กันยายน 10, 2015, 03:58:56 PM
คติธรรม ..หลวงปู่แหวน สุจิณโณ

"..เงินทอง ส่งถึงโรงพยาบาล
ลูกหลาน ส่งถึงหลุมศพ
บุญกุศล ส่งถึงภพหน้า
ภาวนา ส่งถึงนิพพาน.."

ซึ่งเป็นคติธรรมที่สั้นๆ แต่ความหมายลึกซึ้งอย่างยิ่ง ทำให้เราเกิดสติจิตคิดตาม ว่าชีวิตคนเราก็มีเพียงเท่านี้เอง ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนจึงใคร่ขอเชิญชวนท่านผู้อ่านทุกท่านได้พิจารณาคติธรรมดังกล่าวกันนะครับ สำหรับผู้เขียนเองคงต้องใช้เวลาอีกนานมากกว่าจะเข้าใจคติธรรมดังกล่าว แต่ก็จะพยายามต่อไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเช่นเคยก่อนจากกันย่อมเป็นธรรมเนียมที่จะต้องนำเสนอเป็นกาพย์ยานี ๑๑ ดังต่อไปนี้

เงินทองของนอกกาย อย่าเสียดายตายไม่มี
ใช้รักษาชีวี ให้สุขดีตามใจตน

ลูกหลานเพียงดูแล เพื่อพ่อแม่สุขมากล้น
ความตายหนีไม่พ้น บุญกุศลส่งภพหน้า

ฝึกจิตให้เบิกบาน สุขสำราญศีลนำพา
ตั้งมั่นภาวนา ทรงคุณค่าหานิพพาน

ชีวิตที่น้อยนัก สำคัญนักทุกประการ
ตั้งจิตสู่นิพพาน คงไม่นานชาตินี้เอย

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ พฤษภาคม 26, 2016, 08:25:51 AM
"อย่าหลงไหลไสยศาสตร์"

สามเณรแหวน มีความสนใจใคร่รู้ในศาสตร์ลึกลับมหัศจรรย์ในพระศาสนา ตามที่พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม
แนะนำ พระอาจารย์สิงห์ก็เล็งเห็นนิสัยใจคออันบริสุทธิ์ ของสามเณรอยู่แล้วว่า มีความเหมาะสมที่ควรจะได้ัรับวิชาพิเศษนี้
จึงได้ถ่ายทอดประสิทธิประสาท ให้จบสิ้นตำราเลย ทีเดียว
แต่ได้กำชับว่า

" วิชาไสยเวทวิทยาคมนี้เป็นเพียงโลกียวิชา เท่านั้น ไม่ใช่วิชาประเสริฐ ให้เรียนรู้ไว้ด้วยใจมั่น เพียงเพื่อเอาไว้สงเคราะห์ชาวบ้านเท่านั้นนะ
แต่เมื่อสามเณรออกธุดงค์กรรมฐานเมื่อไร ขอให้ปล่อยวางวิชาไสยเวทนี้เสีย อย่ายึดมั่นถือมั่น อย่าติดใจหลงใหลว่าเป็นวิชาประเสริฐ
เพราะเป็นเพียงโลกียวิชาเท่านั้น เป็นวิชาที่ขัดขวางโลกุตรธรรม ขัดขวาง มรรค ผล นิพพาน"
สามเณรแหวน รับคำสอนของพระอาจารย์สิงห์ ทุกประการ

พระอาจารย์สิงห์ กล่าวต่อไปว่า
" ธรรมดาพระเณรที่บำเพ็ญเพียรด้านกรรมฐานจนบรรลุ ธรรมแก่กล้า ได้ฌาณสมาบัติ ได้วิโมกข์ ได้อภิญญาจิต
ข้อใดข้อหนึ่งแล้ว ถ้าคิดจะสงเคราะห์ ชาวบ้านเมื่อไร ไม่จำเป็นต้องใช้เวทมนตร์คาถาเลย เพียงแต่นึกอธิษฐานจิตขอบารมี
พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ให้ช่วยขจัดปัดเป่าปัญหานั้นๆ ก็จะสำเร็จประโยชน์ในพริบตา เป็นที่น่าอัศจรรรย์"

ด้วยเหตุนี้เอง สามเณรแหวน จึงเป็นผู้รอบรู้ทางไสยเวทวิทยาคม อีกแขนงหนึ่ง ควบคู่ไปกับ การเรียนบาลีธรรมตั้งแต่เยาว์วัย
เมื่อมีญาติโยมมาขอรดน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์จากพระอาจารย์สิงห์ที่วัด พระอาจารย์มักจะให้สามเณรแหวน ทำหน้าที่รดน้ำมนต์แทนท่านอยู่เสมอ
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ ธันวาคม 18, 2016, 11:05:02 AM
ใกล้ตาย จึงนึกถึงพระ มีทุกข์มาถึง จึงนึกถึงพระศาสนา..."บรรดาสัตว์ทั้งหลายนั้น เมื่อไม่มีทุกข์มาถึงตัว
มักไม่เห็นคุณพระศาสนา มัวเมาประมาท ปล่อยกายปล่อยใจ ให้ประพฤติทุจริตผิดศีลธรรมอยู่เป็นประจำนิสัย
เห็นผิดเป็นถูก เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ต่อเมื่อได้รับทุกข์เข้า ที่พึ่งอื่นไม่มีนั่นแหละ
จึงได้คิดถึงพระ คิดถึงศาสนา แต่ก็เป็นเวลาที่สายไปแล้ว"
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ ธันวาคม 18, 2016, 11:05:25 AM
"บารมีต้องสร้างเอา เหมือนอยากให้มะม่วงของตนมีผลดก ก็ต้องหมั่น บำรุงรักษาเอา
ไม่ใช่แห่ไปชื่นชมต้นมะม่วงของคนอื่น ต้องไปปลูก ไปบำรุงต้นมะม่วงของตนเอง
การสร้างบารมีก็เช่นกัน ต้องสร้างต้อง ทำเอาเอง"

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ


หัวข้อ: Re: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ ธันวาคม 18, 2016, 11:07:24 AM
"อย่าไปยินดี ยินร้าย ในการอยู่ การเป็น การตาย สังขารทั้งหลาย
ไม่ว่า เนื้อ เล็บ หนัง กระดูก ผม ขน เป็นสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นมาทั้งสิ้น
มันไม่ใช่ตัวตน ไม่เป็นสิ่งอมตะ รอถึงวันแค่นั้นแหละ จะวันไหนก็แค่นั้นเอง ละวางซะ"

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ